Osaka Hokkaido Tokyo เที่ยวไป Dak ไป 13 วัน มันส์ยกแก๊ง #5sahaidakmhodjapan
ติดตามกระทู้ทั้งหมดได้จากที่นี่
♡chapter1- from DMK to KIX
http://pantip.com/topic/34425355
♡chapter2- hello universal city & dotonburi nightlife.
http://pantip.com/topic/34427250
♡chapter3- byebye osaka, say hi sapporo.
http://pantip.com/topic/34434693
♡chapter4- downtown sapporo.
http://pantip.com/topic/34440345
♡chapter5- stay a child at maruyama zoo & shiroi koibito chocolate factory
http://pantip.com/topic/34447453
♡chapter6- rainy otaru.
http://pantip.com/topic/34472663
♡chapter7- hell valley, noboribetsu.
http://pantip.com/topic/34533005
♡chapter8- breathtaking hakodate.
http://pantip.com/topic/34552687
♡chapter9- matane hokkaido,ohayo tokyo.
http://pantip.com/topic/34709894
♡special chapter- 24-hour-eating.
http://pantip.com/topic/34878346
♡chapter6- rainy otaru.
เดินทางมาได้เกือบครึ่งทางกันแล้ว วันนี้เข้าสู่วันที่ 6 เราจะไปเที่ยวเมืองโอตารุกัน
วันนี้จะเป็นวันแรกที่เราเปิดใช้ JR pass แบบ 7 วัน การเดินทางไปเมืองโอตารุจากซัปโปโรง่ายนิดเดียว แค่ขึ้นรถจากสถานี JR sapporo ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็ถึงโอตารุกันแล้ว (แนะนำให้ลงสถานี minami otaru จะใกล้สถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า สถานี otaru)
วันนี้เราแจ๊กพอตแตกกัน ฝนตกจ้า ทำให้การเดินทางลำบากขึ้นอีกระดับ เพราะมันหนาวมากกกกกกก
เริ่มต้นวัน มื้อเช้าเราขอพึ่งเซเว่นและอาหารที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาเกตตอนลดราคากัน
แซนวิชหมูทอดด ลดแล้วเหลือ 450 yen เท่านั้น กินคู่กับโกโก้ร้อนที่กดจากตู้ อร่อยยย
เริ่มออกเดินทาง เราหลงทางเดินขึ้นเขากัน เลยไปพบกับศาลเจ้าแถมได้ชมวิวโอตารุในมุมสูง (แต่ไม่ค่อยคุ้มกับการปีนเท่าไหร่555555)
โอตารุในมุมสูง ดูเงียบสงบมากๆ
พอลงมาปุ๊ปหมดพลังงาน ขอเติมพลังกันด้วยของหวานกันก่อน เลยไปแวะกันที่ร้าน LeTAO ร้านขนมหวานชื่อดังของเมืองนี้
พนักงานที่นี่เป็นคนไทยด้วยนะ เลยค่อยคุยกันง่ายหน่อย ภายในก็มีให้เลือกซื้อของฝากกับมุมที่ให้นั่งทานได้ในร้าน
สั่งมา 2 อย่าง พอรองท้องแก้หิว
ชีสเค้กของ LeTAO งานดีมากกกกก ห้ามพลาด
อีกชิ้นอารมณ์เป็น เครมบูเล่นิดนึง อร่อยเหมือนกัน
พอเติมพลังนิด ก็ไปลุยต่อ เราไปชมพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีกัน (ขอแอบเรียกว่าเป็นร้านขายกล่องดนตรี55555)
เข้าไปก็เหมือนเดิม ให้เราเลือกซื้อกล่องดนตรี บรรยากาศภายในก็มีเสียงดนตรีคลอๆ ดูเพลินๆ
เป้าหมายต่อไปของเรา คือ ร้านซูชิสายพานนน ขอบอกเลยว่าเป็นร้านซูชิที่ประทับใจสุดในทริปนี้แล้ว
ร้านนี้ชื่อว่า WARAKU ทางเดินเข้าร้านแอบดูหรูหรานิดนึง แต่ขอบอกว่าราคาไม่แพงอย่างที่คิด
พอเราได้ที่นั่ง ก็เริ่มหยิบซูชิจากสายพานกันเต็มโต๊ะเลยจ้าาาา ที่สำคัญไม่มีจานไหนผิดหวังเลยสักจาน (:
โอโทโร่ เนื้อนุ่มมาก แทบจะละลายในปากเลย ไม่มีกลิ่นคาวด้วย
เทมปุระ ทอดมาร้อนๆ อร่อยมาก
ท้องปลาแซลมอน มันๆ นิดนึง ปรุงรสชาติได้โอเคคคค
หมึก รสชาติก็อร่อยแบบหมึกๆ เป็นหมึกที่ดี ราคาถูกสุดแล้วจานนี้
ถั่วหมัก รสชาติไปติดตามกันเองละกัน5555
ปลาสีขาวอะไรก็ไม่รู้ ลองหยิบกินดูมั่วๆ555555 ก็อร่อยเหมือนกันแฮะ
Salmon Aburi รสชาติทั่วไป มีกลิ่นไหม้เล็กน้อย
ไข่ปลาแซลมอน อร่อยมาก ไม่เค็มเกินไป
กุ้ง รสชาตินุ่มลิ้น เด้งใช้ได้
หอยโฮตาเตะ ละลายในปากอีกแล้ว หวานด้วย ไม่มีกลิ่นคาวเลย
กุ้งโบตั๋น ถือเป็นอีกหนึ่งจานที่สุดยอด ดึ๋งๆ ในปาก แต่ถ้าใครไม่ชอบกุ้งดิบก็คงไม่ปลื้มเท่าไหร่
ไข่หอยเม่น รสชาติถือว่าได้มาตรฐานอยู่
กินกันจนเพลิน มาดูกองจานอีกที โอ้โห ค่าเสียหายหนักอยู่ คนละประมาณ 3000-4000 ¥
ก่อนจะไปต่อที่ของหวาน ขอซักภาพกับสะพานโอตารุในตำนาน ที่ที่ใครก็ต้องมาถ่ายรูปกัน ซึ่งวันนี้ฝนตก เลยได้บรรยากาศแบบนี้มาค่า
สองเอเลี่ยนตัวเขียวบุกโอตารุ ย้ากกก!
และแอบถ่ายรูปหนุ่มโอตารุกับพาหนะคู่ใจเก็บไว้หน่อย น่าจะสำหรับให้นักท่องเที่ยวนั่งชมเมืองโอตารุค่ะ
ต่อด้วยของหวานที่เราคุ้นเคยกันดี ซอฟต์ครีม ทาด๊าาา เป็นร้านเล็กๆ อยู่ริมถนน เดินเข้าซอยๆไปนิดนึง อาจจะหายากหน่อย
ร้านนี้ขายแค่รสวานิลลากับรสเมลอน เราเลยขอลองจัดรสเมลอนคู่กับเมลอนสดสักหน่อย (700กว่าๆ yen) ไอติมรสหวานทำให้ไปลดความหวานของเมลอนไปนิด แต่โดยรวมแล้วอร่อยมาก
ก็เลยขอลองซอฟต์ครีมมิกซ์กับเมลอนธรรมดาของร้านนี้ดูบ้าง สองรสชาติตัดกันได้ดีเลย (330yen)
แล้วก็ใกล้ถึงเวลาที่เราจะต้องร่ำลาโอตารุกันแล้ว เราเลยขอออกมาถ่ายรูปกับวิวคลองโอตารุยามเย็น เต็มไปด้วยแสงไฟ โรแมนติกมากๆ (ขนาดจขกท.ไม่มีคู่นะเนี่ย) ส่งท้ายเมืองนี้กันหน่อย
สุดท้ายก่อนกลับขอแวะร้านไอติมอีกซักร้านส่งท้ายจริงๆ และ มีความพิเศษตรงที่เป็นไอติม 7 ชั้น รสชาติไม่ซ้ำกันเลย
ขากลับก็เดินทางด้วยรถไฟขึ้นที่สถานี Minami Otaru ลงที่สถานี Hosuisusukino เพื่อไปกินร้านเทมปุระที่คราวที่แล้วไปแล้วมันปิด แต่ปรากฏว่าจะกินร้านนี้ต้องจองก่อน T____T อดเลยจ้า เลยไปจบลงที่ร้านนาเบะ (คล้ายๆ จิ้มจุ่มบ้านเรา) ที่อยู่ข้างๆแทน
เราสั่งเซตปกติมา 4 เซต (ด้วยความผิดพลาดทางภาษา ความจริงเซตนึงมันกินได้ 2คน) มีทั้งเนื้อสัตว์แล้วก็ผักครบเลย ราคาเซตละ 990 เยน
สั่งของกินเล่นมาหน่อย เป็นไข่เจียวสูตรเฉพาะของร้าน(มั้ง) คิดดูขนาดไข่เจียวยังอร่อย ไม่รู้ใส่อะไรไปบ้าง 5555555
จานนี้เหมือนเป็นหมูย่างกะทะร้อน อร่อยใช้ได้แต่แอบแพงไปนิดเพราะให้น้อย (550¥)
ตอนกินจะหมดถ้าเราสั่งเส้นราเมงเพิ่มเข้าไป เค้าก็เอามาลงให้ตอนนั้นเพื่อกินกับน้ำซุปที่ยังเหลืออยู่ในหม้อ จะให้รสชาติน้ำซุปที่เข้มข้นกว่าแต่พอกินคู่กับเส้นราเมงแล้วรสชาติลงตัวกำลังดีเลย
พรุ่งนี้เราต้องโบกมืออำลาซัปโปโรกันแล้วววว เราจะนั่งรถไฟไปแวะเที่ยวเมืองโนโบริเบ็ทสึกัน ʕ•ᴥ•ʔ
[CR] Osaka Hokkaido Tokyo เที่ยวไป Dak ไป 13 วัน มันส์ยกแก๊ง #5sahaidakmhodjapan: ♡chapter6- rainy otaru.
ติดตามกระทู้ทั้งหมดได้จากที่นี่
♡chapter1- from DMK to KIX
http://pantip.com/topic/34425355
♡chapter2- hello universal city & dotonburi nightlife.
http://pantip.com/topic/34427250
♡chapter3- byebye osaka, say hi sapporo.
http://pantip.com/topic/34434693
♡chapter4- downtown sapporo.
http://pantip.com/topic/34440345
♡chapter5- stay a child at maruyama zoo & shiroi koibito chocolate factory
http://pantip.com/topic/34447453
♡chapter6- rainy otaru.
http://pantip.com/topic/34472663
♡chapter7- hell valley, noboribetsu.
http://pantip.com/topic/34533005
♡chapter8- breathtaking hakodate.
http://pantip.com/topic/34552687
♡chapter9- matane hokkaido,ohayo tokyo.
http://pantip.com/topic/34709894
♡special chapter- 24-hour-eating.
http://pantip.com/topic/34878346
เดินทางมาได้เกือบครึ่งทางกันแล้ว วันนี้เข้าสู่วันที่ 6 เราจะไปเที่ยวเมืองโอตารุกัน
วันนี้จะเป็นวันแรกที่เราเปิดใช้ JR pass แบบ 7 วัน การเดินทางไปเมืองโอตารุจากซัปโปโรง่ายนิดเดียว แค่ขึ้นรถจากสถานี JR sapporo ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก็ถึงโอตารุกันแล้ว (แนะนำให้ลงสถานี minami otaru จะใกล้สถานที่ท่องเที่ยวมากกว่า สถานี otaru)
วันนี้เราแจ๊กพอตแตกกัน ฝนตกจ้า ทำให้การเดินทางลำบากขึ้นอีกระดับ เพราะมันหนาวมากกกกกกก
เริ่มต้นวัน มื้อเช้าเราขอพึ่งเซเว่นและอาหารที่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาเกตตอนลดราคากัน
แซนวิชหมูทอดด ลดแล้วเหลือ 450 yen เท่านั้น กินคู่กับโกโก้ร้อนที่กดจากตู้ อร่อยยย
เริ่มออกเดินทาง เราหลงทางเดินขึ้นเขากัน เลยไปพบกับศาลเจ้าแถมได้ชมวิวโอตารุในมุมสูง (แต่ไม่ค่อยคุ้มกับการปีนเท่าไหร่555555)
โอตารุในมุมสูง ดูเงียบสงบมากๆ
พอลงมาปุ๊ปหมดพลังงาน ขอเติมพลังกันด้วยของหวานกันก่อน เลยไปแวะกันที่ร้าน LeTAO ร้านขนมหวานชื่อดังของเมืองนี้
พนักงานที่นี่เป็นคนไทยด้วยนะ เลยค่อยคุยกันง่ายหน่อย ภายในก็มีให้เลือกซื้อของฝากกับมุมที่ให้นั่งทานได้ในร้าน
สั่งมา 2 อย่าง พอรองท้องแก้หิว
ชีสเค้กของ LeTAO งานดีมากกกกก ห้ามพลาด
อีกชิ้นอารมณ์เป็น เครมบูเล่นิดนึง อร่อยเหมือนกัน
พอเติมพลังนิด ก็ไปลุยต่อ เราไปชมพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีกัน (ขอแอบเรียกว่าเป็นร้านขายกล่องดนตรี55555)
เข้าไปก็เหมือนเดิม ให้เราเลือกซื้อกล่องดนตรี บรรยากาศภายในก็มีเสียงดนตรีคลอๆ ดูเพลินๆ
เป้าหมายต่อไปของเรา คือ ร้านซูชิสายพานนน ขอบอกเลยว่าเป็นร้านซูชิที่ประทับใจสุดในทริปนี้แล้ว
ร้านนี้ชื่อว่า WARAKU ทางเดินเข้าร้านแอบดูหรูหรานิดนึง แต่ขอบอกว่าราคาไม่แพงอย่างที่คิด
พอเราได้ที่นั่ง ก็เริ่มหยิบซูชิจากสายพานกันเต็มโต๊ะเลยจ้าาาา ที่สำคัญไม่มีจานไหนผิดหวังเลยสักจาน (:
โอโทโร่ เนื้อนุ่มมาก แทบจะละลายในปากเลย ไม่มีกลิ่นคาวด้วย
เทมปุระ ทอดมาร้อนๆ อร่อยมาก
ท้องปลาแซลมอน มันๆ นิดนึง ปรุงรสชาติได้โอเคคคค
หมึก รสชาติก็อร่อยแบบหมึกๆ เป็นหมึกที่ดี ราคาถูกสุดแล้วจานนี้
ถั่วหมัก รสชาติไปติดตามกันเองละกัน5555
ปลาสีขาวอะไรก็ไม่รู้ ลองหยิบกินดูมั่วๆ555555 ก็อร่อยเหมือนกันแฮะ
Salmon Aburi รสชาติทั่วไป มีกลิ่นไหม้เล็กน้อย
ไข่ปลาแซลมอน อร่อยมาก ไม่เค็มเกินไป
กุ้ง รสชาตินุ่มลิ้น เด้งใช้ได้
หอยโฮตาเตะ ละลายในปากอีกแล้ว หวานด้วย ไม่มีกลิ่นคาวเลย
กุ้งโบตั๋น ถือเป็นอีกหนึ่งจานที่สุดยอด ดึ๋งๆ ในปาก แต่ถ้าใครไม่ชอบกุ้งดิบก็คงไม่ปลื้มเท่าไหร่
ไข่หอยเม่น รสชาติถือว่าได้มาตรฐานอยู่
กินกันจนเพลิน มาดูกองจานอีกที โอ้โห ค่าเสียหายหนักอยู่ คนละประมาณ 3000-4000 ¥
ก่อนจะไปต่อที่ของหวาน ขอซักภาพกับสะพานโอตารุในตำนาน ที่ที่ใครก็ต้องมาถ่ายรูปกัน ซึ่งวันนี้ฝนตก เลยได้บรรยากาศแบบนี้มาค่า
สองเอเลี่ยนตัวเขียวบุกโอตารุ ย้ากกก!
และแอบถ่ายรูปหนุ่มโอตารุกับพาหนะคู่ใจเก็บไว้หน่อย น่าจะสำหรับให้นักท่องเที่ยวนั่งชมเมืองโอตารุค่ะ
ต่อด้วยของหวานที่เราคุ้นเคยกันดี ซอฟต์ครีม ทาด๊าาา เป็นร้านเล็กๆ อยู่ริมถนน เดินเข้าซอยๆไปนิดนึง อาจจะหายากหน่อย
ร้านนี้ขายแค่รสวานิลลากับรสเมลอน เราเลยขอลองจัดรสเมลอนคู่กับเมลอนสดสักหน่อย (700กว่าๆ yen) ไอติมรสหวานทำให้ไปลดความหวานของเมลอนไปนิด แต่โดยรวมแล้วอร่อยมาก
ก็เลยขอลองซอฟต์ครีมมิกซ์กับเมลอนธรรมดาของร้านนี้ดูบ้าง สองรสชาติตัดกันได้ดีเลย (330yen)
แล้วก็ใกล้ถึงเวลาที่เราจะต้องร่ำลาโอตารุกันแล้ว เราเลยขอออกมาถ่ายรูปกับวิวคลองโอตารุยามเย็น เต็มไปด้วยแสงไฟ โรแมนติกมากๆ (ขนาดจขกท.ไม่มีคู่นะเนี่ย) ส่งท้ายเมืองนี้กันหน่อย
สุดท้ายก่อนกลับขอแวะร้านไอติมอีกซักร้านส่งท้ายจริงๆ และ มีความพิเศษตรงที่เป็นไอติม 7 ชั้น รสชาติไม่ซ้ำกันเลย
ขากลับก็เดินทางด้วยรถไฟขึ้นที่สถานี Minami Otaru ลงที่สถานี Hosuisusukino เพื่อไปกินร้านเทมปุระที่คราวที่แล้วไปแล้วมันปิด แต่ปรากฏว่าจะกินร้านนี้ต้องจองก่อน T____T อดเลยจ้า เลยไปจบลงที่ร้านนาเบะ (คล้ายๆ จิ้มจุ่มบ้านเรา) ที่อยู่ข้างๆแทน
เราสั่งเซตปกติมา 4 เซต (ด้วยความผิดพลาดทางภาษา ความจริงเซตนึงมันกินได้ 2คน) มีทั้งเนื้อสัตว์แล้วก็ผักครบเลย ราคาเซตละ 990 เยน
สั่งของกินเล่นมาหน่อย เป็นไข่เจียวสูตรเฉพาะของร้าน(มั้ง) คิดดูขนาดไข่เจียวยังอร่อย ไม่รู้ใส่อะไรไปบ้าง 5555555
จานนี้เหมือนเป็นหมูย่างกะทะร้อน อร่อยใช้ได้แต่แอบแพงไปนิดเพราะให้น้อย (550¥)
ตอนกินจะหมดถ้าเราสั่งเส้นราเมงเพิ่มเข้าไป เค้าก็เอามาลงให้ตอนนั้นเพื่อกินกับน้ำซุปที่ยังเหลืออยู่ในหม้อ จะให้รสชาติน้ำซุปที่เข้มข้นกว่าแต่พอกินคู่กับเส้นราเมงแล้วรสชาติลงตัวกำลังดีเลย
พรุ่งนี้เราต้องโบกมืออำลาซัปโปโรกันแล้วววว เราจะนั่งรถไฟไปแวะเที่ยวเมืองโนโบริเบ็ทสึกัน ʕ•ᴥ•ʔ