อาหารแก้ท้องเสียเฉียบพลันและท้องเสียเรื้อรัง ช่วยปรับสมดุลลำไส้

อาการ “ท้องเสีย” เป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียน้ำและเกลือแร่ไปจำนวนมาก ส่งผลให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เวียนศีรษะ และในรายที่รุนแรงอาจเกิดภาวะช็อกได้ จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยต้องเข้าพบแพทย์ ทางการแพทย์แบ่งอาการท้องเสียออกเป็น 2 ชนิด คือ ท้องเสียชนิดเฉียบพลัน และ ท้องเสียชนิดเรื้อรัง ซึ่งมีแนวทางการดูแลด้านอาหารแตกต่างกัน

อาหารสำหรับท้องเสียชนิดเฉียบพลัน
     สิ่งสำคัญที่สุดเมื่อเกิดอาการท้องเสีย คือ การทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียไป โดยเฉพาะในท้องเสียชนิดเฉียบพลัน
ควรดื่มผงน้ำตาลเกลือแร่ (โออาร์เอส) ที่หาซื้อได้ทั่วไป ละลายน้ำต้มสุกตามสัดส่วนบนฉลาก  และจิบบ่อย ๆ ครั้งละประมาณครึ่งถึงหนึ่งแก้ว เพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียจากการถ่ายอุจจาระ ในกรณีไม่มีผงโออาร์เอสสำเร็จรูป สามารถเตรียมเองได้โดยใช้เกลือป่น 1 ช้อนชา และน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ผสมในน้ำต้มสุกประมาณ 750 ซีซี

     หลายคนเข้าใจผิดว่าควรงดอาหารและเครื่องดื่มทุกชนิดเพื่อให้หยุดถ่าย แต่ในความเป็นจริง ผู้ที่ท้องเสียไม่จำเป็นต้องอดอาหาร เพราะการไม่กินหรือไม่ดื่มน้ำเลยอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและเป็นอันตรายถึงชีวิต ควรเลือกกินอาหารอ่อน ย่อยง่าย เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม น้ำซุป โดยเน้นอาหารที่มีข้าวหรือแป้งเป็นหลัก
     สำหรับผู้ใหญ่ที่มีอาการท้องเสียเฉียบพลัน ควรงดผัก ผลไม้ น้ำผลไม้ และผลิตภัณฑ์นมชั่วคราว เนื่องจากอาจกระตุ้นให้ถ่ายมากขึ้น ส่วนเด็กเล็ก หากยังดื่มนมแม่สามารถให้ดื่มได้ตามปกติ แต่หากดื่มนมผสม ในช่วง 2–4 ชั่วโมงแรกควรผสมนมให้เจือจางลงครึ่งหนึ่ง แล้วจึงกลับสู่การผสมตามปกติเมื่ออาการดีขึ้น
     โดยทั่วไป หากเป็นท้องเสียเฉียบพลันที่ไม่รุนแรง การดื่มโออาร์เอสและรับประทานอาหารอ่อนจะช่วยให้อาการดีขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องพบแพทย์ และสามารถกลับมากินอาหารปกติได้หลังหยุดถ่ายแล้วประมาณ 1 วัน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการถ่ายบ่อยมาก ถ่ายปริมาณมาก มีไข้ ปวดท้องรุนแรง หรืออาเจียนร่วมด้วย ควรรีบพบแพทย์ทันที

อาหารสำหรับท้องเสียชนิดเรื้อรัง
     ในกรณีท้องเสียเรื้อรัง โดยเฉพาะที่มีสาเหตุจากภาวะ “ธาตุอ่อน” ควรเริ่มจากการสังเกตว่าอาหารชนิดใดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการถ่าย แล้วพยายามหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น หากความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญ ควรฝึกผ่อนคลายความเครียดและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
อาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการท้องเสียแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ดังนั้นการสังเกตอาการของตนเองจึงมีความสำคัญ การงดอาหารควรทำเฉพาะชนิดที่พบว่ามีความสัมพันธ์กับอาการจริง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลายอย่างเพียงพอ
     การรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวกล้อง และธัญพืชต่าง ๆ สามารถช่วยให้อาการถ่ายท้องในผู้ที่มีปัญหาธาตุอ่อนหรือมีลำไส้อักเสบดีขึ้น ใยอาหารช่วยปรับการเคลื่อนไหวของลำไส้ให้เป็นปกติ เพิ่มเนื้ออุจจาระ และลดแรงดันในลำไส้ใหญ่ ควรรับประทานใยอาหารในช่วงที่ร่างกายปกติด้วย เพื่อเสริมสุขภาพในระยะยาว
คำแนะนำสำหรับคนทั่วไป คือ ควรได้รับใยอาหารประมาณ 20–35 กรัมต่อวัน หรือเทียบเท่ากับการกินผักวันละ 4–6 ทัพพี และผลไม้หลากหลายประมาณ 3–5 ถ้วยตวงต่อวัน

     นอกจากนี้ ผู้ที่มีอาการท้องเสียเรื้อรังควรเลือกอาหารไขมันต่ำ เพราะไขมันจะกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ถ่ายบ่อยขึ้น จึงควรหลีกเลี่ยงอาหารทอด ผัดน้ำมันมาก และเนื้อสัตว์ติดมัน
     ในกรณีท้องเสียจากการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้แบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ลดลง การรับประทานอาหารที่มีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ เช่น แล็กโตบาซิลลัส และไบฟิโดแบคทีเรีย จะช่วยฟื้นสมดุลลำไส้ได้ โดยพบในโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวบางชนิด อย่างไรก็ตาม ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเชื้อจุลินทรีย์มีชีวิต และหลีกเลี่ยงนมเปรี้ยวชนิด UHT ที่ผ่านความร้อนสูงจนเชื้อถูกทำลาย

พฤติกรรมการกินที่ช่วยลดอาการท้องเสีย
     ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารในปริมาณมากต่อมื้อ เพราะจะเพิ่มแรงดันในช่องท้องและกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร แนะนำให้กินอาหารมื้อละน้อย แต่กินบ่อย เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ไม่กินเร็วเกินไป และดื่มน้ำให้เพียงพอวันละประมาณ 8–10 แก้ว เพื่อช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี

ขอบคุณข้อมูลจาก : สสส.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่