http://pantip.com/topic/34338921 ตอนที่1 วีซ่าและการเดินทาง
http://pantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037 ตอนที่6 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
http://pantip.com/topic/34406378 ตอนที่7 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2" "มาถึงแล้วนะ อินเทอลาเค่น"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
สวัสดีนักอ่าน นักท่องโลก นักท่องเที่ยว นักผจญภัยทุกๆคนนะครับ วันนี้ผมจะกลับมาเล่าต่อจากตอนที่แล้วนะครับ หลังจากที่เมื่อคืนอินกับอาการเหงามากไปหน่อย ยกเบียร์ไป2กระป๋องเลยทีเดียว
เช้าวันนี้ผมตื่นนอนแต่เช้าครับ แต่ก็ไม่เช้าเท่ากับเพื่อนๆร่วมห้องของผมที่ไม่รู้ว่าออกจากห้องกันไปตอนไหนเพราะผมหลับแบบไม่รู้สึกตัวเลย เนื่องด้วยความเหนื่อยจากการแบกเป้ใบใญ่ๆตะลอนทั้งวันเมื่อวาน จากเจนีวา เข้าโลซาน แบกไปเวอเว่ และเดินทางลงมาที่อินเทอลาเค่นแห่งนี้
หลังจากที่ตื่นนอนก็เดินเอื่อยๆพาร่างตัวเองออกไปที่ห้องนั่งเล่นชั้น2ที่ผมพักอยู่ ตอนนี้ก็ราวๆ8โมงเช้าครับ สถิติตื่นเช้าของผมอีกครั้ง5555
อากาศข้างนอกคงจะหนาวแน่ๆเพราะขนาดห้องนั่งเล่นประจำชั้นที่นั่งอยู่ตอนนี้ยังรู้สึกเย็นๆอยู่เลย แม้มันจะเป็นห้องกระจกก็เถอะ แต่ชุดที่ใส่ออกมาก็นะ เสื้อยืด บ็อกเซอร์ รองเท้าแตะ555 ก็มันไม่มีใครเลยนี่นา
นั่งดูสิ่งรอบข้างไปเรื่อยๆ ดูรถไฟที่
Interlaken Ost Station ทั้งขาเข้าและขาออกเพราะห้องพักหันหน้าไปทางสถานี เก็บภาพตัวเองมาได้2-3ภาพครับแต่ขอไม่ลงละกัน เพราะการแต่งตัวไม่สุภาพ และตอนนี้ผมตาบวมหน่อยๆเพราะพึ่งตื่นนั่นเอง
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าห้างใกล้ที่พัก ห้างCoopนั่นเองที่ผมจะฝากท้องไว้ทั้งวันของวันนี้ ได้ขนมปังกับไส้กรอกครับสำหรับเสบียง ผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปที่ไหนในวันนี้ระหว่างยอดเขาจุงเฟราห์ กับยอดเขา Schinthon ...ผมเลือกที่จะขึ้น Schinthonครับ เพราะคิดว่าคนน่าจะน้อยกว่าแน่ๆเพราะสำหรับยอดเขาจุงเฟราห์ ทุกคนจะรู้จักชื่อเสียงว่าเป็นสถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป ส่วนSchinthonจะเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง เจมส์บอร์น007 นั่นเอง
ผมเดินลงอุโมงค์เพื่อไปยังชานชาลา การเดินทางเริ่มจากสถานี
Interlaken Ost ผมชอบการขึ้นรถไฟขบวนนี้เป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่า..อธิบายไม่ถูกแฮะ รถไฟขบวนนี้เมื่อถึงสถานี
Sweiutschinen ก็จะตัดแยกเป็น2ขบวน ขบวนหนึ่งจะวิ่งไปทาง
Lauterbrunnen (เลาเทอร์บรุนเนน) ส่วนอีกขบวนจะวิ่งไป
Grindelwald (กรินเดลวาลด์)

รถไฟที่จะพาเราไปล่องฝันครับ
เราจะไปสถานี Lauterbrunnen ครับ ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของขบวนนี้(ขึ้นให้ถูกขบวนตั้งแต่ Interlaken เลยนะครับ แต่ถ้าขึ้นผิดก็มีเวลาครับ เพราะรถไฟจะจอดที่ Sweiutschinen ราวๆ5นาที) จาก
Lauterbrunnen จะต้องขึ้นกระเช้า เพื่อไปนั่งรถไฟฟันเฟืองปีนภูเขาที่สถานี
Grutschalp เพื่อไปยัง
Murren(มูร์เริน) เมื่อถึงมูร์เรินแล้วเราต้องเดินตามป้ายไปเรื่อยๆราวๆ10นาที เพื่อไปยังสถานีกระเช้าไฟฟ้า การเดินทางที่ผ่านมาทั้งหมด หากถือบัตร
Swiss Travel Pass สามารถเดินทางขึ้นมาได้ฟรีครับ แต่จากสถานีกระเช้าไฟฟ้าที่ Murren แห่งนี้ ต้องซื้อตั๋วเพิ่มครับ แต่ก็ใช้เป็นส่วนลดได้ 50%เลยแหละ

บรรยากาศระหว่างเดินทางครับ อยากอยู่ตรงนี้นานๆเนอะ

ภาพระหว่างเดินทางครับ

ภาพระหว่างเดินทางครับ

ถึงสถานี Sweiutschinen รถไฟจะตัดเป็น2ขบวน

มาถึงแล้ว Lauterbrunnen

ต้องช่างสังเกตุและเดาแบบมีตรรกะนะ บอกตัวเอง555

รอบของกระเช้าครับ ดูนาฬิกาแป๊บ

ออกเดินทางแล้วนะ ตื่นเต้นชะมัด

รถไฟสายภูเขา Grutschalp ไป Murren

วิวระหว่างทางครับ

ว้าววววว หิมะ!!! 555

มาถึงแล้วครับ หมู่บ้านมูร์เริน
วันนี้ของผมไม่ค่อยจะราบรื่นนักเนื่องจากตอนที่เข้าไปซื้อตั๋วขึ้นยอดเขานั้นผมตั้งใจจะจ่ายด้วยบัตรเครดิต แต่บัตรเครดิตผมมีปัญหาครับ(คิดว่าเงินในบัตรน่าจะหมดแล้วทั้งสองบัตร) ผมจึงควักเงินในกระเป๋าออกมาแต่เป็นเงินยูโรแบงค์ใหญ่เลยทีเดียว เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่มีเงินทอนครับ เอาล่ะสิงานนี้ เธอแนะนำว่ามีธนาคารให้แลกเงินอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ให้เดินตรงไปเรื่อยๆก็จะเห็นธนาคารอยู่ทางขวามือ ธนาคารที่นี่ก็ต่างจากบ้านเราแฮะ มองเข้าไปไม่เห็นอะไรเพราะเขาจะปิดบานเกร็ดกระจกลง ไม่มีทีท่าว่าจะมีคนอยู่ข้างในนั้นเลย ยืนชั่งใจอยู่พักใหญ่จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปครับ และแล้วก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาหาที่เคาร์เตอร์ด้านใน ผมไม่รอช้าที่จะแลกเงินและรีบกลับไปที่สถานีกระเช้า เพราะผมเสียเวลาจากเรื่องนี้ชั่วโมงกว่าๆแล้ว

เดินตัดหมู่บ้านไปสถานีกระเช้าครับ

หมู่บ้านเงียบสงบ สมเป็นสวิสจริงๆ
หลังจากได้ตั๋วแล้วจึงต่อแถวรอขึ้นกระเช้าอีกครั้งพร้อมนักท่องเที่ยวต่างชาติแทบทั้งสิ้น
จากสถานีนี้ผมต้องไปเปลี่ยนกระเช้าอีกครั้งที่สถานี Brig และสถานี Schinthornจะเป็นสถานีปลายทาง บรรยากาศรอบตัวขาวโพลนไปด้วยหิมะ ในขณะที่มีแดดแต่ก็ยังสวยครับ อากาศเย็นมากๆ หยิบมือถือออกมาดูอุณหภูม... 3องศาเซลเซียสครับ หืมมมม!!ผมไม่เคยอยู่ในอากาศแบบนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย

มัวแต่หวาดเสียวเลยลืมลั่นชัตเตอร์ครับ 555

เด็กๆขึ้นมาเล่นสกี หืมมมม อิจฉาชีวิต

มาถึงแล้วครับ ยอดเขา Schinthorn
หลังจากที่ขึ้นถึงยอดเขา Schinthonแล้ว ผมเริ่มหยิบกล้องออกมาจากจากกระเป๋า เริ่มลั่นชัตเตอร์แบบบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อากาศจะเย็นๆครับแต่แดดกลับแรงเอามากๆ แต่วันนี้ผมมีอุปกรณ์กันหนาวเพียบครับ ทั้งหมวกไหมพรมสุดเท่ที่ใส่ตลอดทริป บวกกับถุงมือกันหนาวอย่างดีที่จงใจซื้อมาเพื่อขึ้นยอดเขาหิมะในทริปนี้โดยเฉพาะ
ผมนั่งอยู่บนที่นั่งด้านนอกของอาคาร นั่งแบบไม่มีจุดหมายครับ นั่งนิ่งๆมองภูเขาหิมะ ที่มองไปทางไหนก็มีหิมะปกคลุมเหมือนๆกัน แต่ผมกลับมองมันไม่เบื่อเลย เมื่อเริ่มหนาวๆสั่นๆผมก็จะลุกเดินถ่ายภาพรอบๆอาคาร มีเวลาได้อยู่กับตัวเอง มีเวลาได้หยุดมองโลกที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้ออกมา มองดูผู้คนจากทุกมุมโลกที่เดินทางมาท่องเที่ยว มองเพื่อนๆนักเดินทางที่เดินทางออกท่องโลกแบบผม ผมมีความสุขที่จะเขียนบอกเล่าความสุขของตัวเองลงในไดอารี่เล่มเก่งที่พกมาด้วย และสุดท้าย..ผมมีเวลามากพอที่จะนั่งมองสาวชาวจีนคนนึงที่ถือไม้เซลฟี่เก็บภาพตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เธอน่ารักครับ ขาว เนียน ตัวเล็ก เอ้ย!!!เกินไปแล้วเฮ้ย เพี๊ยะ!ขอเรียกสติแป๊บนะครับ 555
ผมกำลังชั่งใจว่าผมจะเข้าไปคุยกับเธอดีไหมเพราะเธอน่ารักซะเหลือเกิน555 แต่ตอนนี้ผมทนหิวไม่ไหวแล้วครับเพราะตลอดทริปที่ผ่านมาผมทานอาหารในยุโรปไม่ค่อยเป็นนัก วันๆก็ขนมปัง ไส้กรอก อะไรทำนองนี้ จนตอนนี้รู้สึกว่าร่างกายต้องการพลังงานครับ ต้องการโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในภัตตาคาร สั่งสเต๊กมา1จาน สนนราคาที่ 48ฟรังค์สวิสครับ(1ฟรังค์=33บาท) การกินสำคัญมากครับจนละทิ้งความคิดที่จะจีบสาวหมวยไปชั่วขณะเลยแหละ

48ยูโรครับ ไม่รวมช็อคโกแลตนะ

นั่งทาน นั่งมอง ฟินเนอะ ^^

ชอบๆๆ
หลังจากทานอาหารจนอิ่มและนั่งชมวิวบนภัตตาคารหมุนได้360องศาจนพอใจ ผมจึงกลับลงไปถ่ายภาพอีกครั้ง ผมพยายามมองหาเธอคนนั้นแต่ไม่เจอครับ ผมรู้สึกว่าผมจะอกหักเล็กๆอีกครั้ง
“ทำไมมันช่างเปราะบางเหลือเกิน” 5555 และแล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง เธอเดินมาจากไหนไม่รู้ และยังถ่ายภาพแบบเดิมครับ ครั้งนี้มีตั้งขากล้องและจะตั้งเวลาที่กล้อง เธอจะวิ่งไปเข้าเฟรม พอชัตเตอร์ลั่นจบก็จะวิ่งมาดูและเริ่มทำแบบเดิมไปเรื่อยๆ ผมเห็นแล้วก็มีความสุขดีครับ น่ารักกกกกกก ^^
ผมเริ่มเดินไปรอบๆอีกครั้งเพื่อเก็บภาพให้เยอะๆและจุดที่ผมสนใจ แต่เธอก็ยังคงแชะภาพตัวเองไปเรื่อยๆเหมือนเคย แต่จากนี้...
เธอ : Excause, can you take picture for me?
ผม : Ok, no problem.
จะให้ผมปฏิเสธเธอได้ยังไงเล่า เธอน่ารักซะขนาดนี้ 555 ถ่ายจบ1รูปเธอก็จะวิ่งกลับมาดู1ครั้งแล้ววิ่งกลับไปหาวิวใหม่ เอิ่มมมมม เอาไงดีล่ะเนี่ย อยากจะคุยกับเขาต่อครับ แม้แต่คำศัพท์ภาษาอังกฤษยังต่อคิวยาวเหยียดและรอให้ผมหยิบพวกมันไปใช้คุยกับเธอเลย
แต่ด้วยความป๊อดของผม เหตุการณ์นั้นจึงจบด้วยการยื่นกล้องกลับให้เธอและผมได้รับคำขอบคุณจากเธอ ผมนี่มันน่านัก555

ชื่อยอดเขาและความสูงครับ

เฮ้ย!!นั่นผมนี่นา เท่อ่ะ 5555
ตัวคนเดียวแบกเป้ลุยเดี่ยว เนเธอร์แลนด์-สวิส-อิตาลี "สวิสเซอร์แลนด์ วันที่3" "อินเทอลาเค่น สวรรค์บนโลก"
http://pantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037 ตอนที่6 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
http://pantip.com/topic/34406378 ตอนที่7 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2" "มาถึงแล้วนะ อินเทอลาเค่น"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
สวัสดีนักอ่าน นักท่องโลก นักท่องเที่ยว นักผจญภัยทุกๆคนนะครับ วันนี้ผมจะกลับมาเล่าต่อจากตอนที่แล้วนะครับ หลังจากที่เมื่อคืนอินกับอาการเหงามากไปหน่อย ยกเบียร์ไป2กระป๋องเลยทีเดียว
เช้าวันนี้ผมตื่นนอนแต่เช้าครับ แต่ก็ไม่เช้าเท่ากับเพื่อนๆร่วมห้องของผมที่ไม่รู้ว่าออกจากห้องกันไปตอนไหนเพราะผมหลับแบบไม่รู้สึกตัวเลย เนื่องด้วยความเหนื่อยจากการแบกเป้ใบใญ่ๆตะลอนทั้งวันเมื่อวาน จากเจนีวา เข้าโลซาน แบกไปเวอเว่ และเดินทางลงมาที่อินเทอลาเค่นแห่งนี้
หลังจากที่ตื่นนอนก็เดินเอื่อยๆพาร่างตัวเองออกไปที่ห้องนั่งเล่นชั้น2ที่ผมพักอยู่ ตอนนี้ก็ราวๆ8โมงเช้าครับ สถิติตื่นเช้าของผมอีกครั้ง5555
อากาศข้างนอกคงจะหนาวแน่ๆเพราะขนาดห้องนั่งเล่นประจำชั้นที่นั่งอยู่ตอนนี้ยังรู้สึกเย็นๆอยู่เลย แม้มันจะเป็นห้องกระจกก็เถอะ แต่ชุดที่ใส่ออกมาก็นะ เสื้อยืด บ็อกเซอร์ รองเท้าแตะ555 ก็มันไม่มีใครเลยนี่นา
นั่งดูสิ่งรอบข้างไปเรื่อยๆ ดูรถไฟที่ Interlaken Ost Station ทั้งขาเข้าและขาออกเพราะห้องพักหันหน้าไปทางสถานี เก็บภาพตัวเองมาได้2-3ภาพครับแต่ขอไม่ลงละกัน เพราะการแต่งตัวไม่สุภาพ และตอนนี้ผมตาบวมหน่อยๆเพราะพึ่งตื่นนั่นเอง
หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าห้างใกล้ที่พัก ห้างCoopนั่นเองที่ผมจะฝากท้องไว้ทั้งวันของวันนี้ ได้ขนมปังกับไส้กรอกครับสำหรับเสบียง ผมตัดสินใจได้แล้วว่าจะไปที่ไหนในวันนี้ระหว่างยอดเขาจุงเฟราห์ กับยอดเขา Schinthon ...ผมเลือกที่จะขึ้น Schinthonครับ เพราะคิดว่าคนน่าจะน้อยกว่าแน่ๆเพราะสำหรับยอดเขาจุงเฟราห์ ทุกคนจะรู้จักชื่อเสียงว่าเป็นสถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป ส่วนSchinthonจะเป็นสถานที่ที่ใช้ถ่ายทำภาพยนต์เรื่อง เจมส์บอร์น007 นั่นเอง
ผมเดินลงอุโมงค์เพื่อไปยังชานชาลา การเดินทางเริ่มจากสถานี Interlaken Ost ผมชอบการขึ้นรถไฟขบวนนี้เป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่า..อธิบายไม่ถูกแฮะ รถไฟขบวนนี้เมื่อถึงสถานี Sweiutschinen ก็จะตัดแยกเป็น2ขบวน ขบวนหนึ่งจะวิ่งไปทาง Lauterbrunnen (เลาเทอร์บรุนเนน) ส่วนอีกขบวนจะวิ่งไป Grindelwald (กรินเดลวาลด์)
รถไฟที่จะพาเราไปล่องฝันครับ
เราจะไปสถานี Lauterbrunnen ครับ ซึ่งเป็นสถานีปลายทางของขบวนนี้(ขึ้นให้ถูกขบวนตั้งแต่ Interlaken เลยนะครับ แต่ถ้าขึ้นผิดก็มีเวลาครับ เพราะรถไฟจะจอดที่ Sweiutschinen ราวๆ5นาที) จาก Lauterbrunnen จะต้องขึ้นกระเช้า เพื่อไปนั่งรถไฟฟันเฟืองปีนภูเขาที่สถานี Grutschalp เพื่อไปยัง Murren(มูร์เริน) เมื่อถึงมูร์เรินแล้วเราต้องเดินตามป้ายไปเรื่อยๆราวๆ10นาที เพื่อไปยังสถานีกระเช้าไฟฟ้า การเดินทางที่ผ่านมาทั้งหมด หากถือบัตร Swiss Travel Pass สามารถเดินทางขึ้นมาได้ฟรีครับ แต่จากสถานีกระเช้าไฟฟ้าที่ Murren แห่งนี้ ต้องซื้อตั๋วเพิ่มครับ แต่ก็ใช้เป็นส่วนลดได้ 50%เลยแหละ
บรรยากาศระหว่างเดินทางครับ อยากอยู่ตรงนี้นานๆเนอะ
ภาพระหว่างเดินทางครับ
ภาพระหว่างเดินทางครับ
ถึงสถานี Sweiutschinen รถไฟจะตัดเป็น2ขบวน
มาถึงแล้ว Lauterbrunnen
ต้องช่างสังเกตุและเดาแบบมีตรรกะนะ บอกตัวเอง555
รอบของกระเช้าครับ ดูนาฬิกาแป๊บ
ออกเดินทางแล้วนะ ตื่นเต้นชะมัด
รถไฟสายภูเขา Grutschalp ไป Murren
วิวระหว่างทางครับ
ว้าววววว หิมะ!!! 555
มาถึงแล้วครับ หมู่บ้านมูร์เริน
วันนี้ของผมไม่ค่อยจะราบรื่นนักเนื่องจากตอนที่เข้าไปซื้อตั๋วขึ้นยอดเขานั้นผมตั้งใจจะจ่ายด้วยบัตรเครดิต แต่บัตรเครดิตผมมีปัญหาครับ(คิดว่าเงินในบัตรน่าจะหมดแล้วทั้งสองบัตร) ผมจึงควักเงินในกระเป๋าออกมาแต่เป็นเงินยูโรแบงค์ใหญ่เลยทีเดียว เจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่มีเงินทอนครับ เอาล่ะสิงานนี้ เธอแนะนำว่ามีธนาคารให้แลกเงินอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้ ให้เดินตรงไปเรื่อยๆก็จะเห็นธนาคารอยู่ทางขวามือ ธนาคารที่นี่ก็ต่างจากบ้านเราแฮะ มองเข้าไปไม่เห็นอะไรเพราะเขาจะปิดบานเกร็ดกระจกลง ไม่มีทีท่าว่าจะมีคนอยู่ข้างในนั้นเลย ยืนชั่งใจอยู่พักใหญ่จึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปครับ และแล้วก็มีเจ้าหน้าที่เดินมาหาที่เคาร์เตอร์ด้านใน ผมไม่รอช้าที่จะแลกเงินและรีบกลับไปที่สถานีกระเช้า เพราะผมเสียเวลาจากเรื่องนี้ชั่วโมงกว่าๆแล้ว
เดินตัดหมู่บ้านไปสถานีกระเช้าครับ
หมู่บ้านเงียบสงบ สมเป็นสวิสจริงๆ
หลังจากได้ตั๋วแล้วจึงต่อแถวรอขึ้นกระเช้าอีกครั้งพร้อมนักท่องเที่ยวต่างชาติแทบทั้งสิ้น
จากสถานีนี้ผมต้องไปเปลี่ยนกระเช้าอีกครั้งที่สถานี Brig และสถานี Schinthornจะเป็นสถานีปลายทาง บรรยากาศรอบตัวขาวโพลนไปด้วยหิมะ ในขณะที่มีแดดแต่ก็ยังสวยครับ อากาศเย็นมากๆ หยิบมือถือออกมาดูอุณหภูม... 3องศาเซลเซียสครับ หืมมมม!!ผมไม่เคยอยู่ในอากาศแบบนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย
มัวแต่หวาดเสียวเลยลืมลั่นชัตเตอร์ครับ 555
เด็กๆขึ้นมาเล่นสกี หืมมมม อิจฉาชีวิต
มาถึงแล้วครับ ยอดเขา Schinthorn
หลังจากที่ขึ้นถึงยอดเขา Schinthonแล้ว ผมเริ่มหยิบกล้องออกมาจากจากกระเป๋า เริ่มลั่นชัตเตอร์แบบบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่อากาศจะเย็นๆครับแต่แดดกลับแรงเอามากๆ แต่วันนี้ผมมีอุปกรณ์กันหนาวเพียบครับ ทั้งหมวกไหมพรมสุดเท่ที่ใส่ตลอดทริป บวกกับถุงมือกันหนาวอย่างดีที่จงใจซื้อมาเพื่อขึ้นยอดเขาหิมะในทริปนี้โดยเฉพาะ
ผมนั่งอยู่บนที่นั่งด้านนอกของอาคาร นั่งแบบไม่มีจุดหมายครับ นั่งนิ่งๆมองภูเขาหิมะ ที่มองไปทางไหนก็มีหิมะปกคลุมเหมือนๆกัน แต่ผมกลับมองมันไม่เบื่อเลย เมื่อเริ่มหนาวๆสั่นๆผมก็จะลุกเดินถ่ายภาพรอบๆอาคาร มีเวลาได้อยู่กับตัวเอง มีเวลาได้หยุดมองโลกที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้ออกมา มองดูผู้คนจากทุกมุมโลกที่เดินทางมาท่องเที่ยว มองเพื่อนๆนักเดินทางที่เดินทางออกท่องโลกแบบผม ผมมีความสุขที่จะเขียนบอกเล่าความสุขของตัวเองลงในไดอารี่เล่มเก่งที่พกมาด้วย และสุดท้าย..ผมมีเวลามากพอที่จะนั่งมองสาวชาวจีนคนนึงที่ถือไม้เซลฟี่เก็บภาพตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เธอน่ารักครับ ขาว เนียน ตัวเล็ก เอ้ย!!!เกินไปแล้วเฮ้ย เพี๊ยะ!ขอเรียกสติแป๊บนะครับ 555
ผมกำลังชั่งใจว่าผมจะเข้าไปคุยกับเธอดีไหมเพราะเธอน่ารักซะเหลือเกิน555 แต่ตอนนี้ผมทนหิวไม่ไหวแล้วครับเพราะตลอดทริปที่ผ่านมาผมทานอาหารในยุโรปไม่ค่อยเป็นนัก วันๆก็ขนมปัง ไส้กรอก อะไรทำนองนี้ จนตอนนี้รู้สึกว่าร่างกายต้องการพลังงานครับ ต้องการโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผมจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในภัตตาคาร สั่งสเต๊กมา1จาน สนนราคาที่ 48ฟรังค์สวิสครับ(1ฟรังค์=33บาท) การกินสำคัญมากครับจนละทิ้งความคิดที่จะจีบสาวหมวยไปชั่วขณะเลยแหละ
48ยูโรครับ ไม่รวมช็อคโกแลตนะ
นั่งทาน นั่งมอง ฟินเนอะ ^^
ชอบๆๆ
หลังจากทานอาหารจนอิ่มและนั่งชมวิวบนภัตตาคารหมุนได้360องศาจนพอใจ ผมจึงกลับลงไปถ่ายภาพอีกครั้ง ผมพยายามมองหาเธอคนนั้นแต่ไม่เจอครับ ผมรู้สึกว่าผมจะอกหักเล็กๆอีกครั้ง “ทำไมมันช่างเปราะบางเหลือเกิน” 5555 และแล้วสิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับผมอีกครั้ง เธอเดินมาจากไหนไม่รู้ และยังถ่ายภาพแบบเดิมครับ ครั้งนี้มีตั้งขากล้องและจะตั้งเวลาที่กล้อง เธอจะวิ่งไปเข้าเฟรม พอชัตเตอร์ลั่นจบก็จะวิ่งมาดูและเริ่มทำแบบเดิมไปเรื่อยๆ ผมเห็นแล้วก็มีความสุขดีครับ น่ารักกกกกกก ^^
ผมเริ่มเดินไปรอบๆอีกครั้งเพื่อเก็บภาพให้เยอะๆและจุดที่ผมสนใจ แต่เธอก็ยังคงแชะภาพตัวเองไปเรื่อยๆเหมือนเคย แต่จากนี้...
เธอ : Excause, can you take picture for me?
ผม : Ok, no problem.
จะให้ผมปฏิเสธเธอได้ยังไงเล่า เธอน่ารักซะขนาดนี้ 555 ถ่ายจบ1รูปเธอก็จะวิ่งกลับมาดู1ครั้งแล้ววิ่งกลับไปหาวิวใหม่ เอิ่มมมมม เอาไงดีล่ะเนี่ย อยากจะคุยกับเขาต่อครับ แม้แต่คำศัพท์ภาษาอังกฤษยังต่อคิวยาวเหยียดและรอให้ผมหยิบพวกมันไปใช้คุยกับเธอเลย
แต่ด้วยความป๊อดของผม เหตุการณ์นั้นจึงจบด้วยการยื่นกล้องกลับให้เธอและผมได้รับคำขอบคุณจากเธอ ผมนี่มันน่านัก555
ชื่อยอดเขาและความสูงครับ
เฮ้ย!!นั่นผมนี่นา เท่อ่ะ 5555