Ohayo Gozaimasu !!!
กลับมาอีกครั้งกับทริปเดินทางฉบับ “เดินไป ถ่ายไป” รอบนี้ผมจะพาไปเที่ยว
Sapporo เมืองใหญ่ใจกลางเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น บินง่าย เที่ยวง่าย อาหารอร่อย และเดินสนุกแบบคนนอนน้อยก็ยังไหว 😆
วันที่เดินทาง: 27 – 30 พฤศจิกายน 2568
ค่าใช้จ่าย: คนละประมาณ
40,000 บาท รวมหมดแล้วทั้งค่าเครื่อง ค่าที่พัก และค่ากิน
เหมาะกับ: คนชอบเที่ยวเมืองชิล ๆ เดินง่าย ไม่วุ่นวาย, มือใหม่เที่ยวฮอกไกโด
... ไปจ๊ะ ...
🛫 วันที่ 26 - 27 พฤศจิกายน (เดินทาง กรุงเทพ - ซัปโปโร)
วันแรกเป็นวันเดินทาง ออกจากสนามบินดอนเมือง
จริง ๆ เครื่องต้องออกตอน 01:50 น. แต่ดันดีเลย์ไป 1 ชั่วโมงครึ่ง เพราะการจราจรทางอากาศหนาแน่น
แอบเซ็งนิด ๆ เพราะต้องไปงีบบนเครื่องยาว ๆ 😅
แต่สุดท้ายก็มาถึง New Chitose Airport แบบไร้ปัญหา
จากนั้นก็นั่งรถ JR เข้าเมือง Sapporo ไปหย่อนกระเป๋าที่โรงแรมก่อน
และนี่คือ “วิวแรก” หลังออกจากสถานีรถไฟ…สวยใช่เล่นเลยจ้า
อากาศประมาณ
4–5°C เย็นสะใจ แต่ไม่มีหิมะ!
โรงแรมของเราคือ
Hotel myStays Sapporo Station เดินจากสถานีแค่ 5 นาที สะดวกมาก
หลังเก็บของปุ๊บ ก็เริ่มภารกิจหาของกิน
โรงแรมบอกให้เดินทาง
Underground Passage ไป จะเจอห้าง
Stellar Place
มื้อแรกจัด
Hamburg + ไข่ข้น ซอสเข้มข้น อร่อยใช้ได้เลย
ตัดภาพกลับมาที่โรงแรมตอนเย็นประมาณ 16:00 น.
หน้าหนาวญี่ปุ่นความมืดมาเร็วมาก ไฟตามถนนเริ่มเปิดแล้ว บรรยากาศโคตรดี ❄️
พักแป๊บเดียวก็ได้เวลาอาหารเย็นอีกละ 😅
คราวนี้ตั้งใจไปลองอาหารไอคอนของซัปโปโร—
ซุปแกงกะหรี่ (Soup Curry)
ต่างกับข้าวแกงกะหรี่ทั่วไปตรงที่เป็นซุปและรสเบากว่า
ร้านที่เลือกคือ
Soup Curry King คนต่อคิวเยอะมาก รอเกือบ 40 นาที!
ถึงคิวของเราแล้ววววว
มื้อนี้ยังคงติดใจกับ แฮมเบิร์ก เลยสั่งเป็นซุปแกงกะหรี่แฮมเบิร์กหมูมากิน รสชาติเยี่ยมเลย ไม่เค็ม มีกลิ่นซุป (ไก่) ที่สั่งไป อิ่มกำลังดีเลยล่ะแก อากาศหนาวๆ ได้กินสิ่งนี้บอกเลยว่าฟินจัด
หลังมื้อเย็นก็เดินกลับไปถ่ายรูปแถวสถานี Sapporo บริเวณนี้คือเขต
JR Tower มีห้าง ร้านค้า ของกินครบทุกอย่าง ใครพักแถวนี้บอกเลย “สบาย ไม่อดตาย ไม่หลงแน่นอน”
วันแรกจบๆ ไปแบบทั้งกิน ทั้งเดิน ต้องขอตัวไปนอนก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนน 💤💤💤
🏙️ วันที่ 28 พฤศจิกายน (ตระเวน City Tour - Jozenkei)
วันนี้อากาศ 4°C พร้อมฝนปรอย ๆ เล็กน้อย
แต่งตัวง่าย ๆ ด้วย HeatTech + Coat + ผ้าพันคอ ก็เอาอยู่
เริ่มเดินไป
Nijo Market ตลาดปลาขึ้นชื่อของซัปโปโร ระหว่างทางแวะถ่ายรูปกับแลนด์มาร์กดัง
Hokkaidō Prefectural Government Office (อาคารอิฐแดง)
สวยแบบวินเทจมาก
เราเดินเล่นอยู่สัก 15 นาที ก็มุ่งหน้า หาของกินต่อ 555+ กองทัพอาจจจะเดินด้วยเท้า แต่เราด้วยคาเฟอีน และของกิน เดินไปสักพักจาก ที่ว่าการ ก็จะเจอร้านกาแฟที่เขาแนะนำกัน
ร้านนี้ชื่อ "Baristart" เป็นร้านเล็กๆ มีที่นั่งกินจุ๋มจิ๋มด้านใน เมนูเด่นคือ กาแฟ และชาเขียว ที่ใส่นมฮอกไกโด บอกเลยว่า ฟินจัด เพราะนมฮอกไกโดที่มัน ข้นเข้ากันได้ดีกับกาแฟมาก นอกจากนี้ ร้านนี้ยังมี Specialty ให้ลองด้วย เหมือนจะมีคั่วกลาง กับอ่อน แต่เราไม่สน เราขอกินกาแฟนมวันนี้ บอกเลยว่านัวร์สุดๆ ไปเลยพี่จ๋า
ระหว่างทางเราเจอสิ่งนี้ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่พอไปดูคลิปของ "อาสาพาไปหลง" เลยรู้ว่ามันเป็นเหมือนทราย ในตอนที่หิมะปกคลุม กันลื่น โอ้ว คนญี่ปุ่นนี่ช่างละเอียดละออ สมคำร่ำลือจริงๆ อยากจะลองใช้เหมือนกันแต่ไม่มีหิมะให้ใช้ ป้าดดดโถ่ว
เดินต่อดีกว่า อีกประมาณ 10 นาที ก็จะถึงตลาดปลา นิโจ "Nijo Market" แล้ว
ตลาดปลานิโจ เป็นตลาดเก่าแก่มากกกก ขายมาหลายอายุชั่วคน จริงๆ ไม่ได้ใหญ่มาก และขายของสด เราเลือกร้านชื่อ "DONBEE" เป็นร้านดังอีกร้านที่ขายข้าวหน้าปลาดิบ และเมนูซาชิมิ ต่างๆ รอประมาณ 15 นาที ก็ได้เข้า โชคดีจริงๆ เพราะมาถึงประมาณ 11 โมงกว่า ไม่ใช่ช่วงเค้ากินอาการกลางวันกัน
เราสั่งข้าวหน้าคอมโบอะไรสักอย่าง บอกเลยว่าดีงามสุดๆ ทั้งปลาแซลมอน ทูน่า มีปูนิดนึง กุ้งนิดหน่อย ปลาหมึกฝอยๆ จานนี้น่าจะ 2480 เยน หรือ 500 กว่าบาท สั่งเถอะครับ อร่อยสุดๆ 5555+ เยอะด้วย นั่งละเมียดนานมากกว่าจะหมด
หลังจากกินเราเดินย้อนกลับมาที่ตลาด ทาคุมิอายิซอส !!! เห้ย " Tanukkikoji" 555+ ตบมุกแบบตัวอักษรฝืนๆ กันไป
ตลาดนี้เป็น Shopping Street ที่ตอนกลางคืนคนหน้าแน่นมากก ถือเป็นย่านของสายช้อปทีเดียว เราเดินๆๆ ไปสักพัก ได้ของมานิดหน่อย แต่วันนี้ยังก่อนน อาจจะยังนะ เพราะต้องไปที่อื่นต่อ ไม่อยากพะรุงพะรัง
สำหรับเป้าหมายต่อไปของเราคือเมือง "Jozenkei" เมืองแห่งน้ำพุร้อนประจำถิ่น การเดินทาง จำให้จงดีเลย เป็นครั้งแรกที่เราใช้บริการรถบัสของ ญี่ปุ่น 5555+ ตื่นเต้นมาก
จริงๆ เราเริ่มจากไปหาข้อมูลที่สถานีซัปโปโร แต่จะวาร์ปไปที่สถานีรถบัสเลย ที่หมายเลข 26-27 โดยจริงๆ แล้วจะต้องจองล่วงหน้า เพราะคนที่ไปพัก Jozenkei ส่วนใหญ่เขาไปพักกัน แต่เราจะไปแบบ One Day Trip ต้องไปรอ local bus ที่สถานีนั้นๆ แต่เราออดอ้อน คนรถบัสแบบจอง จนได้ที่นังมา 555+ สนน ราคาคนละ 1400 เยน
Jozenkei เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่สวยงามนะ เห็นภาพตอนมีหิมะอย่างสวย แต่ผมไปไม่เจอ โดยเราสามารถไปใช้บริการ onzen อย่างเดียวได้ คนละ 200-300 บาท เอง ของเราไปที่โรงแรม "Jozenkei View Hotel" ไปแช่ออนเซ็นอยู่ ชั่วโมงนึง จะบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก คนเยอะจริง แต่การจัดการ และ Facilities เรียบร้อย สะอาดสะอ้าน แต่อาจจะเขิลนิดหน่อย ไม่เคยต้องอาบน้ำกับหนุ่มเยอะขนาดนี้ 5555+
ขากลับ ก็จับรถบัสหน้า โรงแรมกลับมาที่เมือง มาดูวิวไฟประดับประดา สวยงามมม ภาพอาจจะแตกระแหงหน่อย เหมือนใช้เครื่องคิดเลขถ่าย เพราะผมถ่ายรูปไม่เก่งเลยขออภัยด้วย 555+
อีกหนึ่ง Stop ที่ไม่มาไม่ได้คือย่าน "Susukino" แหล่งรวมอาหาร เครื่องดื่ม ที่ช้อปปิ้ง แถวนั้นมี Mega Don Quixote อยู่ด้วย ใครอยากช้อปก็ต้องไปย่านนี้แหล่ะ โดยย่านนี้จะติดๆ กับเจ้า Tanukikoji นั่นแหล่ะครับ
จริงๆ ผมไปกินดื่มที่ร้านแถวนั้นด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายมา คืนนี้ขอลา สายัณสวัสดิ์นะครับ 💤💤💤
🛤️ วันที่ 29 พฤศจิกายน (Otaru)
วันนี้ผมขอมอบช่วงเช้า สาย บ่ายแก่ๆ ให้กับเมือง Otaru ไปเลย อีกเมืองที่ควรค่าแกการไปแวะเวียน การเดินทางสามารถนั่งรถไฟจากสถานีซัปโปโรไปได้เลยแค่ 40 นาที เท่านั้น
แนะนำให้นั่งฝั่งขวาของตัวรถไฟ เพราะรถไฟเส้นไป Otaru จะผ่าน ชายหาด ริ่มทะเล สวยมาก เพิ่งเคยนั่งรถไฟติดกับทะเลขนาดนี้ครั้งแรก จะหลับก็ไม่กล้า กลัวพลาดวิวดีๆ แต่ไม่ต้องกลัวเลยป้ายนะ เพราะ Otaru เป็นป้ายสุดท้ายพอดีครับ 555+
Otaru เป็นเมืองริมทะเลที่สวยงามครับ คนพลุกพล่าน ตามสไตล์ย่านท่องเที่ยว เดินง่ายมีของกิน ตอนไปถึงเจอคุณพี่ตำรวจขับรถอย่างเท่ เลยต้องเก็บภาพไว้เสียหน่อย จุดแรกที่จะไปคือ "Otaru Canal" เดินจาก สถานีรถไฟไป 15 - 20 นาที เท่านั้นเองจ้า 👣👣
คลองโอตารุ เป็นสถานที่ที่หลายคนแวะเวียนมา เหมือนคลองเวนิซ มีบริการนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ แต่ผมไม่ได้ลงนะ เน้นเดินๆ ถ่ายภาพ บริเวณทางเท้าจะมีคนรับถ่ายภาพ และวาดรูปด้วย สวยดีนะ ไปถึงเช้าก็จะได้ฟีลประมาณนี้ แต่ถ้าไปเย็น จะมีไฟ สวยไปอีกแบบครับ
บรรเยากาศเมืองจะมีคลอง และวิวภูเขาหิมะด้านหลัง เดินเพลินๆ ได้เลยนะ แอบเจอน้องเป็ดด้วย เลยแอบถ่ายมา น่าร้ากก อยากลงไปเล่นน้ำด้วยเลย แต่กลัวเป็นข่าว อดเข้าญี่ปุ่นอีก เลยขอบายยย
มื้อแรกของวันก็จัดขนมเลยที่ร้าน "Letao" สุดยอดร้านชีสเค้กที่สาวน้อยสาวใหญ่อยากลอง เราก็ไปแวะเวียน ขนมอร่อยมากเลยอยากให้ไปลองกันนะราคาไม่แพงมากจ้า
ทีเด็ดของที่นี่ดูเหมือนจะเป็นเครื่องแก้ว ซึ่งเราไม่สันทัด 555+ เดินไป ระวังกระเป๋าไป กลัวทำของเค้าแตก (เค้ารอด ผมรอด 555)
ปิดท้ายด้วย
ราเมงบัตเตอร์คอร์น อุ่น ๆ
หลังจากนี้เราจะกลับเข้าเมืองไปช้อปปิ้งของฝาก บริเวณ Sapporo Station อาจจะไม่ได้ถ่ายเอาไว้ จบอีกวันที่สุดแสนจะเพอร์เฟค
🇹🇭 วันที่ 30 พฤศจิกายน (to BKK Thailand)
ถึงเวลาต้องกลับแล้ว มาน้อย แต่ก็อยากมาอีก ไว้วางแผนมาใหม่ ตอนดอกไม้สวยๆ เรานั่ง JR กลับมา สะดวกสบาย ก่อนกลับก็มาสอย ไอศครีมฮอกไกโดเสียหน่อย ไม่ให้เสียชื่อมาถึงที่นี่
จบแล้วกับทริปสั้นๆ ครั้งนี้นะครับ
📝 สรุปรีวิวเที่ยว Sapporo ฮอกไกโด
- ซัปโปโรเที่ยวง่ายมาก เมืองสงบ เดินง่าย เดินปลอดภัย ร้านค้าครบ
- อาหารอร่อยกว่าที่คิด และไม่เค็มเท่าโตเกียว
- แม้ไม่เจอหิมะ แต่ได้บรรยากาศดี ๆ กลับมามากมาย
- งบประมาณ 40,000 บาทถือว่าเอาอยู่สบาย ๆ
- เหมาะกับมือใหม่เที่ยวฮอกไกโด หรือคนที่อยากพักผ่อนแบบไม่ต้องเร่งรีบ
ใครไปแล้วมีภาพสวยๆ ประสบการณ์ดีๆ ก็มาอวดกันได้นะ หรือใครอยากสอบถามอะไรก็ได้เลย พร้อมช่วยเหลือคับ
- - จบแล้ว - -
[CR] ซัปโปโร เมืองดี อาหารดี เสียที ดั๊นนน ไม่เจอหิมะปลายปี
Ohayo Gozaimasu !!!
กลับมาอีกครั้งกับทริปเดินทางฉบับ “เดินไป ถ่ายไป” รอบนี้ผมจะพาไปเที่ยว Sapporo เมืองใหญ่ใจกลางเกาะฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น บินง่าย เที่ยวง่าย อาหารอร่อย และเดินสนุกแบบคนนอนน้อยก็ยังไหว 😆
วันที่เดินทาง: 27 – 30 พฤศจิกายน 2568
ค่าใช้จ่าย: คนละประมาณ 40,000 บาท รวมหมดแล้วทั้งค่าเครื่อง ค่าที่พัก และค่ากิน
เหมาะกับ: คนชอบเที่ยวเมืองชิล ๆ เดินง่าย ไม่วุ่นวาย, มือใหม่เที่ยวฮอกไกโด
อากาศประมาณ 4–5°C เย็นสะใจ แต่ไม่มีหิมะ!
โรงแรมของเราคือ Hotel myStays Sapporo Station เดินจากสถานีแค่ 5 นาที สะดวกมาก
หลังเก็บของปุ๊บ ก็เริ่มภารกิจหาของกิน
โรงแรมบอกให้เดินทาง Underground Passage ไป จะเจอห้าง Stellar Place
มื้อแรกจัด Hamburg + ไข่ข้น ซอสเข้มข้น อร่อยใช้ได้เลย
ตัดภาพกลับมาที่โรงแรมตอนเย็นประมาณ 16:00 น.
หน้าหนาวญี่ปุ่นความมืดมาเร็วมาก ไฟตามถนนเริ่มเปิดแล้ว บรรยากาศโคตรดี ❄️
พักแป๊บเดียวก็ได้เวลาอาหารเย็นอีกละ 😅
คราวนี้ตั้งใจไปลองอาหารไอคอนของซัปโปโร—ซุปแกงกะหรี่ (Soup Curry)
ต่างกับข้าวแกงกะหรี่ทั่วไปตรงที่เป็นซุปและรสเบากว่า
ร้านที่เลือกคือ Soup Curry King คนต่อคิวเยอะมาก รอเกือบ 40 นาที!
ถึงคิวของเราแล้ววววว
มื้อนี้ยังคงติดใจกับ แฮมเบิร์ก เลยสั่งเป็นซุปแกงกะหรี่แฮมเบิร์กหมูมากิน รสชาติเยี่ยมเลย ไม่เค็ม มีกลิ่นซุป (ไก่) ที่สั่งไป อิ่มกำลังดีเลยล่ะแก อากาศหนาวๆ ได้กินสิ่งนี้บอกเลยว่าฟินจัด
หลังมื้อเย็นก็เดินกลับไปถ่ายรูปแถวสถานี Sapporo บริเวณนี้คือเขต JR Tower มีห้าง ร้านค้า ของกินครบทุกอย่าง ใครพักแถวนี้บอกเลย “สบาย ไม่อดตาย ไม่หลงแน่นอน”
วันแรกจบๆ ไปแบบทั้งกิน ทั้งเดิน ต้องขอตัวไปนอนก่อนนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกันนน 💤💤💤
แต่งตัวง่าย ๆ ด้วย HeatTech + Coat + ผ้าพันคอ ก็เอาอยู่
เริ่มเดินไป Nijo Market ตลาดปลาขึ้นชื่อของซัปโปโร ระหว่างทางแวะถ่ายรูปกับแลนด์มาร์กดัง
Hokkaidō Prefectural Government Office (อาคารอิฐแดง)
สวยแบบวินเทจมาก
เราเดินเล่นอยู่สัก 15 นาที ก็มุ่งหน้า หาของกินต่อ 555+ กองทัพอาจจจะเดินด้วยเท้า แต่เราด้วยคาเฟอีน และของกิน เดินไปสักพักจาก ที่ว่าการ ก็จะเจอร้านกาแฟที่เขาแนะนำกัน
ร้านนี้ชื่อ "Baristart" เป็นร้านเล็กๆ มีที่นั่งกินจุ๋มจิ๋มด้านใน เมนูเด่นคือ กาแฟ และชาเขียว ที่ใส่นมฮอกไกโด บอกเลยว่า ฟินจัด เพราะนมฮอกไกโดที่มัน ข้นเข้ากันได้ดีกับกาแฟมาก นอกจากนี้ ร้านนี้ยังมี Specialty ให้ลองด้วย เหมือนจะมีคั่วกลาง กับอ่อน แต่เราไม่สน เราขอกินกาแฟนมวันนี้ บอกเลยว่านัวร์สุดๆ ไปเลยพี่จ๋า
ระหว่างทางเราเจอสิ่งนี้ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าคืออะไร แต่พอไปดูคลิปของ "อาสาพาไปหลง" เลยรู้ว่ามันเป็นเหมือนทราย ในตอนที่หิมะปกคลุม กันลื่น โอ้ว คนญี่ปุ่นนี่ช่างละเอียดละออ สมคำร่ำลือจริงๆ อยากจะลองใช้เหมือนกันแต่ไม่มีหิมะให้ใช้ ป้าดดดโถ่ว
เดินต่อดีกว่า อีกประมาณ 10 นาที ก็จะถึงตลาดปลา นิโจ "Nijo Market" แล้ว
ตลาดปลานิโจ เป็นตลาดเก่าแก่มากกกก ขายมาหลายอายุชั่วคน จริงๆ ไม่ได้ใหญ่มาก และขายของสด เราเลือกร้านชื่อ "DONBEE" เป็นร้านดังอีกร้านที่ขายข้าวหน้าปลาดิบ และเมนูซาชิมิ ต่างๆ รอประมาณ 15 นาที ก็ได้เข้า โชคดีจริงๆ เพราะมาถึงประมาณ 11 โมงกว่า ไม่ใช่ช่วงเค้ากินอาการกลางวันกัน
เราสั่งข้าวหน้าคอมโบอะไรสักอย่าง บอกเลยว่าดีงามสุดๆ ทั้งปลาแซลมอน ทูน่า มีปูนิดนึง กุ้งนิดหน่อย ปลาหมึกฝอยๆ จานนี้น่าจะ 2480 เยน หรือ 500 กว่าบาท สั่งเถอะครับ อร่อยสุดๆ 5555+ เยอะด้วย นั่งละเมียดนานมากกว่าจะหมด
หลังจากกินเราเดินย้อนกลับมาที่ตลาด ทาคุมิอายิซอส !!! เห้ย " Tanukkikoji" 555+ ตบมุกแบบตัวอักษรฝืนๆ กันไป
ตลาดนี้เป็น Shopping Street ที่ตอนกลางคืนคนหน้าแน่นมากก ถือเป็นย่านของสายช้อปทีเดียว เราเดินๆๆ ไปสักพัก ได้ของมานิดหน่อย แต่วันนี้ยังก่อนน อาจจะยังนะ เพราะต้องไปที่อื่นต่อ ไม่อยากพะรุงพะรัง
สำหรับเป้าหมายต่อไปของเราคือเมือง "Jozenkei" เมืองแห่งน้ำพุร้อนประจำถิ่น การเดินทาง จำให้จงดีเลย เป็นครั้งแรกที่เราใช้บริการรถบัสของ ญี่ปุ่น 5555+ ตื่นเต้นมาก
จริงๆ เราเริ่มจากไปหาข้อมูลที่สถานีซัปโปโร แต่จะวาร์ปไปที่สถานีรถบัสเลย ที่หมายเลข 26-27 โดยจริงๆ แล้วจะต้องจองล่วงหน้า เพราะคนที่ไปพัก Jozenkei ส่วนใหญ่เขาไปพักกัน แต่เราจะไปแบบ One Day Trip ต้องไปรอ local bus ที่สถานีนั้นๆ แต่เราออดอ้อน คนรถบัสแบบจอง จนได้ที่นังมา 555+ สนน ราคาคนละ 1400 เยน
Jozenkei เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่สวยงามนะ เห็นภาพตอนมีหิมะอย่างสวย แต่ผมไปไม่เจอ โดยเราสามารถไปใช้บริการ onzen อย่างเดียวได้ คนละ 200-300 บาท เอง ของเราไปที่โรงแรม "Jozenkei View Hotel" ไปแช่ออนเซ็นอยู่ ชั่วโมงนึง จะบอกว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก คนเยอะจริง แต่การจัดการ และ Facilities เรียบร้อย สะอาดสะอ้าน แต่อาจจะเขิลนิดหน่อย ไม่เคยต้องอาบน้ำกับหนุ่มเยอะขนาดนี้ 5555+
ขากลับ ก็จับรถบัสหน้า โรงแรมกลับมาที่เมือง มาดูวิวไฟประดับประดา สวยงามมม ภาพอาจจะแตกระแหงหน่อย เหมือนใช้เครื่องคิดเลขถ่าย เพราะผมถ่ายรูปไม่เก่งเลยขออภัยด้วย 555+
อีกหนึ่ง Stop ที่ไม่มาไม่ได้คือย่าน "Susukino" แหล่งรวมอาหาร เครื่องดื่ม ที่ช้อปปิ้ง แถวนั้นมี Mega Don Quixote อยู่ด้วย ใครอยากช้อปก็ต้องไปย่านนี้แหล่ะ โดยย่านนี้จะติดๆ กับเจ้า Tanukikoji นั่นแหล่ะครับ
จริงๆ ผมไปกินดื่มที่ร้านแถวนั้นด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายมา คืนนี้ขอลา สายัณสวัสดิ์นะครับ 💤💤💤
แนะนำให้นั่งฝั่งขวาของตัวรถไฟ เพราะรถไฟเส้นไป Otaru จะผ่าน ชายหาด ริ่มทะเล สวยมาก เพิ่งเคยนั่งรถไฟติดกับทะเลขนาดนี้ครั้งแรก จะหลับก็ไม่กล้า กลัวพลาดวิวดีๆ แต่ไม่ต้องกลัวเลยป้ายนะ เพราะ Otaru เป็นป้ายสุดท้ายพอดีครับ 555+
Otaru เป็นเมืองริมทะเลที่สวยงามครับ คนพลุกพล่าน ตามสไตล์ย่านท่องเที่ยว เดินง่ายมีของกิน ตอนไปถึงเจอคุณพี่ตำรวจขับรถอย่างเท่ เลยต้องเก็บภาพไว้เสียหน่อย จุดแรกที่จะไปคือ "Otaru Canal" เดินจาก สถานีรถไฟไป 15 - 20 นาที เท่านั้นเองจ้า 👣👣
คลองโอตารุ เป็นสถานที่ที่หลายคนแวะเวียนมา เหมือนคลองเวนิซ มีบริการนั่งเรือชมวิวทิวทัศน์ แต่ผมไม่ได้ลงนะ เน้นเดินๆ ถ่ายภาพ บริเวณทางเท้าจะมีคนรับถ่ายภาพ และวาดรูปด้วย สวยดีนะ ไปถึงเช้าก็จะได้ฟีลประมาณนี้ แต่ถ้าไปเย็น จะมีไฟ สวยไปอีกแบบครับ
บรรเยากาศเมืองจะมีคลอง และวิวภูเขาหิมะด้านหลัง เดินเพลินๆ ได้เลยนะ แอบเจอน้องเป็ดด้วย เลยแอบถ่ายมา น่าร้ากก อยากลงไปเล่นน้ำด้วยเลย แต่กลัวเป็นข่าว อดเข้าญี่ปุ่นอีก เลยขอบายยย
มื้อแรกของวันก็จัดขนมเลยที่ร้าน "Letao" สุดยอดร้านชีสเค้กที่สาวน้อยสาวใหญ่อยากลอง เราก็ไปแวะเวียน ขนมอร่อยมากเลยอยากให้ไปลองกันนะราคาไม่แพงมากจ้า
ทีเด็ดของที่นี่ดูเหมือนจะเป็นเครื่องแก้ว ซึ่งเราไม่สันทัด 555+ เดินไป ระวังกระเป๋าไป กลัวทำของเค้าแตก (เค้ารอด ผมรอด 555)
ปิดท้ายด้วย ราเมงบัตเตอร์คอร์น อุ่น ๆ
หลังจากนี้เราจะกลับเข้าเมืองไปช้อปปิ้งของฝาก บริเวณ Sapporo Station อาจจะไม่ได้ถ่ายเอาไว้ จบอีกวันที่สุดแสนจะเพอร์เฟค
จบแล้วกับทริปสั้นๆ ครั้งนี้นะครับ
📝 สรุปรีวิวเที่ยว Sapporo ฮอกไกโด
- ซัปโปโรเที่ยวง่ายมาก เมืองสงบ เดินง่าย เดินปลอดภัย ร้านค้าครบ
- อาหารอร่อยกว่าที่คิด และไม่เค็มเท่าโตเกียว
- แม้ไม่เจอหิมะ แต่ได้บรรยากาศดี ๆ กลับมามากมาย
- งบประมาณ 40,000 บาทถือว่าเอาอยู่สบาย ๆ
- เหมาะกับมือใหม่เที่ยวฮอกไกโด หรือคนที่อยากพักผ่อนแบบไม่ต้องเร่งรีบ
ใครไปแล้วมีภาพสวยๆ ประสบการณ์ดีๆ ก็มาอวดกันได้นะ หรือใครอยากสอบถามอะไรก็ได้เลย พร้อมช่วยเหลือคับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น