ตัวคนเดียวแบกเป้ลุยเดี่ยว เนเธอร์แลนด์-สวิส-อิตาลี "สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1" "Geneva"

http://pantip.com/topic/34338921  ตอนที่1 วีซ่าและการเดินทาง
http://pantip.com/topic/34353426  ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076  ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373  ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053  ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037  ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"

เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu

สวัสดีเพื่อนๆพี่ๆน้องๆนักอ่าน นักท่องโลก นักเดินทางทุกคนนะครับ   วันนี้ผมจะพาทุกคนข้ามประเทศจากเนเธอร์แลนด์สู่สวิซเซอร์แลนด์
ไม่รอช้าแล้วกันนะครับ เราไปลุยกันเลย


"โอย ตายแล้ว 05:30 น. มีไฟลท์ 08:00 น." ผมลุกขึ้นจากเตียงแต่ความรู้สึกยังไม่ค่อยตื่นดีนักเพราะอากาศข้างนอกที่หนาวมากๆทำให้ยังอยากนอนขดตัวนิ่งๆใต้ผ้าห่ม   แต่จะทำไงได้ล่ะเดี๋ยวก็ตกเครื่องหรอก   ต้องเอาชนะความขี้เกียจในการตื่นเช้าให้ได้   ผมจึงฝืนตัวเองตื่นเพื่ออาบน้ำ

หลังจากจัดแจงข้าวของลงกระเป๋าเรียบร้อยแล้วจึงไปที่เคาร์เตอร์เพื่อคืนกุญแจห้อง   จากนั้นจึงเดินแบบมีจุดหมายมุ่งหน้าไปสถานีรถไฟเพื่อไปสนามบิน Schiphol ทำการซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยจึงเดินเข้าไปแหงนหน้ามองตารางรถไฟ  
“เอ๊ะ ทำไมวันนี้รถไฟเข้าสนามบินไม่มีเลยแฮะ” ยืนดูตารางรถไฟอยู่เกือบ10นาทีเห็นจะได้แต่ก็ไม่มีตารางรถเข้าสนามบิน   ผมจึงเดินกลับไปตรงประตูทางเข้าเพื่อสอบถามประชาสัมพันธ์


สายแล้วๆๆๆ


ผม : Excuse me! I’m going to Schiphol airport but i’m not see it on the table.
(ขอโทษครับ ฉันกำลังจะเดินทางไปสนามบิน Schiphol  แต่ฉันไม่เห็นมีเที่ยวรถเลยในตารางนั่น


เจ้าหน้าที่ : Oh sorry sir!
(โอ้ เราต้องขอโทษด้วย)  พร้อมทั้งชี้มือไปที่แผ่นป้ายกระดาษที่ติดอยู่กระจกหน้าเคาร์เตอร์


เจ้าหน้าที่ : You can get on the train and get down next station, we have bus service you  to Schiphol there.
(คุณสามรถขึ้นรถไฟไปลงที่สถานีหน้า  เรามีรถบัสไปส่งที่สนามบินที่นั่น)


ผมก็เข้าใจนะโดยไม่ต้องถามอีกรอบ   จากนั้นผมจึงรีบตรงไปยังชานชาลา  ปัญหาอยู่ที่ว่า  ผมจะรู้ได้ยังว่าขบวนไหนจะไปไหน
จะหยุดสถานีหน้าหรือจะวิ่งเลยไป  ผมจึงไม่รอช้าที่จะเดินไปหาเจ้าหน้าที่ประจำขบวนรถ


ผม : Excuse me sir! I want to know which train to Schiphol?
(ขอโทษนะครับ ผมอยากรู้ว่ารถไฟขบวนไหนที่จะไปSchiphol?)


เจ้าหน้าที่ : You can get on every train here and get down next station, we have the bus to airport there.
(คุณสามารถขึ้นรถไฟจากที่นี่ได้ทุกขบวนและให้ลงที่สถานีหน้า   เรามีรถบัสรอคุณที่นั่น)


ผม : Ok! Thanks so much.
(พร้อมทั้งก้มเล็กน้อยเพื่อแสดงความขอบคุณ)



เดินไปขึ้นรถบัสครับ




พี่แกเล่นพาสุนัขตัวใหญ่มาด้วยเลยแฮะ


เล่น..แต่เช้าเลยนะ   แล้วจะไปทันเครื่องไหมล่ะเนี่ย   พอลงจากรถไฟผมก็เร่งฝีเท้าตามคนอื่นๆไปทันที   ระหว่างทางจะมีเจ้าหน้าที่
คอยบอกทางตลอดเพื่อไปยังรถบัสพร้อมทั้งกล่าวขอโทษในความไม่สะดวกในครั้งนี้   ผมกังวลเรื่องตกเครื่องพอสมควร  แต่พอเห็นความเอาใจใส่และความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่การรถไฟเนเธอร์แลนด์แล้วผมกลับรู้สึกดี    เจ้าหน้าที่ผู้ชายสูงวัยหน่อย  ส่วนใหญ่จะไว้หนวดขาวๆครับ  
ดูน่าเกรงขามดี   แต่พอได้สัมผัสจริงพวกลุงแกใจดีนะครับ   ขับรถดีมาก  พูดสุภาพ  บริการแบบให้ใจเต็มร้อยเลยทีเดียว   ประทับใจชาวดัชเลยครับ

หลังจากรถถึงสนามบินแล้วผมรีบดิ่งไปที่ Terminal3 ทันที   รีบเข้าแถวเพื่อเข้าไปเช็คอิน   แต่พอถึงคิวผมเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลอยู่ขอดูตั๋วและบอกผมว่า “เที่ยวบินนี้หมดเวลาเช็คอินแล้วนะ” พร้อมชี้ให้ผมไปติดต่อเคาร์เตอร์สายการบิน  “เอาแล้วสิงานนี้” ผมรีบไปต่อคิวหน้าเคาร์เตอร์  พอถึงคิวเลยพยายามคุยกับเจ้าหน้าที่และอธิบายให้ฟังถึงการเดินทางในเช้าวันนี้   แต่เจ้าหน้าที่ยันยืนครับว่าไม่สามารถช่วยผมได้จริงๆ   แต่เธอบอกว่าจะมีเที่ยวบินอีกรอบตอน 13:50 น. “ให้ตายเถอะตอนนี้พึ่งจะ 8:00น.” เสียเงินฟรีอีกรอบเม่าเหม่อ

แต่จะทำยังไงได้ล่ะครับ   ผมก็ไม่ใช่คนที่เรื่องมากอะไรอยู่แล้ว   ที่เราตกเครื่องก็เพราะเรามาไม่ทันเวลา   เจ้าหน้าที่ก็ทำถูกแล้วที่ไม่ให้ผมขึ้นเครื่อง   เพราะผมคิดได้แบบนี้ผมจึงไม่มีสเตตัสบ่น   สเตตัสด่าสายการบินอย่างโน้นอย่างนี้   “ทำผิดก็ต้องยอมรับผิด”
ผมอยากให้ทุกคนคิดได้แบบผมจัง  ฮ่าาาา เริ่มชมตัวเองละ

ผมใช้เวลาที่เหลือเพื่อรอขึ้นเครื่องรอบบ่ายที่กาแฟร้านประจำ “สตาร์บัค คอฟฟี่” หมดช็อคโกแลตร้อนไป 2แก้วเห็นจะได้   นั่งเอื่อยๆเฉื่อยๆไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็ถึงเวลาเช็คอิน  ผมรีบไปก่อนเวลาเลยทีเดียว  นั่งๆกลิ้งๆมันอยู่หน้าจุดเช็คอินนี่แหละ 555




หมดช็อคโกแลตร้อนไป 2แก้วแล้วครับ




ผัง Terminal3 ครับ




หามุมใหม่ๆแก้เบื่อเนอะ




เพื่อนร่วมทางผมตลอดทริปครับ



ถึงเวลาเช็คอินแล้วล่ะสิ   ผมทำการเช็คอินและเดินไปยังเกทของเที่ยวบินนี้   บรรยากาศก็อบอุ่นดีครับ   และในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็เรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่อง   วันนี้ผมบินด้วยสายการบิน “Easy Jet” ซึ่งทุกอย่างก็ง่ายๆสมชื่อครับ   ผมว่าเป็นสายการบินที่โอเคครับ   หรืออาจเป็นเพราะผมเป็นคนง่ายๆไม่เรื่องมากด้วยก็เป็นได้   บนเครื่องมีแอร์โฮสเตส 1คน   สจ๊วด2คน

จากนี้ผมขอนำภาพที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัวมาลงนะครับ   เนื่องด้วยเป็นคนที่ชื่นชอบเครื่องบินมาตั้งแต่เด็ก ชอบการบิน ชอบการเดินทาง
ภาพจากนี้เลยขอตอบสนองความรู้สึกตัวเองซักหน่อยนะครับ เนื่องจากผมจะตื่นเต้นมากๆที่เห็นสายการบินที่ผมไม่เคยเห็น   ไปกันเลยครับ



พอจะจากจริงๆก็ไม่อยากจากเนอะ




Emirates Airways สายการบินตะวันออกกลางเจ้าใหญ่




อันนี้อะไรนะ รูปไม่ชัด 555




ฝนจะมาแล้วมั้งน่ะ




Wowww KLM หวัดดีๆๆๆ




Transavia ไม่คุ้นเลยเนอะ




Wowww Air France เคยได้ยินแต่ชื่อ




KLM take offไปก่อนแล้ว เดี๋ยวเราตามไปนะ




เรา take off ขึ้นมาเหนือ Schiphol แล้วครับ




เครื่องบินได้ระดับแล้ว รอขนมๆๆๆ555


ผมนั่งเกือบๆจะแถวหน้าเลยแต่แถวหน้าผมมีเด็กวัยรุ่นผู้หญิง2คน   เธอกำลังจะบินไปสวิสพร้อมผม   พวกเธอน่ารักครับซึ่งแน่นอน
“ผมแอบชอบน้องเขา” 555 ด้วยน้องเขาแต่งตัวง่ายๆครับ   ผมยาว   ผมบรอนด์  เสื้อแขนยาว   กางเกงยีนต์เดฟๆหน่อย  
รองเท้าหุ้มส้น Converse “โห!สเปคเลย”  ดูเหมือนผมจะเป็นคนใจง่ายไปซะแล้วที่เจอใครๆก็ชอบไปเรื่อย  การเดินทางของผมในวันนี้
จึงไม่น่าเบื่อเลยครับเพราะมีเธอ 555  หลังจากใช้เวลาบินอยู่ราวๆชั่วโมงเศษ   เครื่องก็ลดระดับและ Landing สู่สนามบินเจนีวา ผมเดินมองเธอผู้น่ารักคนนี้ไปยังสายพานกระเป๋า เธอน่ารักมากจริงๆครับ   น่ารักจนทำให้ผมอยากจะเข้าไปทักและคุยกับเธอ   แต่จะว่ายังไงดีล่ะ “ผมไม่กล้าพอ”



เหนือน่านฟ้าสวิสแล้วมั้งครับ มัวแต่เหล่สาวเพลิน 555



*การเดินทางในกลุ่มประเทศเชงเกนเราไม่ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอีกนะครับ   เราจะผ่านด่านแค่ครั้งแรกที่เดินทางเข้ากลุ่มเชงเกนเท่านั้น
ซึ่งผมว่าช่วยประหยัดเวลาได้มากทีเดียว

ผมเดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆเพื่อไปยังสถานีรถไฟเจนีวาซึ่งจะอยู่ภายในสนามบิน   ผมต้องเดินหาที่ซื้อ
Swiss Pass ก่อนที่จะขึ้นรถไฟ   เดินออกมาเรื่อยๆจึงเห็นออฟฟิศประจำสถานีครับ   ผมไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปสอบถามเจ้าหน้าที่เพื่อทำการซื้อตั๋วใบนี้

Swiss Travel Pass หรือ Swiss Pass ในชื่อเดิน   มีสิทธิพิเศษและส่วนลดมากมายครับ    ไม่ว่าจะมีการลดราคาค่ารถไฟสายภูเขาเกือบทุกสายสูงสุด 50% นั่งเรือและรถไฟได้ฟรีไม่จำกัดจำนวนเที่ยว   ส่วนตัวก็ใช้มันได้คุ้มมากๆเช่นกันกับตั๋วใบนี้ครับ  



ออฟฟิศการรถไฟสวิส




ได้มาแล้วครับ Swiss Travel Pass




แหงนคอมองตารางรถไฟ ดูเที่ยว ดูเวลา ดูชานชาลา แล้วเราก็ไปกันเลย




ว้าวววว รถไฟสวิส


ผมแหงนหน้ามองตารางรถไฟและรีบเดินไปที่ชานชาลาเพราะตอนนี้บ่าย3โมงกว่าๆแล้ว(ผมยังติดนิสัยที่ไทยมาด้วยครับที่คิดว่า6โมงฟ้าจะมืด) หลังจากรถไฟวิ่งเข้าเทียบชานชาลาสถานีเจนีวาแล้วผมก็รีบลงจากรถและมุ่งหน้าหาที่พักที่จองไว้   ผมเดินกลับไปกลับมาในสถานีรถไฟเพราะไปไม่ถูกครับ   เริ่มต้นไม่ถูกเลยเพราะที่นี่ไม่มี Wifi เล่นเหมือนเนเธอร์แลนด์หากไม่มีซิมมือถือของที่นี่เพราะต้องลงทะเบียนทางมือถือ   ระบบจะส่งรหัสผ่านเข้ามาทางหมายเลขนั้นครับ  ผมจึงตัดสินใจเดินขึ้นด้านใดด้านหนึ่งของสถานีและเปิดแอปพลิเคชันตัวเก่งของผม “CityMaps2Go” ผมเริ่มหาข้อมูลโรงแรมและออกเดินตามทิศทางที่ลูกศรชี้  ผมยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับทิศทางการจราจรของยุโรปมากนัก   ทุกครั้งก่อนที่ผมจะข้ามถนนผมต้องหยุดตั้งสติพักนึงก่อนเพราะกลัวพลาด  จากนั้นจึงเดินไปเรื่อยๆเพื่อไปยังที่พัก  


[img]http:/
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่