ฝรั่งเศสกำลังวิกฤตเศรษฐกิจ เกิดจากอะไร ประเทศไทยจะเป็นเหมือนกันไหม

สาเหตุ หลักๆเลยก็คือ การเป็นรัฐสวัสดิการ และการที่เป็นสังคมผู้สูงอายุ

การที่ประเทศมหาอำนาจอย่างฝรั่งเศสต้องมาตกอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจง่อนแง่นเช่นนี้ ไม่ได้เกิดจากความซวยเพียงชั่วข้ามคืนครับ แต่เป็นผลพวงจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่สะสมมานานหลายทศวรรษ โดยมีสาเหตุหลักดังนี้:



1. ฝรั่งเศสเป็นประเทศที่มีระบบสวัสดิการดีอันดับต้นๆ ของโลก แต่ต้องแลกมาด้วยค่าใช้จ่ายมหาศาล
รายจ่ายภาครัฐ: ฝรั่งเศสมีสัดส่วนรายจ่ายภาครัฐต่อ GDP สูงเกือบ 58% (สูงที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว หรือ OECD)
ปัญหา: รัฐบาลพยายามดูแลประชาชนตั้งแต่เกิดจนตาย ทั้งระบบสาธารณสุข การศึกษา และเงินบำนาญ แต่เมื่อสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุมากขึ้น รายจ่ายเหล่านี้ก็พุ่งสูงขึ้นจนรายได้ภาษีไล่ตามไม่ทัน

2. วิกฤตซ้อนวิกฤต (โควิด-19 และ พลังงาน)
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฝรั่งเศสเจอ "หมัดฮุก" ติดต่อกัน:
COVID-19: รัฐบาลมาครงใช้จ่ายเงินมหาศาลภายใต้นโยบาย "ไม่ว่าจะต้องจ่ายเท่าไหร่" (Whatever it costs) เพื่อพยุงธุรกิจและจ้างงานในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้หนี้สาธารณะพุ่งพรวด
สงครามรัสเซีย-ยูเครน: ส่งผลให้ราคาพลังงานและเงินเฟ้อพุ่งสูง รัฐบาลต้องควักเงินอุดหนุนค่าไฟและค่าน้ำมันเพื่อลดผลกระทบให้ประชาชน (Shield Mechanism) ซึ่งเป็นการเพิ่มหนี้โดยตรง

3. การทำงบประมาณขาดดุล "จนเป็นนิสัย"
ฝรั่งเศสไม่ได้ทำงบประมาณแบบสมดุล (รายรับเท่ากับรายจ่าย) มานานกว่า 50 ปีแล้ว
รัฐบาลทุกชุดเลือกที่จะ "กู้เงิน" มาเพื่อเลี่ยงการตัดงบประมาณสวัสดิการ เพราะกลัวการประท้วงใหญ่
เมื่อกู้สะสมมาเรื่อยๆ จนดอกเบี้ยในตลาดโลกเริ่มขาขึ้น (จากนโยบายธนาคารกลาง) ภาระดอกเบี้ยจึงกลายเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ที่กัดกินเงินภาษีประชาชน

4. ตลาดแรงงานที่ไม่ยืดหยุ่นและ Productivity ต่ำลง
ฝรั่งเศสมีกฎหมายแรงงานที่เข้มงวดมาก (เช่น การทำงาน 35 ชั่วโมงต่อสัปดาห์) และการเลิกจ้างทำได้ยาก
แม้จะดูดีต่อลูกจ้าง แต่ทำให้บริษัทต่างชาติไม่ค่อยอยากมาลงทุน และบริษัทในประเทศก็ไม่กล้าจ้างงานเพิ่ม ส่งผลให้เศรษฐกิจโตช้า (Low Growth) เมื่อเศรษฐกิจไม่โต รัฐบาลก็เก็บภาษีได้ไม่เพิ่มขึ้น

5. ความพยายามปฏิรูปที่เผชิญกับการต่อต้าน (The Protest Culture)
ทุกครั้งที่ประธานาธิบดีพยายามแก้ปัญหา เช่น การขยายอายุเกษียณจาก 62 เป็น 64 ปี เพื่อลดภาระงบประมาณบำนาญ:
ประชาชนจะออกมาประท้วงหยุดงาน (Strike) อย่างรุนแรงจนเมืองอัมพาต
แรงกดดันทางการเมืองทำให้การปฏิรูปทำได้ครึ่งๆ กลางๆ ปัญหาจึงไม่ถูกแก้ที่ต้นตอ และคาราคาซังมาจนถึงจุดวิกฤตในปัจจุบัน

6. ทางตันทางการเมือง (Political Gridlock)
หลังการเลือกตั้งครั้งล่าสุด สภาฝรั่งเศสแตกเป็นสามฝ่าย (ซ้ายกลาง, กลาง, ขวาจัด) ทำให้ไม่มีใครมีเสียงข้างมากเด็ดขาด
เมื่อรัฐบาลจะผ่านกฎหมายลดรายจ่ายหรือขึ้นภาษี ก็จะถูกฝ่ายค้านขู่โหวตโนจนรัฐบาลอาจล้มได้
ความไร้เสถียรภาพนี้คือนักฆ่าความเชื่อมั่น นักลงทุนจึงมองว่าฝรั่งเศสไม่มีทางออกในการจัดการหนี้


สรุปสั้นๆ: ฝรั่งเศสกำลังจ่ายบทเรียนราคาแพงจากการ "ใจดีเกินไปในอดีต" และการ "ผัดวันประกันพรุ่งในการปฏิรูป" จนในวันที่ดอกเบี้ยโลกขาขึ้นและเศรษฐกิจชะลอตัว พวกเขาจึงแทบไม่เหลือทางเลือกที่เจ็บตัวน้อยเลยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่