http://pantip.com/topic/34338921 ตอนที่1 วีซ่าและการเดินทาง
http://pantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
สวัสดีนักอ่าน นักท่องโลก นักท่องเที่ยว นักผจญภัยทุกๆคนนะครับ วันนี้ผมจะกลับมาเล่าต่อจากตอนที่แล้วนะครับ กับการเดินทางมุ่งหน้าสู่ดินแดนหิมะ
ณ ขณะนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถไฟเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองอินเทอลาเค่น เมืองที่ทุกคนใฝ่ฝันเมื่อได้มาเยือนสวิสเซอร์แลนด์ครับ ซึ่งชื่อของเมืองก็ติดหูไม่เเพ้เมืองลูเซิร์น หรือซูริค กันเลยทีเดียว
ตอนนี้วิวสองข้างทางที่ผมเห็นกำลังเปลี่ยนไปครับ จากภูเขาสลับกับทุ่งหญ้า สลับกับหญ้าเขียวๆชวนให้ไปเอนกายกระแทกพื้น แต่ตอนนี้สองข้างทางของผมกำลังเต็มไปด้วยภูเขาสีน้ำตาล ยอดเขาสีขาวโพลนด้วยหิมะ ยิ่งรถไฟวิ่งเข้าใกล้อินเทอลาเค่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มความหนาวเย็น และสองข้างทางก็มีหิมะปกคลุมยอดเขามากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้เวลาทุ่มกว่าๆเห็นจะได้แต่ท้องฟ้าก็ยังสว่างจ้าด้วยแสงแดดเพราะที่นี่จะมืดราวๆ 2ทุ่ม แต่ผมก็ยังติดนิสัยเดิมๆจากเมืองไทยมาอยู่ดี ยังไม่ชินอีกเหรอเนี่ย?

แวะต่อรถไฟที่เมืองเบิร์น

ใกล้เข้าไปเรื่อยๆแล้วครับ

วิวสองข้างทาง

เรามาถึงเมืองสปีซแล้วน้าาาา
รถไฟก็ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ ตอนนี้มาจอดที่สถานีทูน(Thun) ซึ่งรถไฟจะแล่นเลียบทะเลสาบทูนไปเรื่อยๆ มารู้สึกตัวอีกทีรถไฟก็วิ่งเข้าเทียบชานชาลาเมือง
“สปีซ” ซะแล้ว ผมรู้สึกจะชอบชื่อเมืองของที่นี่เป็นการส่วนตัวซะแล้วสิ
บนรถไฟตู้ที่ผมนั่งประกอบไปด้วยนักท่องเที่ยวหลายๆเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน ฝรั่งประเทศไหนผมไม่แน่ใจ และหนึ่งในนั้นผมก็พบกับ
“นักท่องเที่ยวชาวไทย” ความรู้สึกในตอนนั้นก็รู้สึกอุ่นใจดีครับที่เจอคนไทยด้วยกัน
แต่จะให้ผมเข้าไปคุยอะไรกับเขาล่ะ ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเขาหรอกเพราะพวกเขาก็มากันหลายๆคน คุยโน่นคุยนี่กันตลอดทาง แต่ผมเองก็ไม่ได้คุยภาษาไทยมาหลายวันแล้วด้วยเลยไม่ค่อยชินที่จะพูด 5555 อันนี้ออกจะเกินไป
จากการนั่งรถไฟมาเรื่อยๆตอนนี้เราก็เข้ามาใกล้จุดหมายปลายทางแล้วล่ะครับ
“Interlaken West” ซึ่งจะเป็นสถานีเกือบสุดท้ายก่อนที่รถไฟจะวิ่งช้าๆเข้าเทียบชานชาลาที่
“Interlaken Ost”

โหหหหหห ฉันอยู่ในความฝันรึเปล่าเนี่ย!!!

สถานี Interlaken Ost
หลังจากก้าวลงจากขบวนรถผมก็โดนความหนาวเข้าประทะอย่างจัง เย็นยะเยือกกันเลยทีเดียวเพราะเมื่อเมื่อกี้มัวแต่นั่งอุ่นๆบนรถไฟ หลังจากลงจากรถไฟผมก็พบเจอกับคนไทยหลายกลุ่มเลยครับ นักท่องเที่ยวชาวไทยมาที่นี่กันเยอะทีเดียว
แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะตอนนี้ผมกำลังหาทางเดินไปที่พัก ผมเดินเข้าไปในร้านค้าข้างๆสถานีเพื่อถามเส้นทาง แต่ผมกลับโดนพนักงานในร้านทักทายมาก่อน
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ!!!” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่แกอย่างไว หน้าตาพี่แกไม่น่าจะเป็นคนไทย น่าจะประมาณจีนหรือไม่ก็เวียดนามไปโน่น เซอร์ไพรท์อีกแล้วนะ555
หลังจากสอบถามเส้นทางเสร็จก็ลองเดินวนหาที่พัก และแล้วก็มาถึงครับ
“Interlaken Youth Hostel” ที่นี่คือที่พักของผมระหว่างที่ตะลอนในเมืองหิมะแถบนี้ ผมต่อคิวเข้าเช็คอิน บรรยากาศดีครับเพราะข้างหน้าผมก็เป็นคนไทย
ที่มากันเป็นครอบครัว ด้านหลังผมก็เป็นคนไทยที่มากันเป็นครอบครัว ในโซนล็อบบี้ของโฮสเตลก็ได้ยินเสียงคนคุยภาษาไทยแว่วมาเข้าหูผม
“คนบ้านเราเยอะเนอะ” หลังจากเช็คอินเรียบร้อยก็แบกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นห้อง
ระหว่างทางเดินก็ได้ยินเสียงคนไทยคุยลอดประตูห้องที่เปิดแง้มๆไว้ออกมา 555 สวัสดีนะทุกคน ผมก็อยากไปสนทนาด้วยนะแต่มันคงไม่เหมาะหรอก ผมมาคนเดียว พวกพี่ๆป้าๆมากันเป็นครอบครัว พูดคุยหัวเราะกันสนุกสนาน
ทำเอาผมออกอาการเหงาๆขึ้นมาเลยทีเดียว อยากจะเดินหาเบียร์เย็นๆซัก2-3กระป๋องมานั่งดื่มประชดความรู้สึกตัวเองตอนนี้ชะมัด
วันนี้ผมนอนห้องรวมเช่นเคยครับ สไตล์แบ็คแพคเกอร์อย่างผม ผมหอบสังขาลมาถึงหน้าห้องพักแล้ว เอาคีย์การ์ดแตะเพื่อเปิดประตู
“อุ๊ย!ขอโทษค่ะๆ ห้องรกเลย พอดียังไม่ได้เก็บของอ่ะค่ะ พอดีพรุ่งนี้เช้าตรู่ก็จะเช็คเอาท์แล้วอ่ะค่ะ” ?!@#$%&^
เอ่อ! พี่แกทำผมสตั๊นไปซัก5วิเห็นจะได้ 5555 พี่!!!!พี่ทักทายผมเป็นภาษาไทยอีกแล้วนะ 5555 ผมก็ได้แต่ง่อยๆเอื่อยๆแล้วตอบพี่แกไปอย่างสุภาพ
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่มีปัญหาครับ”
พวกพี่แกมาเป็นครอบครัวครับ แต่ผมเห็นพี่แกคนเดียวนี่แหละแต่ของพี่แกเต็มห้องเลย ผมจัดแจงเก็บของไว้บนเตียง เก็บกระเป๋าไว้ในล็อคเกอร์แล้วเดินเอื่อยๆเหงาๆลงมาจากห้องพัก
“เฮ้อ!เหงาเป็นบ้าเลย หาเบียร์กินดีกว่าว่ะ” จากนั้นผมจึงเดินฝ่าอากาศเย็นๆออกจากโฮสเตลไปเรื่อยๆตามทางที่คิดว่าจะเป็นโซนร้านอาหาร โซนนั่งดื่ม
ระหว่างเดินไปเรื่อยๆผมก็พบกับคนไทยอีกหลายๆกลุ่ม ทั้งที่นั่งดื่มพูดคุยกันอย่างเมามัน บางกลุ่มก็เดินดูร้านขายนาฬิกาที่เรียงรายมากมายข้างทางเดิน ผมก็เดินเข้าไปดูนะเจ้านาฬิกาน่ะ
แต่ไม่อาจซื้อมันได้หรอกเพราะผมต้องเก็บเงินไว้เที่ยวต่อ เดินไปเรื่อยๆก็ถึงมินิมาร์ทเล็กๆอยู่อีกฝั่งของถนน ผมไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหยิบเบียร์เย็นๆจากตู้ออกมาและเดินกลับที่พักพร้อมจิบเบียร์เบาๆ เดินลอยๆตามอารมณ์มุ่งหน้ากลับที่พัก
มานั่งเอื่อยๆที่โต๊ะที่วางอยู่ด้านนอกของที่พัก

เส้นทางตามหาร้านขายเบียร์ 555

เฮ้ย เราว่าเรามาถูกทางแล้วล่ะ

ชอบป้ายนี้จัง ^^
เอ่อ!!!ผมเพ้อเรื่องของมึนเมาจนเกินพอดีแล้วมั้งเนี่ย พอแล้วๆ
พรุ่งนี้เช้าผมจะพาออกไปผจญภัยดินแดนหิมะนะครับ จะรีบกลับมาเขียนรีวิวให้อ่านกันนะ
ตัวคนเดียวแบกเป้ลุยเดี่ยว เนเธอร์แลนด์-สวิส-อิตาลี "สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2" "มาถึงแล้วนะ อินเทอลาเค่น"
http://pantip.com/topic/34353426 ตอนที่2 เนเธอร์แลนด์วันที่1
http://pantip.com/topic/34355076 ตอนที่3 เนเธอร์แลนด์วันที่2
http://pantip.com/topic/34364373 ตอนที่4 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva"
http://pantip.com/topic/34385053 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่1 "Geneva" - 2
http://pantip.com/topic/34390037 ตอนที่5 สวิสเซอร์แลนด์ วันที่2 "Lausanne - Vevey"
เพื่อนๆสามารถติดตามทริปต่างๆที่จะเกิดขึ้นของผมแบบ Realtime ได้ที่เฟซเพจได้นะครับ เพราะผมจะมีทริปเล็กๆน้อยๆอยู่เรื่อยๆ
จะได้ติดตามข้อมูลและลุ้นไปด้วยกันที่
http://www.facebook.com/Backpacker.Pu
สวัสดีนักอ่าน นักท่องโลก นักท่องเที่ยว นักผจญภัยทุกๆคนนะครับ วันนี้ผมจะกลับมาเล่าต่อจากตอนที่แล้วนะครับ กับการเดินทางมุ่งหน้าสู่ดินแดนหิมะ
ณ ขณะนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนรถไฟเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองอินเทอลาเค่น เมืองที่ทุกคนใฝ่ฝันเมื่อได้มาเยือนสวิสเซอร์แลนด์ครับ ซึ่งชื่อของเมืองก็ติดหูไม่เเพ้เมืองลูเซิร์น หรือซูริค กันเลยทีเดียว
ตอนนี้วิวสองข้างทางที่ผมเห็นกำลังเปลี่ยนไปครับ จากภูเขาสลับกับทุ่งหญ้า สลับกับหญ้าเขียวๆชวนให้ไปเอนกายกระแทกพื้น แต่ตอนนี้สองข้างทางของผมกำลังเต็มไปด้วยภูเขาสีน้ำตาล ยอดเขาสีขาวโพลนด้วยหิมะ ยิ่งรถไฟวิ่งเข้าใกล้อินเทอลาเค่นมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเพิ่มความหนาวเย็น และสองข้างทางก็มีหิมะปกคลุมยอดเขามากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้เวลาทุ่มกว่าๆเห็นจะได้แต่ท้องฟ้าก็ยังสว่างจ้าด้วยแสงแดดเพราะที่นี่จะมืดราวๆ 2ทุ่ม แต่ผมก็ยังติดนิสัยเดิมๆจากเมืองไทยมาอยู่ดี ยังไม่ชินอีกเหรอเนี่ย?
แวะต่อรถไฟที่เมืองเบิร์น
ใกล้เข้าไปเรื่อยๆแล้วครับ
วิวสองข้างทาง
เรามาถึงเมืองสปีซแล้วน้าาาา
รถไฟก็ยังคงวิ่งไปเรื่อยๆ ตอนนี้มาจอดที่สถานีทูน(Thun) ซึ่งรถไฟจะแล่นเลียบทะเลสาบทูนไปเรื่อยๆ มารู้สึกตัวอีกทีรถไฟก็วิ่งเข้าเทียบชานชาลาเมือง “สปีซ” ซะแล้ว ผมรู้สึกจะชอบชื่อเมืองของที่นี่เป็นการส่วนตัวซะแล้วสิ
บนรถไฟตู้ที่ผมนั่งประกอบไปด้วยนักท่องเที่ยวหลายๆเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นชาวจีน ฝรั่งประเทศไหนผมไม่แน่ใจ และหนึ่งในนั้นผมก็พบกับ “นักท่องเที่ยวชาวไทย” ความรู้สึกในตอนนั้นก็รู้สึกอุ่นใจดีครับที่เจอคนไทยด้วยกัน
แต่จะให้ผมเข้าไปคุยอะไรกับเขาล่ะ ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพวกเขาหรอกเพราะพวกเขาก็มากันหลายๆคน คุยโน่นคุยนี่กันตลอดทาง แต่ผมเองก็ไม่ได้คุยภาษาไทยมาหลายวันแล้วด้วยเลยไม่ค่อยชินที่จะพูด 5555 อันนี้ออกจะเกินไป
จากการนั่งรถไฟมาเรื่อยๆตอนนี้เราก็เข้ามาใกล้จุดหมายปลายทางแล้วล่ะครับ “Interlaken West” ซึ่งจะเป็นสถานีเกือบสุดท้ายก่อนที่รถไฟจะวิ่งช้าๆเข้าเทียบชานชาลาที่ “Interlaken Ost”
โหหหหหห ฉันอยู่ในความฝันรึเปล่าเนี่ย!!!
สถานี Interlaken Ost
หลังจากก้าวลงจากขบวนรถผมก็โดนความหนาวเข้าประทะอย่างจัง เย็นยะเยือกกันเลยทีเดียวเพราะเมื่อเมื่อกี้มัวแต่นั่งอุ่นๆบนรถไฟ หลังจากลงจากรถไฟผมก็พบเจอกับคนไทยหลายกลุ่มเลยครับ นักท่องเที่ยวชาวไทยมาที่นี่กันเยอะทีเดียว
แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะตอนนี้ผมกำลังหาทางเดินไปที่พัก ผมเดินเข้าไปในร้านค้าข้างๆสถานีเพื่อถามเส้นทาง แต่ผมกลับโดนพนักงานในร้านทักทายมาก่อน “สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับครับ!!!” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่แกอย่างไว หน้าตาพี่แกไม่น่าจะเป็นคนไทย น่าจะประมาณจีนหรือไม่ก็เวียดนามไปโน่น เซอร์ไพรท์อีกแล้วนะ555
หลังจากสอบถามเส้นทางเสร็จก็ลองเดินวนหาที่พัก และแล้วก็มาถึงครับ “Interlaken Youth Hostel” ที่นี่คือที่พักของผมระหว่างที่ตะลอนในเมืองหิมะแถบนี้ ผมต่อคิวเข้าเช็คอิน บรรยากาศดีครับเพราะข้างหน้าผมก็เป็นคนไทย
ที่มากันเป็นครอบครัว ด้านหลังผมก็เป็นคนไทยที่มากันเป็นครอบครัว ในโซนล็อบบี้ของโฮสเตลก็ได้ยินเสียงคนคุยภาษาไทยแว่วมาเข้าหูผม “คนบ้านเราเยอะเนอะ” หลังจากเช็คอินเรียบร้อยก็แบกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นห้อง
ระหว่างทางเดินก็ได้ยินเสียงคนไทยคุยลอดประตูห้องที่เปิดแง้มๆไว้ออกมา 555 สวัสดีนะทุกคน ผมก็อยากไปสนทนาด้วยนะแต่มันคงไม่เหมาะหรอก ผมมาคนเดียว พวกพี่ๆป้าๆมากันเป็นครอบครัว พูดคุยหัวเราะกันสนุกสนาน
ทำเอาผมออกอาการเหงาๆขึ้นมาเลยทีเดียว อยากจะเดินหาเบียร์เย็นๆซัก2-3กระป๋องมานั่งดื่มประชดความรู้สึกตัวเองตอนนี้ชะมัด
วันนี้ผมนอนห้องรวมเช่นเคยครับ สไตล์แบ็คแพคเกอร์อย่างผม ผมหอบสังขาลมาถึงหน้าห้องพักแล้ว เอาคีย์การ์ดแตะเพื่อเปิดประตู
“อุ๊ย!ขอโทษค่ะๆ ห้องรกเลย พอดียังไม่ได้เก็บของอ่ะค่ะ พอดีพรุ่งนี้เช้าตรู่ก็จะเช็คเอาท์แล้วอ่ะค่ะ” ?!@#$%&^
เอ่อ! พี่แกทำผมสตั๊นไปซัก5วิเห็นจะได้ 5555 พี่!!!!พี่ทักทายผมเป็นภาษาไทยอีกแล้วนะ 5555 ผมก็ได้แต่ง่อยๆเอื่อยๆแล้วตอบพี่แกไปอย่างสุภาพ
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับพี่ ไม่มีปัญหาครับ”
พวกพี่แกมาเป็นครอบครัวครับ แต่ผมเห็นพี่แกคนเดียวนี่แหละแต่ของพี่แกเต็มห้องเลย ผมจัดแจงเก็บของไว้บนเตียง เก็บกระเป๋าไว้ในล็อคเกอร์แล้วเดินเอื่อยๆเหงาๆลงมาจากห้องพัก
“เฮ้อ!เหงาเป็นบ้าเลย หาเบียร์กินดีกว่าว่ะ” จากนั้นผมจึงเดินฝ่าอากาศเย็นๆออกจากโฮสเตลไปเรื่อยๆตามทางที่คิดว่าจะเป็นโซนร้านอาหาร โซนนั่งดื่ม
ระหว่างเดินไปเรื่อยๆผมก็พบกับคนไทยอีกหลายๆกลุ่ม ทั้งที่นั่งดื่มพูดคุยกันอย่างเมามัน บางกลุ่มก็เดินดูร้านขายนาฬิกาที่เรียงรายมากมายข้างทางเดิน ผมก็เดินเข้าไปดูนะเจ้านาฬิกาน่ะ
แต่ไม่อาจซื้อมันได้หรอกเพราะผมต้องเก็บเงินไว้เที่ยวต่อ เดินไปเรื่อยๆก็ถึงมินิมาร์ทเล็กๆอยู่อีกฝั่งของถนน ผมไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหยิบเบียร์เย็นๆจากตู้ออกมาและเดินกลับที่พักพร้อมจิบเบียร์เบาๆ เดินลอยๆตามอารมณ์มุ่งหน้ากลับที่พัก
มานั่งเอื่อยๆที่โต๊ะที่วางอยู่ด้านนอกของที่พัก
เส้นทางตามหาร้านขายเบียร์ 555
เฮ้ย เราว่าเรามาถูกทางแล้วล่ะ
ชอบป้ายนี้จัง ^^
เอ่อ!!!ผมเพ้อเรื่องของมึนเมาจนเกินพอดีแล้วมั้งเนี่ย พอแล้วๆ
พรุ่งนี้เช้าผมจะพาออกไปผจญภัยดินแดนหิมะนะครับ จะรีบกลับมาเขียนรีวิวให้อ่านกันนะ