Osaka Hokkaido Tokyo เที่ยวไป Dak ไป 13 วัน มันส์ยกแก๊ง #5sahaidakmhodjapan
ติดตามกระทู้ทั้งหมดได้จากที่นี่
♡chapter1- from DMK to KIX
http://pantip.com/topic/34425355
♡chapter2- hello universal city & dotonburi nightlife.
http://pantip.com/topic/34427250
♡chapter3- byebye osaka, say hi sapporo.
http://pantip.com/topic/34434693
♡chapter4- downtown sapporo.
http://pantip.com/topic/34440345
♡chapter5- stay a child at maruyama zoo & shiroi koibito chocolate factory
http://pantip.com/topic/34447453
♡chapter6- rainy otaru.
http://pantip.com/topic/34472663
♡chapter7- hell valley, noboribetsu.
http://pantip.com/topic/34533005
♡chapter8- breathtaking hakodate.
http://pantip.com/topic/34552687
♡chapter9- matane hokkaido,ohayo tokyo.
http://pantip.com/topic/34709894
♡special chapter- 24-hour-eating.
http://pantip.com/topic/34878346
♡chapter4- downtown sapporo.
วันนี้เป็นวัน slow life ของพวกเรา เดินเล่นชิวๆในเมืองซัปโปโร อากาศช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ หนาวใช้ได้555555555 ประมาณน้อยกว่า10องศา แต่ความเย็นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวของพวกเรา (หรอ)
มื้อเช้าพวกเราขอฝากท้องไว้กับ 7-11 เมนูที่นี่ค่อนข้างหลากหลายกว่าบ้านเรา
จขกท.ขอจัดไก่คาราเกะ (114¥) คู่กับโมจิชีสทอด (108¥) 2 เมนูนี้ให้ผ่านน
Check in แรกที่พวกเราไปคือ สวนโอโดริและ sapporo TV tower
แต่สวนโอโดริช่วงที่พวกเราไป ดูมีการซ่อมแซมอะไรก็ไม่รู้เลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ก็เดินเลียบสวนได้ชิวๆ มันดูไม่ค่อยมีอะไร5555555 แต่คิดว่าถ้าได้มาช่วงที่มีการจัดเทศกาลคงจะสวยกว่านี้เยอะ
Sapporo TV tower ก็เหมือนเป็นที่ให้ถ่ายรูปเก็บ landmark
เดินต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความหนาวเหน็บ ตัวสั่นไปตามๆกัน ในใจก็สงสัยว่าคนมันหายไปไหนกันหมดฟร้ะเมืองนี้ เมืองร้างรึเปล่า จนกระทั่งได้มาค้นพบว่ามีทางเดินใต้ดินให้ ⊂( ̄(エ) ̄)⊃ เออเนอะก็โง่เดินสั่นอยู่ข้างบนมาตั้งนาน พอลงมาก็พบเจอกับคนเมืองซัปโปโรที่หายไป555555
Check in ที่ต่อไปของเราคือศาลาว่าการฮอกไกโด เป็นเหมือนอีก landmark นึงที่ต้องมา (อันนี้เราคิดเอง เพราะเห็นอยู่ในหนังสือเที่ยวทุกเล่มเลย) มาถึงก็ต้องแชะภาพกันหน่อย
รอบๆสวนตรงศาลา เราก็ได้เจอใบไม้เปลี่ยนสีเหมือนกันน แต่คราวนี้จะออกโทนแดงมากกว่าาา ชอบบบบ
ถ่ายรูปกันสักพักเจอทัวร์ลงเลยขอหนีเข้าไปในศาลาว่าการก่อน ค่าเข้าชมฟรี แต่เข้าไปได้แปปเดียวก็ออกมาเพราะข้างในไม่ค่อยมีอะไร อ่านไม่ค่อยออก5555555
เลยหนีแวะไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า มื้อนี้เราฝากท้องไว้กับ ร้านซุปแกงกะหรี่ เมนูนี้ถือว่าเป็นของขึ้นชื่อเลย ซุปแกงกะหรี่จะใสๆไม่ได้เป็นข้นๆเหมือนที่เราเคยเห็นกันร้านที่เราไปกินชื่อ la maison de curry coeur อยู่ในห้าง parco แถวๆสถานี odori (ตามพิกัดไปปปป :
https://goo.gl/maps/5H4GStjEtes)
สั่งมา3อย่าง ซุปแกงกะหรี่ไก่ทอดสไปซี่ ซุปแกงกะหรี่ซีฟู้ด ราคาตกถ้วยละ1200 ¥ กินกับข้าวแล้วแซ่บหลาย แล้วก็ baked curry (800¥) รสชาติก็อีกแล้ว ไม่มีผิดหวัง5555555555
Baked curry คือแนะนำให้สั่ง เป็น recommended อร่อยมากกกก เป็นข้าวราดแกงกะหรี่อบชีส
ของคาวเสร็จต้องตบด้วยของหวานหน่อย เราแวะร้านที่เดินผ่านมาตอนระหว่างทางไปศาลาว่าการ ชื่อ Bisse Sweet ซึ่งเป็นร้านที่จะรวบรวมของหวานเด็ดๆในฮอกไกโดให้เรามาชิมกันในที่เดียว (พิกัด :
https://goo.gl/maps/zcmPGkMxaF12)
เลือกซื้อมาคนละอย่าง

ของจขกท.ซื้อ parfait มา 500 ¥ ร้านชื่อขึ้นต้นด้วยตัว Amato บอกว่าเป็นร้านจากโอตารุ แต่ยังไม่ค่อยประทับใจกันเท่าไหร่ softcream มันยังไม่นุ่มแล้วก็รสชาติหวานไป
ของเพื่อนซื้อจากร้านชื่อ bocca 500 ¥ คือวินมากๆ อร่อยสุดๆ ทุกคนแย่งกันกินจานนี้จานเดียว55555555 สีขาวๆจะเนียนๆนมๆ แล้วโรยด้วยผงถั่ว ไอศครีมก็อร่อย ให้เลย 10/10 พูดแล้วอยากกินอีก
เค้กจากร้าน kinotoya จัดมา2ชิ้น อันที่เป็นรสผลไม้อร่อย แป้งนุ่ม ครีมสดไม่หวานไป ตัดกับผลไม้ดี
อันนี้ raspberry cake ก็รสชาติกลางๆไม่ได้โดดเด่นอะไรเท่าไหร่
เค้กร้าน snaffles มาในตีมผลไม้เช่นกันแล้วก็ยังคงอร่อยยเหมือนกัน (เพื่อนแอบบอกว่าให้คะแนนอันนี้มากกว่านิดนึง)
อีกคนจัด parfait อีกแก้ว 400¥ มาในตีมชาเขียว รสชาติ softcream อร่อยใช้ได้เลย

เดี๋ยวมาต่อนะคะ
กลับมาแบ้ววว
ตอนบ่ายพวกเราเดินทางกันไปที่ โรงเบียร์ เราขึ้นรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Higashikuyakuchomae แล้วเดินต่อ ซึ่งไกลมากอีกแล้ววฮือ เดินประมาณ20นาทีได้
กว่าจะถึงงงง โรงเบียร์ซัปโปโร
ที่นี่ให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรี มีทั้งหมด3ชั้น เค้าจะให้ขึ้นลิฟต์แล้วค่อยๆไล่เดินลงมาทีละชั้น
แต่ละชั้นก็จะมีประวัติ ขั้นตอนการทำเบียร์ โฆษณาสมัยก่อน ดูรูปกับแบบจำลองเพลินๆดี (เพราะอ่านไม่ออกอีกแล้ว)
ลงมาถึงชั้นล่างสุดจะมีตู้ให้กดสั่งเบียร์ของที่นี่มาชิมได้ มีที่นั่งเป็นร้าน เบียร์มีทั้งหมด 3 ชนิดแล้วก็แบบ non-alcohol อีก1อย่าง
เบียร์3ชนิดถ้าสั่งทั้ง3ชนิดเลย จะซื้อได้ในราคา 500 ¥ แต่ถ้าซื้อแยกแก้วจะราคาแก้วละ 200 ¥
แบบ non-alcohol มาเป็นขวด ขวดละ 200 ¥ ทำรสชาติเลียนแบบเบียร์แต่ไม่มี alcohol (จขกท.ชิมแล้วรสชาติมันตลกๆ แปลกๆยังไงไม่รู้555555)
มีร้านของฝากให้ซื้อ พวก potato farm ไรงี้ โชคดีที่จขกท.รีบไปซื้อตุนไว้ก่อน เพราะพอทัวร์ไทยลงปุ๊ปเกลี้ยงเลยจ้า
มีเนื้อกวาง เนื้อหมี เนื้อแมวน้ำขาย เพื่อนจขกท.แอบซื้อเนื้อแมวน้ำมาลองชิมด้วย.____.
ซื้อของฝากอะไรเสร็จก็ถึงเวลามื้อเย็นนน เรากลับไปหาของกินที่ย่าน susukino กัน
ก่อนบอกลาโรงเบียร์ขอเก็บภาพยามเย็นหน่อย
ตอนแรกตั้งใจจะไปกินร้านเทมปุระชื่อดังที่หาได้จากในเว็บแต่ก็แห้วไป เพราะร้านนี้ต้องจองล่วงหน้า ฮือออออ
สุดท้ายเลยได้มาจบที่ร้านโอโคโนะมิยากิ ได้กินแก้อยากจากที่อดกินไปตอนอยู่โอซาก้า
เข้าร้านกันปุ๊ป สั่งกันแบบไม่กลัวบานปลาย 555555555555 ร้านนี้จะกินแบบมีกะทะไว้หน้าเราเลย เค้าจะทำมาวางให้บนกะทะเราแล้วกินกันร้อนๆ (พิกัดความอร่อย :
http://tabelog.com/en/hokkaido/A0101/A010103/1008395/dtlphotolst/5/)
อย่างแรกมาแล้ว ยากิโซบะ อร่อยกว่าที่ไทยเยอะะะ ซอสแบบกลมกล่อม เส้นก็แบบเหนียวๆ
เมนูต่อไป เรียก monjayaki เค้าจะมาทำที่กันที่กะทะเราเเล้วก็จะกินกันแบบเละๆอย่างงี้เลย เราสั่งแบบใส่เมนไทโกะด้วย (แต่แอบไม่ค่อยได้รสชาติเท่าไหร่) ก็อร่อยดี รสชาติก็แอบคล้ายๆโอโคโนะนิดนึง แต่ที่นึงแอบเล็กไปหน่อย
อันนี้hiroshimayaki จะเป็นเหมือนโอโคโนะแบบมีเส้น

สั่งโอโคโนะมิยากิมา2จาน แบบแรกเป็น mix คือรวมหมูกับซีฟู้ด อีกจานเป็นแบบ spicy korean style
Spicy korean seafood style ซอสจะออกเผ็ดนิดๆอร่อยอยู่

ยังไม่พอสั่งเพิ่มโอโคโนะอีกจาน คราวนี้เพิ่มเส้นด้วย แต่ถ่ายรูปไม่ทัน แร้งลงจนหมดจานก่อน55555555
มื้อนี้ค่าเสียหายไปคนละ 1030 ¥ ถือว่าโอเคอยู่ พวกผู้หญิงอิ่มท้องกำลังดีกลับไปนอนแผ่ที่โรงแรม แต่พวกผู้ชายขอไปต่อที่ร้านแกะย่าง ชื่อดารุมะ เป็นร้านที่พวกผู้ชายบอกว่า ห้ามพลาด ไม่เคยกินแกะที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน ทั้งนุ่มทั้งหอม ไม่ค่อยมีกลิ่นคาวเลย แถมป้าเจ้าของร้านก็ใจดีด้วย
กินเสร็จกลับมาที่ห้อง ขอจัด royce ที่ตอนนั้นซื้อมาจากสนามบินล้างปากกันหน่อย
รสwhisky ญี่ปุ่น เราไม่ค่อยชอบอ่ะ มันขมปลายลิ้น แต่เห็นคนอื่นก็บอกว่าอร่อยอยู่นะ
รส gianduja อร่อยเฟร่อ รู้สึกจะมีแค่ที่ฮอกไกโดมั้งง รสนี้แนะนำ
วันนี้อิ่มท้องพร้อมลุยต่อวันพรุ่งนี้มากๆ พรุ่งนี้เราจะไปลุยซัปโปโรแถวที่ออกนอกเมืองไปหน่อยกัน
[CR] Osaka Hokkaido Tokyo เที่ยวไป Dak ไป 13 วัน มันส์ยกแก๊ง #5sahaidakmhodjapan: ♡chapter4- downtown sapporo.
ติดตามกระทู้ทั้งหมดได้จากที่นี่
♡chapter1- from DMK to KIX
http://pantip.com/topic/34425355
♡chapter2- hello universal city & dotonburi nightlife.
http://pantip.com/topic/34427250
♡chapter3- byebye osaka, say hi sapporo.
http://pantip.com/topic/34434693
♡chapter4- downtown sapporo.
http://pantip.com/topic/34440345
♡chapter5- stay a child at maruyama zoo & shiroi koibito chocolate factory
http://pantip.com/topic/34447453
♡chapter6- rainy otaru.
http://pantip.com/topic/34472663
♡chapter7- hell valley, noboribetsu.
http://pantip.com/topic/34533005
♡chapter8- breathtaking hakodate.
http://pantip.com/topic/34552687
♡chapter9- matane hokkaido,ohayo tokyo.
http://pantip.com/topic/34709894
♡special chapter- 24-hour-eating.
http://pantip.com/topic/34878346
วันนี้เป็นวัน slow life ของพวกเรา เดินเล่นชิวๆในเมืองซัปโปโร อากาศช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ หนาวใช้ได้555555555 ประมาณน้อยกว่า10องศา แต่ความเย็นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเที่ยวของพวกเรา (หรอ)
มื้อเช้าพวกเราขอฝากท้องไว้กับ 7-11 เมนูที่นี่ค่อนข้างหลากหลายกว่าบ้านเรา
จขกท.ขอจัดไก่คาราเกะ (114¥) คู่กับโมจิชีสทอด (108¥) 2 เมนูนี้ให้ผ่านน
Check in แรกที่พวกเราไปคือ สวนโอโดริและ sapporo TV tower
แต่สวนโอโดริช่วงที่พวกเราไป ดูมีการซ่อมแซมอะไรก็ไม่รู้เลยไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ก็เดินเลียบสวนได้ชิวๆ มันดูไม่ค่อยมีอะไร5555555 แต่คิดว่าถ้าได้มาช่วงที่มีการจัดเทศกาลคงจะสวยกว่านี้เยอะ
Sapporo TV tower ก็เหมือนเป็นที่ให้ถ่ายรูปเก็บ landmark
เดินต่อไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความหนาวเหน็บ ตัวสั่นไปตามๆกัน ในใจก็สงสัยว่าคนมันหายไปไหนกันหมดฟร้ะเมืองนี้ เมืองร้างรึเปล่า จนกระทั่งได้มาค้นพบว่ามีทางเดินใต้ดินให้ ⊂( ̄(エ) ̄)⊃ เออเนอะก็โง่เดินสั่นอยู่ข้างบนมาตั้งนาน พอลงมาก็พบเจอกับคนเมืองซัปโปโรที่หายไป555555
Check in ที่ต่อไปของเราคือศาลาว่าการฮอกไกโด เป็นเหมือนอีก landmark นึงที่ต้องมา (อันนี้เราคิดเอง เพราะเห็นอยู่ในหนังสือเที่ยวทุกเล่มเลย) มาถึงก็ต้องแชะภาพกันหน่อย
รอบๆสวนตรงศาลา เราก็ได้เจอใบไม้เปลี่ยนสีเหมือนกันน แต่คราวนี้จะออกโทนแดงมากกว่าาา ชอบบบบ
ถ่ายรูปกันสักพักเจอทัวร์ลงเลยขอหนีเข้าไปในศาลาว่าการก่อน ค่าเข้าชมฟรี แต่เข้าไปได้แปปเดียวก็ออกมาเพราะข้างในไม่ค่อยมีอะไร อ่านไม่ค่อยออก5555555
เลยหนีแวะไปกินข้าวเที่ยงกันดีกว่า มื้อนี้เราฝากท้องไว้กับ ร้านซุปแกงกะหรี่ เมนูนี้ถือว่าเป็นของขึ้นชื่อเลย ซุปแกงกะหรี่จะใสๆไม่ได้เป็นข้นๆเหมือนที่เราเคยเห็นกันร้านที่เราไปกินชื่อ la maison de curry coeur อยู่ในห้าง parco แถวๆสถานี odori (ตามพิกัดไปปปป : https://goo.gl/maps/5H4GStjEtes)
สั่งมา3อย่าง ซุปแกงกะหรี่ไก่ทอดสไปซี่ ซุปแกงกะหรี่ซีฟู้ด ราคาตกถ้วยละ1200 ¥ กินกับข้าวแล้วแซ่บหลาย แล้วก็ baked curry (800¥) รสชาติก็อีกแล้ว ไม่มีผิดหวัง5555555555
Baked curry คือแนะนำให้สั่ง เป็น recommended อร่อยมากกกก เป็นข้าวราดแกงกะหรี่อบชีส
ของคาวเสร็จต้องตบด้วยของหวานหน่อย เราแวะร้านที่เดินผ่านมาตอนระหว่างทางไปศาลาว่าการ ชื่อ Bisse Sweet ซึ่งเป็นร้านที่จะรวบรวมของหวานเด็ดๆในฮอกไกโดให้เรามาชิมกันในที่เดียว (พิกัด : https://goo.gl/maps/zcmPGkMxaF12)
เลือกซื้อมาคนละอย่าง
ของจขกท.ซื้อ parfait มา 500 ¥ ร้านชื่อขึ้นต้นด้วยตัว Amato บอกว่าเป็นร้านจากโอตารุ แต่ยังไม่ค่อยประทับใจกันเท่าไหร่ softcream มันยังไม่นุ่มแล้วก็รสชาติหวานไป
ของเพื่อนซื้อจากร้านชื่อ bocca 500 ¥ คือวินมากๆ อร่อยสุดๆ ทุกคนแย่งกันกินจานนี้จานเดียว55555555 สีขาวๆจะเนียนๆนมๆ แล้วโรยด้วยผงถั่ว ไอศครีมก็อร่อย ให้เลย 10/10 พูดแล้วอยากกินอีก
เค้กจากร้าน kinotoya จัดมา2ชิ้น อันที่เป็นรสผลไม้อร่อย แป้งนุ่ม ครีมสดไม่หวานไป ตัดกับผลไม้ดี
อันนี้ raspberry cake ก็รสชาติกลางๆไม่ได้โดดเด่นอะไรเท่าไหร่
เค้กร้าน snaffles มาในตีมผลไม้เช่นกันแล้วก็ยังคงอร่อยยเหมือนกัน (เพื่อนแอบบอกว่าให้คะแนนอันนี้มากกว่านิดนึง)
อีกคนจัด parfait อีกแก้ว 400¥ มาในตีมชาเขียว รสชาติ softcream อร่อยใช้ได้เลย
เดี๋ยวมาต่อนะคะ
กลับมาแบ้ววว
ตอนบ่ายพวกเราเดินทางกันไปที่ โรงเบียร์ เราขึ้นรถไฟใต้ดินไปลงที่สถานี Higashikuyakuchomae แล้วเดินต่อ ซึ่งไกลมากอีกแล้ววฮือ เดินประมาณ20นาทีได้
กว่าจะถึงงงง โรงเบียร์ซัปโปโร
ที่นี่ให้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรี มีทั้งหมด3ชั้น เค้าจะให้ขึ้นลิฟต์แล้วค่อยๆไล่เดินลงมาทีละชั้น
แต่ละชั้นก็จะมีประวัติ ขั้นตอนการทำเบียร์ โฆษณาสมัยก่อน ดูรูปกับแบบจำลองเพลินๆดี (เพราะอ่านไม่ออกอีกแล้ว)
ลงมาถึงชั้นล่างสุดจะมีตู้ให้กดสั่งเบียร์ของที่นี่มาชิมได้ มีที่นั่งเป็นร้าน เบียร์มีทั้งหมด 3 ชนิดแล้วก็แบบ non-alcohol อีก1อย่าง
เบียร์3ชนิดถ้าสั่งทั้ง3ชนิดเลย จะซื้อได้ในราคา 500 ¥ แต่ถ้าซื้อแยกแก้วจะราคาแก้วละ 200 ¥
แบบ non-alcohol มาเป็นขวด ขวดละ 200 ¥ ทำรสชาติเลียนแบบเบียร์แต่ไม่มี alcohol (จขกท.ชิมแล้วรสชาติมันตลกๆ แปลกๆยังไงไม่รู้555555)
มีร้านของฝากให้ซื้อ พวก potato farm ไรงี้ โชคดีที่จขกท.รีบไปซื้อตุนไว้ก่อน เพราะพอทัวร์ไทยลงปุ๊ปเกลี้ยงเลยจ้า
มีเนื้อกวาง เนื้อหมี เนื้อแมวน้ำขาย เพื่อนจขกท.แอบซื้อเนื้อแมวน้ำมาลองชิมด้วย.____.
ซื้อของฝากอะไรเสร็จก็ถึงเวลามื้อเย็นนน เรากลับไปหาของกินที่ย่าน susukino กัน
ก่อนบอกลาโรงเบียร์ขอเก็บภาพยามเย็นหน่อย
ตอนแรกตั้งใจจะไปกินร้านเทมปุระชื่อดังที่หาได้จากในเว็บแต่ก็แห้วไป เพราะร้านนี้ต้องจองล่วงหน้า ฮือออออ
สุดท้ายเลยได้มาจบที่ร้านโอโคโนะมิยากิ ได้กินแก้อยากจากที่อดกินไปตอนอยู่โอซาก้า
เข้าร้านกันปุ๊ป สั่งกันแบบไม่กลัวบานปลาย 555555555555 ร้านนี้จะกินแบบมีกะทะไว้หน้าเราเลย เค้าจะทำมาวางให้บนกะทะเราแล้วกินกันร้อนๆ (พิกัดความอร่อย : http://tabelog.com/en/hokkaido/A0101/A010103/1008395/dtlphotolst/5/)
อย่างแรกมาแล้ว ยากิโซบะ อร่อยกว่าที่ไทยเยอะะะ ซอสแบบกลมกล่อม เส้นก็แบบเหนียวๆ
เมนูต่อไป เรียก monjayaki เค้าจะมาทำที่กันที่กะทะเราเเล้วก็จะกินกันแบบเละๆอย่างงี้เลย เราสั่งแบบใส่เมนไทโกะด้วย (แต่แอบไม่ค่อยได้รสชาติเท่าไหร่) ก็อร่อยดี รสชาติก็แอบคล้ายๆโอโคโนะนิดนึง แต่ที่นึงแอบเล็กไปหน่อย
อันนี้hiroshimayaki จะเป็นเหมือนโอโคโนะแบบมีเส้น
สั่งโอโคโนะมิยากิมา2จาน แบบแรกเป็น mix คือรวมหมูกับซีฟู้ด อีกจานเป็นแบบ spicy korean style
Spicy korean seafood style ซอสจะออกเผ็ดนิดๆอร่อยอยู่
ยังไม่พอสั่งเพิ่มโอโคโนะอีกจาน คราวนี้เพิ่มเส้นด้วย แต่ถ่ายรูปไม่ทัน แร้งลงจนหมดจานก่อน55555555
มื้อนี้ค่าเสียหายไปคนละ 1030 ¥ ถือว่าโอเคอยู่ พวกผู้หญิงอิ่มท้องกำลังดีกลับไปนอนแผ่ที่โรงแรม แต่พวกผู้ชายขอไปต่อที่ร้านแกะย่าง ชื่อดารุมะ เป็นร้านที่พวกผู้ชายบอกว่า ห้ามพลาด ไม่เคยกินแกะที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน ทั้งนุ่มทั้งหอม ไม่ค่อยมีกลิ่นคาวเลย แถมป้าเจ้าของร้านก็ใจดีด้วย
กินเสร็จกลับมาที่ห้อง ขอจัด royce ที่ตอนนั้นซื้อมาจากสนามบินล้างปากกันหน่อย
รสwhisky ญี่ปุ่น เราไม่ค่อยชอบอ่ะ มันขมปลายลิ้น แต่เห็นคนอื่นก็บอกว่าอร่อยอยู่นะ
รส gianduja อร่อยเฟร่อ รู้สึกจะมีแค่ที่ฮอกไกโดมั้งง รสนี้แนะนำ
วันนี้อิ่มท้องพร้อมลุยต่อวันพรุ่งนี้มากๆ พรุ่งนี้เราจะไปลุยซัปโปโรแถวที่ออกนอกเมืองไปหน่อยกัน