http://pantip.com/topic/34338921 ตอนที่1 วีซ่าและการเดินทาง
http://pantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
"เฮ้ย เช้าแล้วเหรอวะ? อากาศเย็นเป็นบ้าเลยเนอะ วันนี้ต้องออกไปตะลอนเที่ยวแต่เช้านะ แต่..ขอนอนต่ออีกซักครู่ละกันนะ!!"
หลังจากที่ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง
"เฮ้ย 10.30น." สายจนได้ว่ะเฮ้ย จากนั้นผมจึงนอนนิ่งๆใช้สมองคิดเรื่องที่พักเย็นนี้ซักพัก เพราะผมดันไปยกเลิกที่พักซะหมดเกลี้ยงก่อนจะเดินทางไม่กี่วันเพราะแผนผมเริ่มอ่อนไหวมากๆ ด้วยราคาของรถไฟความเร็วสูงที่จะวิ่งพาผมจากอัมสเตอร์ดัม ไปปารีส ทะยานขึ้นจนแพงกว่าราคาเครื่องบินที่จะไปสวิซเซอร์แลนด์ซะอีก ผมจึงทำการยกเลิกที่พักทั้งในเนเธอร์แลนด์ สวิซเซอร์แลนด์ และอิตาลี เหลือก็แค่ที่พักตอนนี้กับที่อินเทอลาเค่นที่ผมยกเลิกไม่ทัน
เอาล่ะ คืนนี้จะพักมันที่นี่ล่ะ ขี้เกียจแบกกระเป๋าละ ผมเลยแปรงฟัน ล้างหน้า แล้วเดินไปที่เคาร์เตอร์โรงแรมว่าผมขอพักอีก 1คืน และขอพักที่ห้องเดิม เตียงเดิม เพราะผมขี้เกียจย้ายของย้ายกระเป๋า ซึ่งก็เป็นไปตามความต้องการครับ
หลังจากทำเรื่องที่พักจบผมก็เข้าไปหยิบกล้องตัวเก่งเข้าในกระเป๋าและสะพายมันขึ้นบ่าเพื่อเริ่มออกตะลอนกรุงอัมสเตอร์ดัมแบบไม่มีแผน (เอ้อ!เมื่อวานก็ไม่มีเหงื่อ เช้านี้ก็ไม่เห็นเหนียวตัวเพราะอากาศเย็น เช้านี้ขอติดอาบน้ำไปตอนเย็นทีเดียวเลยแล้วกัน 555)
หลังจากที่ออกจากประตู Hostel ผมก็เลี้ยวซ้ายโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง เดินไปสั่นไปเพราะอากาศเย็นใช้ได้เลยทีเดียว
คลอง Amstel
ผมเริ่มลั่นชัตเตอร์กล้อง และเริ่มบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับการย่ำเท้าแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไปพร้อมๆกัน จุดแรกที่เจอผมเจอคลองธรรมดาๆนี่และครับ หากแต่คลองที่นี่ดูสะอาดแม้น้ำจะมีสีเข้มก็เถอะ แต่ก็ไม่มีกลิ่นลอยมาให้ผมได้รู้สึก ด้วยท้องฟ้าที่ยังมัวๆ ด้วยเรือที่จอดเทียบท่า มันช่างดูแตกต่างจากประเทศที่ผมพึ่งจากมาเสียจริงๆ ผมเริ่มเลี้ยวขวาตรงหัวมุมถนนและเริ่มรู้สึกถึงการเปรียบเทียบกับประเทศบ้านเกิดของตัวเองทันที
"ทางจักรยาน" เนื่องจากประเทศและเมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านของการใช้จักรยานเป็นพาหนะจึงทำให้มีทางจักรยานพบเห็นได้ทั่วไป และเป็นรูปเป็นร่างเอามากๆเลยทีเดียว
เดินเลียบคลอง Amstel ไปไม่ไกลผมก็เจอเข้ากับสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่หลังหนึ่ง
"Munttoren" ตั้งอยู่ข้างหน้านี้เอง ท้าทายให้ผมยกกล้องขึ้นถ่ายภาพเสียมากมาย อาคารจะมีหอนาฬิกาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาคารนี้สร้างขึ้นในปี 1460 จริงๆผมก็อยากจะเล่าประวัติของที่นี่นะเพราะหาข้อมูลไว้เหมือนกัน แต่ด้วยเป็นพวกไม่ชอบจดจำเรื่องประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วทำให้ทักษะการบอกเล่าประวัติศาสตร์ของผมต่ำมากจนเกือบจะติดลบเลยล่ะมั้ง 555 งั้นผมขอไม่เล่าดีกว่าเนอะ เดี๋ยวผิดๆถูกจะเสียข้อเท็จจริงกันไปใหญ่
Munttoren
ผมใช้เวลากับอาคารแห่งนี้เกือบครึ่งชั่วโมงเพราะมัวแต่ยืนซึมซับบรรยากาศ ดูความเป็นไปของเมือง ดูผู้คน ดูการจราจรของเมือง ดูนาฬิกาอีกทีก็ประมาณนั้นแหละครับ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก็คนพึ่งเคยมายุโรปอ่ะเนาะ มาแบบเอ๋อๆด้วยนะเออ ฮ่าาา
เหล่านักเดินทาง
จากนั้นจึงค่อยๆเดินห่างจากที่แห่งนี้ไปทางขวามือ ผมเริ่มเห็นเพื่อนๆนักท่องเที่ยวบ้างแล้วล่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นทัวร์จีนที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่
"เขาก็มาส่วนเขา ผมก็มาส่วนผม" ผมเดินเอื่อยๆเฉื่อยๆไปตามถนนเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมาย แต่มันก็ไม่ทั้งหมดหรอกนะเพราะผมเองจะมีคู่มือนำเที่ยวของอยู่ ซึ่งผมจะใช้แอปพริเคชันบนมือถือ คือ
"CityMaps2Go" เราสามารถโหลดมาเก็บไว้ทั้ง IOS และ Android ฟรีแผนที่ได้ 5เมือง แต่ถ้าอยากไปต่อก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม สามารถใช้ได้โดยไม่มีสัญญาณมือถือและอินเตอร์เน็ตนะครับ เพียงแค่เปิดเชื่อมต่อแผนที่เอาไว้ อันนี้ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่ได้รับค่าโฆษณาจากผู้พัฒนาแอปนี้นะครับ ^^
หลังจากเดินเตร่ๆมาเรื่อยๆผมก็มาพบกับลานกว้างๆและมีตึกห้อมล้อมอยู่
"เออว่ะ มันลานอะไรของมันวะ อยากรู้ๆจะได้เอาไปเพ้อบนเฟซบุ๊คถูก" 5555
"Dam Square" นั่นเอง ที่นี่จะพบกับอาคารเก่าๆที่ไม่มีในเมืองไทยอย่างแน่นอน(ก็มันแน่อยู่แล้วปะ!!) พอหมุนตัวไปมาก็ต้องหยุดกึกเสียงดังตรงนี้ เพราะสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าทำผมตื้นตันจนน้ำตาจะไหล
"Madame Tussauds" เคยได้ยินตอนเรียนประวัติศาสตร์สมัยมัธยม ชื่อนี้มันติดหูตั้งแต่นั้นมาไม่นึกว่าวันนี้จะได้มาเจออยู่ตรงหน้าแบบไม่ได้ตั้งใจอีก คุ้มมากแล้วล่ะสำหรับวันนี้ ไปๆ กลับๆ! เอ๊ย!จะบ้าเหรอ
ผมหันไปเก็บภาพเกือบๆชั่วโมงพอหันกลับมาอีกที
"คนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อเข้าชม" คนเยอะๆแบบนี้ไม่ใช่แนวของผมละ ขอเดินต่อไปข้างหน้าแล้วกันนะ ผมเริ่มเดินตัดซอกโน้นซอยนี้แบบมั่วๆไปเรื่อย แต่ก็ไม่ลืมค้นหาสถานที่เที่ยวใกล้ๆในมือถือ ผมรู้สึกมีความสุขมากๆที่ได้ทำอะไรแบบนี้ อยากจะหยุดตัวเองไว้ตรงนี้นานๆ ให้ได้ซึมซับกับความสุขแบบนี้จนกว่าจะเบื่อกันไปข้างนึง แม้มันจะเหงาบ้างก็เถอะ แต่มันก็เอาชนะความสุขที่ผมได้รับในตอนนี้ไม่ได้หรอก
แต่...การจากลามาถึงเสมอ
ผมเริ่มก้าวเดินออกจากจุดนั้นด้วยสองเท้าไปตามถนนเรื่อยๆ ข้างหน้านั้นผมเห็นอาคารสูงๆอยู่ไม่ไกล
"Westerkerk" เป็นโบสถ์คริสต์ครับ ตั้งสูงตระหง่านดึงดูดผมให้เดินเข้าไปสัมผัสอย่างมาก แต่อย่าถามนะครับว่าเป็นคริสต์นิกายอะไร555 ผมไม่เก่งเรื่องประวัติศาสตร์เรื่องศาสนา แต่เรื่องวัฒนธรรมผมพอซึมซับได้ หลังจากเดินเข้าไปถึงโบสถ์แล้วก็ต้องถอดใจ คนรอต่อแถวยาวเหยียดมากจนทำให้ผมต้องเสียดายที่ต้องจำใจเดินออกมาแหงนชมความงามของมัน มาถึงจุดนี้ก็ราวๆเที่ยงวันแล้วล่ะครับ เริ่มหิวข้าวแล้วล่ะสิเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเลย ผมเดินเข้ามินิมาร์ทริมถนนระหว่างที่เดินไปสถานีรถไฟ ได้ขนมกับน้ำเปล่าออกมา 1ขวด เดินไปกินไปเพลินๆระหว่างเดินเท้าไปสถานีรถไฟ ชีวิตช่างมีความสุขเสียจริงๆเนอะ555 ผมตกลงปลงใจกับตัวเองที่จะนั่งริมสะพานข้ามคลองเพื่อกินอย่างเป็นจริงเป็นจัง วันนี้อากาศดีครับแต่แดดแรงมากเลยทีเดียว แต่จะสะท้านอะไรกับผมล่ะเมื่อผมมาครั้งนี้ผมไม่ได้ห่วงหล่อห่วงผิวอะไรอยู่แล้ว นั่งกินขนมดูผู้คนผ่านไปผ่านมา ดูคนถีบจักรยานผ่านตรงหน้า ดูเรือที่แล่นในคลอง ดูห่านลอยคอเล่นน้ำกับเหล่าฝูงเพื่อน ผมว่ามันเป็นอะไรที่...ผมอธิบายมันไม่ถูกจริงๆ แต่ที่รู้คือผมมีความสุขครับ สุขที่ได้ทำอะไรแบบนี้ มีวันที่ทุกข์ก็ต้องมีวันที่สุขสินะ แค่เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันก็เท่านั้นเอง นั่น!เริ่มดราม่า5555
ต้องเดินจากไปแล้วล่ะนะ
On the way
Westerkerk
ระหว่างทางครับ แชะๆๆ
นั่งทานขนมครับ
ดูคนผ่านไปผ่านมา เอื่อยไปไหมชีวิต 555
ผมตัดสินใจแล้วล่ะครับสำหรับการเที่ยวช่วงบ่ายนี้
"Keukenhof" เกิดจากการค้นหาในเน็ตเมื่อกี้เลยในสถานีรถไฟเพราะมีเน็ตฟรีให้เล่น ผมตัดสินใจนั่งรถไฟไปสนามบิน Schiphol เพราะมีทัวร์พาไปที่สวนทิวลิปแห่งนี้ ทัวร์ที่ซื้อจะรวมค่าเข้าสวน ค่ารถบัส ซึ่งก็ไม่เลวครับเพราะมันสะดวกดี
มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟครับ เรามีเป้าหมายแล้ว
ใกล้ถึงแล้วๆ
ข้างๆสถานีจะมีท่าเรือพาชมวิวในเมืองครับ แต่แนะนำเป็นช่วงใกล้มืดครับ โรแมนติกมาก
แอบดูพี่ๆ ป้าๆซื้อตั๋วครับ เมื่อวานซื้อที่เคาร์เตอร์ แต่ที่นี่ไม่เห็นมี
ขึ้นมา Platformแล้วครับ 555 มันก็แปลว่าชานชาลานั่นแหละ พึ่งจะรู้เหมือนกัน
สวนทิวลิปนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองอัมสเตอร์ดัมราวๆ20กิโลเมตร เมื่อเดินทางถึงสวนผมก็พบกับดอกไม้นานาชนิดครับ ดอกทิวลิปหลายๆสีที่แต่งต่างจากภาพหน้าจอของวินโดว์(อิอิ) ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ชอบต้นไม้ ชอบดอกไม้ การมาที่สวนแห่งนี้จึงไม่ทำให้ผมผิดหวังครับ แม้ว่าวันนี้คนจะค่อนข้างเยอะก็ตามที ผมเดินชมดอกไม้จุดนั้นจุดนี้ไปเรื่อยๆ แต่ผมคงไม่มีเวลามากพอที่จะไปเช้าจักรยานที่หน้าสวนเพื่อปั่นไปดูความงามของสวนทิวลิปของชาวบ้านตามแนวถนน ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ผมเสียดายสุดๆอีกเรื่องนึง
ที่จำหน่ายตั๋วทัวร์จะอยู่ใกล้ๆประตูทางลงรถไฟครับ แต่ทางขึ้นจะอยู่ประตูทางออกสนามบินทางซ้ายมือ ตรงร้านกาแฟสตาร์บัคครับ ย้ำว่าเป็นร้านสตาร์บัคติดประตูทางออกนะครับเพราะที่นี่จะมี2ร้าน
บางคนไม่เชื่อว่าผมจะบ้าไปยุโรปคนเดียวจริงๆ ผมจึงถ่ายภาพไว้ยืนยัน Pu=ปุ๊ ชื่อผมเองครับ 555
ตรงประตูทางออกมีรถบัสจอดรอครับ ขึ้นไปนั่งได้เลย
หลังจากนี้ผมจะไม่พูดมากแล้วนะครับ ผมจะเอาความงามของดอกไม้พุ่งเข้าหาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆนักอ่านแล้วนะครับ เตรียมพร้อมนะ 1..2..3.....
[img]http://f.ptcdn.info/714/036/000/nwpzhld
ตัวคนเดียวแบกเป้ลุยเดี่ยว เนเธอร์แลนด์-สวิส-อิตาลี "เนเธอร์แลนด์ วันที่2"
http://pantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
"เฮ้ย เช้าแล้วเหรอวะ? อากาศเย็นเป็นบ้าเลยเนอะ วันนี้ต้องออกไปตะลอนเที่ยวแต่เช้านะ แต่..ขอนอนต่ออีกซักครู่ละกันนะ!!"
หลังจากที่ผมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง "เฮ้ย 10.30น." สายจนได้ว่ะเฮ้ย จากนั้นผมจึงนอนนิ่งๆใช้สมองคิดเรื่องที่พักเย็นนี้ซักพัก เพราะผมดันไปยกเลิกที่พักซะหมดเกลี้ยงก่อนจะเดินทางไม่กี่วันเพราะแผนผมเริ่มอ่อนไหวมากๆ ด้วยราคาของรถไฟความเร็วสูงที่จะวิ่งพาผมจากอัมสเตอร์ดัม ไปปารีส ทะยานขึ้นจนแพงกว่าราคาเครื่องบินที่จะไปสวิซเซอร์แลนด์ซะอีก ผมจึงทำการยกเลิกที่พักทั้งในเนเธอร์แลนด์ สวิซเซอร์แลนด์ และอิตาลี เหลือก็แค่ที่พักตอนนี้กับที่อินเทอลาเค่นที่ผมยกเลิกไม่ทัน
เอาล่ะ คืนนี้จะพักมันที่นี่ล่ะ ขี้เกียจแบกกระเป๋าละ ผมเลยแปรงฟัน ล้างหน้า แล้วเดินไปที่เคาร์เตอร์โรงแรมว่าผมขอพักอีก 1คืน และขอพักที่ห้องเดิม เตียงเดิม เพราะผมขี้เกียจย้ายของย้ายกระเป๋า ซึ่งก็เป็นไปตามความต้องการครับ
หลังจากทำเรื่องที่พักจบผมก็เข้าไปหยิบกล้องตัวเก่งเข้าในกระเป๋าและสะพายมันขึ้นบ่าเพื่อเริ่มออกตะลอนกรุงอัมสเตอร์ดัมแบบไม่มีแผน (เอ้อ!เมื่อวานก็ไม่มีเหงื่อ เช้านี้ก็ไม่เห็นเหนียวตัวเพราะอากาศเย็น เช้านี้ขอติดอาบน้ำไปตอนเย็นทีเดียวเลยแล้วกัน 555)
หลังจากที่ออกจากประตู Hostel ผมก็เลี้ยวซ้ายโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง เดินไปสั่นไปเพราะอากาศเย็นใช้ได้เลยทีเดียว
คลอง Amstel
ผมเริ่มลั่นชัตเตอร์กล้อง และเริ่มบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับการย่ำเท้าแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยไปพร้อมๆกัน จุดแรกที่เจอผมเจอคลองธรรมดาๆนี่และครับ หากแต่คลองที่นี่ดูสะอาดแม้น้ำจะมีสีเข้มก็เถอะ แต่ก็ไม่มีกลิ่นลอยมาให้ผมได้รู้สึก ด้วยท้องฟ้าที่ยังมัวๆ ด้วยเรือที่จอดเทียบท่า มันช่างดูแตกต่างจากประเทศที่ผมพึ่งจากมาเสียจริงๆ ผมเริ่มเลี้ยวขวาตรงหัวมุมถนนและเริ่มรู้สึกถึงการเปรียบเทียบกับประเทศบ้านเกิดของตัวเองทันที "ทางจักรยาน" เนื่องจากประเทศและเมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงในด้านของการใช้จักรยานเป็นพาหนะจึงทำให้มีทางจักรยานพบเห็นได้ทั่วไป และเป็นรูปเป็นร่างเอามากๆเลยทีเดียว
เดินเลียบคลอง Amstel ไปไม่ไกลผมก็เจอเข้ากับสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่หลังหนึ่ง "Munttoren" ตั้งอยู่ข้างหน้านี้เอง ท้าทายให้ผมยกกล้องขึ้นถ่ายภาพเสียมากมาย อาคารจะมีหอนาฬิกาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งอาคารนี้สร้างขึ้นในปี 1460 จริงๆผมก็อยากจะเล่าประวัติของที่นี่นะเพราะหาข้อมูลไว้เหมือนกัน แต่ด้วยเป็นพวกไม่ชอบจดจำเรื่องประวัติศาสตร์ตั้งแต่สมัยเรียนแล้วทำให้ทักษะการบอกเล่าประวัติศาสตร์ของผมต่ำมากจนเกือบจะติดลบเลยล่ะมั้ง 555 งั้นผมขอไม่เล่าดีกว่าเนอะ เดี๋ยวผิดๆถูกจะเสียข้อเท็จจริงกันไปใหญ่
Munttoren
ผมใช้เวลากับอาคารแห่งนี้เกือบครึ่งชั่วโมงเพราะมัวแต่ยืนซึมซับบรรยากาศ ดูความเป็นไปของเมือง ดูผู้คน ดูการจราจรของเมือง ดูนาฬิกาอีกทีก็ประมาณนั้นแหละครับ ครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก็คนพึ่งเคยมายุโรปอ่ะเนาะ มาแบบเอ๋อๆด้วยนะเออ ฮ่าาา
เหล่านักเดินทาง
จากนั้นจึงค่อยๆเดินห่างจากที่แห่งนี้ไปทางขวามือ ผมเริ่มเห็นเพื่อนๆนักท่องเที่ยวบ้างแล้วล่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นทัวร์จีนที่มากันเป็นกลุ่มใหญ่ "เขาก็มาส่วนเขา ผมก็มาส่วนผม" ผมเดินเอื่อยๆเฉื่อยๆไปตามถนนเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมาย แต่มันก็ไม่ทั้งหมดหรอกนะเพราะผมเองจะมีคู่มือนำเที่ยวของอยู่ ซึ่งผมจะใช้แอปพริเคชันบนมือถือ คือ "CityMaps2Go" เราสามารถโหลดมาเก็บไว้ทั้ง IOS และ Android ฟรีแผนที่ได้ 5เมือง แต่ถ้าอยากไปต่อก็ต้องจ่ายเงินเพิ่ม สามารถใช้ได้โดยไม่มีสัญญาณมือถือและอินเตอร์เน็ตนะครับ เพียงแค่เปิดเชื่อมต่อแผนที่เอาไว้ อันนี้ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าผมไม่ได้รับค่าโฆษณาจากผู้พัฒนาแอปนี้นะครับ ^^
หลังจากเดินเตร่ๆมาเรื่อยๆผมก็มาพบกับลานกว้างๆและมีตึกห้อมล้อมอยู่ "เออว่ะ มันลานอะไรของมันวะ อยากรู้ๆจะได้เอาไปเพ้อบนเฟซบุ๊คถูก" 5555 "Dam Square" นั่นเอง ที่นี่จะพบกับอาคารเก่าๆที่ไม่มีในเมืองไทยอย่างแน่นอน(ก็มันแน่อยู่แล้วปะ!!) พอหมุนตัวไปมาก็ต้องหยุดกึกเสียงดังตรงนี้ เพราะสิ่งที่ผมเห็นอยู่ตรงหน้าทำผมตื้นตันจนน้ำตาจะไหล "Madame Tussauds" เคยได้ยินตอนเรียนประวัติศาสตร์สมัยมัธยม ชื่อนี้มันติดหูตั้งแต่นั้นมาไม่นึกว่าวันนี้จะได้มาเจออยู่ตรงหน้าแบบไม่ได้ตั้งใจอีก คุ้มมากแล้วล่ะสำหรับวันนี้ ไปๆ กลับๆ! เอ๊ย!จะบ้าเหรอ
ผมหันไปเก็บภาพเกือบๆชั่วโมงพอหันกลับมาอีกที "คนเข้าแถวยาวเหยียดเพื่อเข้าชม" คนเยอะๆแบบนี้ไม่ใช่แนวของผมละ ขอเดินต่อไปข้างหน้าแล้วกันนะ ผมเริ่มเดินตัดซอกโน้นซอยนี้แบบมั่วๆไปเรื่อย แต่ก็ไม่ลืมค้นหาสถานที่เที่ยวใกล้ๆในมือถือ ผมรู้สึกมีความสุขมากๆที่ได้ทำอะไรแบบนี้ อยากจะหยุดตัวเองไว้ตรงนี้นานๆ ให้ได้ซึมซับกับความสุขแบบนี้จนกว่าจะเบื่อกันไปข้างนึง แม้มันจะเหงาบ้างก็เถอะ แต่มันก็เอาชนะความสุขที่ผมได้รับในตอนนี้ไม่ได้หรอก แต่...การจากลามาถึงเสมอ
ผมเริ่มก้าวเดินออกจากจุดนั้นด้วยสองเท้าไปตามถนนเรื่อยๆ ข้างหน้านั้นผมเห็นอาคารสูงๆอยู่ไม่ไกล "Westerkerk" เป็นโบสถ์คริสต์ครับ ตั้งสูงตระหง่านดึงดูดผมให้เดินเข้าไปสัมผัสอย่างมาก แต่อย่าถามนะครับว่าเป็นคริสต์นิกายอะไร555 ผมไม่เก่งเรื่องประวัติศาสตร์เรื่องศาสนา แต่เรื่องวัฒนธรรมผมพอซึมซับได้ หลังจากเดินเข้าไปถึงโบสถ์แล้วก็ต้องถอดใจ คนรอต่อแถวยาวเหยียดมากจนทำให้ผมต้องเสียดายที่ต้องจำใจเดินออกมาแหงนชมความงามของมัน มาถึงจุดนี้ก็ราวๆเที่ยงวันแล้วล่ะครับ เริ่มหิวข้าวแล้วล่ะสิเพราะยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้าเลย ผมเดินเข้ามินิมาร์ทริมถนนระหว่างที่เดินไปสถานีรถไฟ ได้ขนมกับน้ำเปล่าออกมา 1ขวด เดินไปกินไปเพลินๆระหว่างเดินเท้าไปสถานีรถไฟ ชีวิตช่างมีความสุขเสียจริงๆเนอะ555 ผมตกลงปลงใจกับตัวเองที่จะนั่งริมสะพานข้ามคลองเพื่อกินอย่างเป็นจริงเป็นจัง วันนี้อากาศดีครับแต่แดดแรงมากเลยทีเดียว แต่จะสะท้านอะไรกับผมล่ะเมื่อผมมาครั้งนี้ผมไม่ได้ห่วงหล่อห่วงผิวอะไรอยู่แล้ว นั่งกินขนมดูผู้คนผ่านไปผ่านมา ดูคนถีบจักรยานผ่านตรงหน้า ดูเรือที่แล่นในคลอง ดูห่านลอยคอเล่นน้ำกับเหล่าฝูงเพื่อน ผมว่ามันเป็นอะไรที่...ผมอธิบายมันไม่ถูกจริงๆ แต่ที่รู้คือผมมีความสุขครับ สุขที่ได้ทำอะไรแบบนี้ มีวันที่ทุกข์ก็ต้องมีวันที่สุขสินะ แค่เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันก็เท่านั้นเอง นั่น!เริ่มดราม่า5555
ต้องเดินจากไปแล้วล่ะนะ
On the way
Westerkerk
ระหว่างทางครับ แชะๆๆ
นั่งทานขนมครับ
ดูคนผ่านไปผ่านมา เอื่อยไปไหมชีวิต 555
ผมตัดสินใจแล้วล่ะครับสำหรับการเที่ยวช่วงบ่ายนี้ "Keukenhof" เกิดจากการค้นหาในเน็ตเมื่อกี้เลยในสถานีรถไฟเพราะมีเน็ตฟรีให้เล่น ผมตัดสินใจนั่งรถไฟไปสนามบิน Schiphol เพราะมีทัวร์พาไปที่สวนทิวลิปแห่งนี้ ทัวร์ที่ซื้อจะรวมค่าเข้าสวน ค่ารถบัส ซึ่งก็ไม่เลวครับเพราะมันสะดวกดี
มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟครับ เรามีเป้าหมายแล้ว
ใกล้ถึงแล้วๆ
ข้างๆสถานีจะมีท่าเรือพาชมวิวในเมืองครับ แต่แนะนำเป็นช่วงใกล้มืดครับ โรแมนติกมาก
แอบดูพี่ๆ ป้าๆซื้อตั๋วครับ เมื่อวานซื้อที่เคาร์เตอร์ แต่ที่นี่ไม่เห็นมี
ขึ้นมา Platformแล้วครับ 555 มันก็แปลว่าชานชาลานั่นแหละ พึ่งจะรู้เหมือนกัน
สวนทิวลิปนี้อยู่ห่างจากตัวเมืองอัมสเตอร์ดัมราวๆ20กิโลเมตร เมื่อเดินทางถึงสวนผมก็พบกับดอกไม้นานาชนิดครับ ดอกทิวลิปหลายๆสีที่แต่งต่างจากภาพหน้าจอของวินโดว์(อิอิ) ด้วยความที่ผมเป็นคนที่ชอบต้นไม้ ชอบดอกไม้ การมาที่สวนแห่งนี้จึงไม่ทำให้ผมผิดหวังครับ แม้ว่าวันนี้คนจะค่อนข้างเยอะก็ตามที ผมเดินชมดอกไม้จุดนั้นจุดนี้ไปเรื่อยๆ แต่ผมคงไม่มีเวลามากพอที่จะไปเช้าจักรยานที่หน้าสวนเพื่อปั่นไปดูความงามของสวนทิวลิปของชาวบ้านตามแนวถนน ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ผมเสียดายสุดๆอีกเรื่องนึง
ที่จำหน่ายตั๋วทัวร์จะอยู่ใกล้ๆประตูทางลงรถไฟครับ แต่ทางขึ้นจะอยู่ประตูทางออกสนามบินทางซ้ายมือ ตรงร้านกาแฟสตาร์บัคครับ ย้ำว่าเป็นร้านสตาร์บัคติดประตูทางออกนะครับเพราะที่นี่จะมี2ร้าน
บางคนไม่เชื่อว่าผมจะบ้าไปยุโรปคนเดียวจริงๆ ผมจึงถ่ายภาพไว้ยืนยัน Pu=ปุ๊ ชื่อผมเองครับ 555
ตรงประตูทางออกมีรถบัสจอดรอครับ ขึ้นไปนั่งได้เลย
หลังจากนี้ผมจะไม่พูดมากแล้วนะครับ ผมจะเอาความงามของดอกไม้พุ่งเข้าหาเพื่อนๆพี่ๆน้องๆนักอ่านแล้วนะครับ เตรียมพร้อมนะ 1..2..3.....
[img]http://f.ptcdn.info/714/036/000/nwpzhld