สวนดุสิตโพลเผย ‘พรรคประชาชน’ นำลิ่ว ส่วนชิงนายกฯ ‘ยศชนัน’ ไล่จี้ ‘ณัฐพงษ์’
https://www.dailynews.co.th/news/5426711/
.

.
สวนดุสิตโพล เผย ถ้ามีเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69 ผลสำรวจชี้ "พรรคประชาชน" ยังครองแชมป์ความนิยม ทั้ง พรรคและตัวบุคคล ขณะ "เพื่อไทย" ส่งสัญญาณบวกหลังรีแบรนด์ ดึง "ยศชนัน" ขึ้นแท่นแคนดิเดตนายกฯ ไล่บี้ "ณัฐพงษ์" ระยะประชิด
.
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ. 2569” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,232 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 16-19 ธันวาคม 2568 พบว่าถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 กลุ่มตัวอย่างจะเลือกพรรคประชาชน ร้อยละ 24.55 รองลงมา คือ เพื่อไทย ร้อยละ 21.62 ภูมิใจไทย ร้อยละ 17.74 และเลือก สส.เขตสังกัดพรรคประชาชน ร้อยละ 23.48 รองลงมาคือ เพื่อไทย ร้อยละ 21.53 และภูมิใจไทย ร้อยละ 16.04 ทั้งนี้บุคคลที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คือ
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (ปชน.) ร้อยละ 23.97
ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พท.) ร้อยละ 21.95
อนุทิน ชาญวีรกูล (ภท.) ร้อยละ 16.25
.
ดร.
พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า พรรคประชาชนยังนำทั้งในระดับพรรคและตัวบุคคล ขณะที่เพื่อไทยการยกเครื่องอาจยังไม่เห็นผลชัดแต่การรีแบรนด์ผ่านตัวบุคคลที่มาพร้อมความสดใหม่ทำให้ดึงคะแนนกลับมาได้ ด้านภูมิใจไทยแม้แนวโน้มคะแนนลดลง แต่ช่องว่างยังไม่มากและมีโอกาสพลิกเกม เมื่อฝ่ายหนึ่งมีความเชื่อมั่นเป็นฐาน อีกฝ่าย
.
มีความสดใหม่เป็นแรงส่ง และอีกฝ่ายมีความได้เปรียบทรัพยากร การช่วงชิงจังหวะจากนี้จึงเป็นการบ้านที่ทุกพรรคเร่งทำ เพื่อส่งประชาชนให้ทันวันเลือกตั้ง
.
ผศ.
อัญชลี รัตนะ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า แนวโน้มการตัดสินใจของประชาชนไทยต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ถูกหล่อหลอมด้วยความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความต้องการการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง และความต้องการความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่จับต้อง ได้จริง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2568 ทั้งความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านและภัยธรรมชาติ เมื่อแยกเป็นประเด็นย่อยต่อการตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง พบว่า ประชาชนให้น้ำหนักกับอุดมการณ์ที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยและการเสนอทางออกใหม่ ๆ ให้กับประเทศ
.
ขณะที่การเลือก สส. แบบแบ่งเขตยังเป็นพื้นที่ของการพึ่งพาและความไว้วางใจในตัวบุคคล ผู้สมัครที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นที่พึ่งพาในยามวิกฤตหรือมีการดูแลพื้นที่อย่างต่อเนื่องมักจะได้รับความนิยมสูงกว่ากระแสพรรคเพียงอย่างเดียว ส่วนการเลือกผู้นำประเทศประชาชนยังคงมองหาบุคคลที่มีส่วนผสมของความรอบรู้เท่าทันโลกยุคดิจิทัลและมีความสามารถในการบริหารจัดการปัญหาปากท้องและหนี้ครัวเรือนอย่างเบ็ดเสร็จ
.
.
นิด้าโพลเผย คนกรุงกว่า 47% ยังไม่เห็นใครเหมาะนั่งนายกฯ ขณะที่ ‘ณัฐพงษ์’ คะแนนนำคู่แข่ง
https://www.matichon.co.th/politics/election69/news/news_5515135
.
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “
กระแสการเมือง กรุงเทพมหานคร” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับกระแสการเมือง กรุงเทพมหานคร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 47.25 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 16.95 ระบุว่าเป็น นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 3 ร้อยละ 10.90 ระบุว่าเป็น นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 4 ร้อยละ 9.00 ระบุว่าเป็น นาย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 5 ร้อยละ 2.75 ระบุว่าเป็น พลเอก
รังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ) อันดับ 6 ร้อยละ 2.25 ระบุว่าเป็น นาย
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 2.15 ระบุว่าเป็น คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 8 ร้อยละ 1.65 ระบุว่าเป็น นางสาว
ศิริกัญญา ตันสกุล (พรรคประชาชน) อันดับ 9 ร้อยละ 1.35 ระบุว่าเป็น นาย
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 10 ร้อยละ 1.30 ระบุว่าเป็น นาย
ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 11 ร้อยละ 1.20 ระบุว่าเป็น ดร.
สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคไทยก้าวใหม่) ร้อยละ 3.05 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นาง
ศุภจี สุธรรมพันธุ์ นายแพทย์
วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นาย
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคเพื่อไทย) นาย
วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร (พรรคประชาชน) พลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นาย
จตุพร บุรุษพัฒน์ (พรรคโอกาสใหม่) นาย
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ (พรรครักชาติ) นาย
วันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นาย
อานันท์ ปันยารชุน และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No) และร้อยละ 0.20 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 40.20 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 26.25 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 10.05 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 4 ร้อยละ 9.55 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 6.85 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 6 ร้อยละ 1.95 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคเศรษฐกิจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 7 ร้อยละ 1.20 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 1.90 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคไทยภักดี พรรคพลังประชารัฐ พรรคกล้าธรรม พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรครักชาติ พรรคโอกาสใหม่ และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No) และร้อยละ 0.10 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 19.55 มีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในกลุ่มพื้นที่กรุงเทพเหนือ ร้อยละ 10.90 กลุ่มพื้นที่กรุงเทพกลาง ร้อยละ 24.55 กลุ่มพื้นที่กรุงเทพตะวันออก ร้อยละ 13.70 กลุ่มพื้นที่กรุงเทพใต้ ร้อยละ 13.75 กลุ่มพื้นที่กรุงธนเหนือ และร้อยละ 17.55 กลุ่มพื้นที่กรุงธนใต้ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 45.55 เป็นเพศชาย และร้อยละ 54.45 เป็นเพศหญิง
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 10.60 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 16.60 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 17.70 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 25.10 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 30.00 อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตัวอย่าง ร้อยละ 93.25 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 5.15 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 1.60 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 41.35 สถานภาพโสด ร้อยละ 55.60 สมรส และร้อยละ 3.05 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 0.25 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 10.95 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 25.10 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 7.00 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 44.65 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 12.05 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 6.95 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 28.80 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 26.90 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 0.20 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 7.20 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 24.85 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.10 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 23.45 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 0.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 3.95 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 27.80 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 15.20 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 8.35 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 5.50 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 3.40 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 1.00 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 1.85 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.60 ไม่ระบุรายได้.
.
.
เซเลนสกีจี้สหรัฐกดดันรัสเซียอีก ชี้ปูตินยังไม่รู้สึกถึงแรงบีบให้ยุติสงคราม
https://www.dailynews.co.th/news/5426682/
.
ผู้นำยูเครนเรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตันแสดงท่าทีชัดเจน หากการทูตไม่คืบหน้าต้องใช้แรงกดดันอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่การหารือระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย ที่เมืองไมอามียังไร้สัญญาณความคืบหน้า
.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ว่าประธานาธิบดี
โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยังไม่รับรู้ถึงแรงกดดัน “
ในระดับที่ควรจะเป็น” เพื่อการยุติสงครามในยูเครน และขอเรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตันแสดงออกอย่างชัดเจนกว่านี้ ว่าหากไม่ต้องการดำเนินการทางการทูต “
ต้องมีการกดดันอย่างเต็มรูปแบบ”
.
ทั้งนี้
เซเลนสกีเน้นย้ำถึง “
ความจำเป็น” ในการขยายมาตรการคว่ำบาตรให้ครอบคลุมเศรษฐกิจรัสเซียทั้งหมด และขอให้พันธมิตรตะวันตกเพิ่มการจัดหาอาวุธให้แก่ยูเครน
.
ท่าทีดังกล่าวของ
เซเลนสกีเกิดขึ้น ในเวลาเดียวกับที่ นาย
คีริลล์ ดมิทรีเยฟ ผู้แทนพิเศษของรัสเซีย นำคณะเดินทางมายังเมืองไมอามี ในรัฐฟลอริดา เพื่อพบหารือกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ นำโดยนาย
สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของทำเนียบขาว และนาย
จาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
.
ดมิทรีเยฟกล่าวเพียงว่า “
การหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์” แต่จะมีการพูดคุยกันต่อ โดยจนถึงตอนนี้ รัฐบาลทรัมป์พยายามผลักดันแผนสันติภาพ ซึ่งสหรัฐเสนอหลักประกันด้านความมั่นคงให้แก่ยูเครน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเคียฟอาจต้องยอมสละดินแดนบางส่วน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ยูเครนไม่เห็นด้วย
.
อย่างไรก็ดี นาย
มาร์โก รูบิโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า จะไม่บังคับให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงใดก็ตาม โดยกล่าวว่า “
จะไม่มีข้อตกลงสันติภาพใดเกิดขึ้น หากยูเครนไม่เห็นชอบ”
.
นอกจากนี้ มีรายงานเกี่ยวกับความพยายามผลักดันให้เกิดการเจรจาไตรภาคี ระหว่างสหรัฐ รัสเซีย และยูเครน โดยอาจขยายเป็นแบบจตุภาคี ที่จะเปิดโอกาสให้ยุโรปส่งผู้แทนเข้าร่วม แต่หลายฝ่ายมองว่า มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ที่รัฐบาลมอสโกจะร่วมการหารือในรูปแบบนี้.
.
เครดิตภาพ : AFP.
.
https://twitter.com/SCMPNews/status/2002481696302903344
JJNY : เผย ‘พรรคปชน.’นำลิ่ว│คนกรุงกว่า47% ยังไม่เห็นใครเหมาะ│เซเลนสกีจี้สหรัฐกดดันรัสเซีย│เตือน 3 จว.ใต้เจอฝน เหนือระวัง
https://www.dailynews.co.th/news/5426711/
.
.
สวนดุสิตโพล เผย ถ้ามีเลือกตั้ง 8 ก.พ. 69 ผลสำรวจชี้ "พรรคประชาชน" ยังครองแชมป์ความนิยม ทั้ง พรรคและตัวบุคคล ขณะ "เพื่อไทย" ส่งสัญญาณบวกหลังรีแบรนด์ ดึง "ยศชนัน" ขึ้นแท่นแคนดิเดตนายกฯ ไล่บี้ "ณัฐพงษ์" ระยะประชิด
.
เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ. 2569” กลุ่มตัวอย่างจำนวน 2,232 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 16-19 ธันวาคม 2568 พบว่าถ้ามีการเลือกตั้งในวันที่ 8 ก.พ.2569 กลุ่มตัวอย่างจะเลือกพรรคประชาชน ร้อยละ 24.55 รองลงมา คือ เพื่อไทย ร้อยละ 21.62 ภูมิใจไทย ร้อยละ 17.74 และเลือก สส.เขตสังกัดพรรคประชาชน ร้อยละ 23.48 รองลงมาคือ เพื่อไทย ร้อยละ 21.53 และภูมิใจไทย ร้อยละ 16.04 ทั้งนี้บุคคลที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (ปชน.) ร้อยละ 23.97 ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พท.) ร้อยละ 21.95 อนุทิน ชาญวีรกูล (ภท.) ร้อยละ 16.25
.
ดร.พรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า พรรคประชาชนยังนำทั้งในระดับพรรคและตัวบุคคล ขณะที่เพื่อไทยการยกเครื่องอาจยังไม่เห็นผลชัดแต่การรีแบรนด์ผ่านตัวบุคคลที่มาพร้อมความสดใหม่ทำให้ดึงคะแนนกลับมาได้ ด้านภูมิใจไทยแม้แนวโน้มคะแนนลดลง แต่ช่องว่างยังไม่มากและมีโอกาสพลิกเกม เมื่อฝ่ายหนึ่งมีความเชื่อมั่นเป็นฐาน อีกฝ่าย
.
มีความสดใหม่เป็นแรงส่ง และอีกฝ่ายมีความได้เปรียบทรัพยากร การช่วงชิงจังหวะจากนี้จึงเป็นการบ้านที่ทุกพรรคเร่งทำ เพื่อส่งประชาชนให้ทันวันเลือกตั้ง
.
ผศ.อัญชลี รัตนะ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต วิเคราะห์ว่า แนวโน้มการตัดสินใจของประชาชนไทยต่อการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 ถูกหล่อหลอมด้วยความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความต้องการการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง และความต้องการความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินที่จับต้อง ได้จริง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2568 ทั้งความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านและภัยธรรมชาติ เมื่อแยกเป็นประเด็นย่อยต่อการตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง พบว่า ประชาชนให้น้ำหนักกับอุดมการณ์ที่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยและการเสนอทางออกใหม่ ๆ ให้กับประเทศ
.
ขณะที่การเลือก สส. แบบแบ่งเขตยังเป็นพื้นที่ของการพึ่งพาและความไว้วางใจในตัวบุคคล ผู้สมัครที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการเป็นที่พึ่งพาในยามวิกฤตหรือมีการดูแลพื้นที่อย่างต่อเนื่องมักจะได้รับความนิยมสูงกว่ากระแสพรรคเพียงอย่างเดียว ส่วนการเลือกผู้นำประเทศประชาชนยังคงมองหาบุคคลที่มีส่วนผสมของความรอบรู้เท่าทันโลกยุคดิจิทัลและมีความสามารถในการบริหารจัดการปัญหาปากท้องและหนี้ครัวเรือนอย่างเบ็ดเสร็จ
.
.
นิด้าโพลเผย คนกรุงกว่า 47% ยังไม่เห็นใครเหมาะนั่งนายกฯ ขณะที่ ‘ณัฐพงษ์’ คะแนนนำคู่แข่ง
https://www.matichon.co.th/politics/election69/news/news_5515135
.
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง กรุงเทพมหานคร” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-18 ธันวาคม 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในกรุงเทพมหานคร ครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 50 เขต กระจายทุกระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ รวมจำนวนทั้งสิ้น 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับกระแสการเมือง กรุงเทพมหานคร การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 47.25 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 16.95 ระบุว่าเป็น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (พรรคประชาชน) อันดับ 3 ร้อยละ 10.90 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) อันดับ 4 ร้อยละ 9.00 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (พรรคประชาธิปัตย์) อันดับ 5 ร้อยละ 2.75 ระบุว่าเป็น พลเอกรังษี กิติญาณทรัพย์ (พรรคเศรษฐกิจ) อันดับ 6 ร้อยละ 2.25 ระบุว่าเป็น นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 7 ร้อยละ 2.15 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคไทยสร้างไทย) อันดับ 8 ร้อยละ 1.65 ระบุว่าเป็น นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล (พรรคประชาชน) อันดับ 9 ร้อยละ 1.35 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) อันดับ 10 ร้อยละ 1.30 ระบุว่าเป็น นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (พรรคเพื่อไทย) อันดับ 11 ร้อยละ 1.20 ระบุว่าเป็น ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ (พรรคไทยก้าวใหม่) ร้อยละ 3.05 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคเพื่อไทย) นายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร (พรรคประชาชน) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ (พรรคโอกาสใหม่) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ (พรรครักชาติ) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายอานันท์ ปันยารชุน และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No) และร้อยละ 0.20 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่คนกรุงเทพมหานครจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 40.20 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 26.25 ระบุว่าเป็น พรรคประชาชน อันดับ 3 ร้อยละ 10.05 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 4 ร้อยละ 9.55 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 5 ร้อยละ 6.85 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 6 ร้อยละ 1.95 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคเศรษฐกิจ ในสัดส่วนที่เท่ากัน อันดับ 7 ร้อยละ 1.20 ระบุว่าเป็น พรรคไทยสร้างไทย ร้อยละ 1.90 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พรรคไทยก้าวใหม่ พรรคไทยภักดี พรรคพลังประชารัฐ พรรคกล้าธรรม พรรคชาติพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรครักชาติ พรรคโอกาสใหม่ และไม่ประสงค์ลงคะแนน (Vote No) และร้อยละ 0.10 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 19.55 มีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านอยู่ในกลุ่มพื้นที่กรุงเทพเหนือ ร้อยละ 10.90 กลุ่มพื้นที่กรุงเทพกลาง ร้อยละ 24.55 กลุ่มพื้นที่กรุงเทพตะวันออก ร้อยละ 13.70 กลุ่มพื้นที่กรุงเทพใต้ ร้อยละ 13.75 กลุ่มพื้นที่กรุงธนเหนือ และร้อยละ 17.55 กลุ่มพื้นที่กรุงธนใต้ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 45.55 เป็นเพศชาย และร้อยละ 54.45 เป็นเพศหญิง
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 10.60 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 16.60 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 17.70 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 25.10 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 30.00 อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตัวอย่าง ร้อยละ 93.25 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 5.15 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 1.60 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 41.35 สถานภาพโสด ร้อยละ 55.60 สมรส และร้อยละ 3.05 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 0.25 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 10.95 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 25.10 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 7.00 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 44.65 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 12.05 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 6.95 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 28.80 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 26.90 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 0.20 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 7.20 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 24.85 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.10 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 23.45 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 0.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 3.95 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 27.80 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 15.20 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 8.35 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 5.50 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 3.40 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 1.00 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท ร้อยละ 0.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ร้อยละ 1.85 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.60 ไม่ระบุรายได้.
.
.
เซเลนสกีจี้สหรัฐกดดันรัสเซียอีก ชี้ปูตินยังไม่รู้สึกถึงแรงบีบให้ยุติสงคราม
https://www.dailynews.co.th/news/5426682/
.
ผู้นำยูเครนเรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตันแสดงท่าทีชัดเจน หากการทูตไม่คืบหน้าต้องใช้แรงกดดันอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่การหารือระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย ที่เมืองไมอามียังไร้สัญญาณความคืบหน้า
.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ว่าประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยังไม่รับรู้ถึงแรงกดดัน “ในระดับที่ควรจะเป็น” เพื่อการยุติสงครามในยูเครน และขอเรียกร้องให้รัฐบาลวอชิงตันแสดงออกอย่างชัดเจนกว่านี้ ว่าหากไม่ต้องการดำเนินการทางการทูต “ต้องมีการกดดันอย่างเต็มรูปแบบ”
.
ทั้งนี้ เซเลนสกีเน้นย้ำถึง “ความจำเป็น” ในการขยายมาตรการคว่ำบาตรให้ครอบคลุมเศรษฐกิจรัสเซียทั้งหมด และขอให้พันธมิตรตะวันตกเพิ่มการจัดหาอาวุธให้แก่ยูเครน
.
ท่าทีดังกล่าวของเซเลนสกีเกิดขึ้น ในเวลาเดียวกับที่ นายคีริลล์ ดมิทรีเยฟ ผู้แทนพิเศษของรัสเซีย นำคณะเดินทางมายังเมืองไมอามี ในรัฐฟลอริดา เพื่อพบหารือกับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ นำโดยนายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของทำเนียบขาว และนายจาเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ
.
ดมิทรีเยฟกล่าวเพียงว่า “การหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์” แต่จะมีการพูดคุยกันต่อ โดยจนถึงตอนนี้ รัฐบาลทรัมป์พยายามผลักดันแผนสันติภาพ ซึ่งสหรัฐเสนอหลักประกันด้านความมั่นคงให้แก่ยูเครน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเคียฟอาจต้องยอมสละดินแดนบางส่วน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ยูเครนไม่เห็นด้วย
.
อย่างไรก็ดี นายมาร์โก รูบิโอ รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า จะไม่บังคับให้ยูเครนยอมรับข้อตกลงใดก็ตาม โดยกล่าวว่า “จะไม่มีข้อตกลงสันติภาพใดเกิดขึ้น หากยูเครนไม่เห็นชอบ”
.
นอกจากนี้ มีรายงานเกี่ยวกับความพยายามผลักดันให้เกิดการเจรจาไตรภาคี ระหว่างสหรัฐ รัสเซีย และยูเครน โดยอาจขยายเป็นแบบจตุภาคี ที่จะเปิดโอกาสให้ยุโรปส่งผู้แทนเข้าร่วม แต่หลายฝ่ายมองว่า มีความเป็นไปได้ต่ำมาก ที่รัฐบาลมอสโกจะร่วมการหารือในรูปแบบนี้.
.
เครดิตภาพ : AFP.
.
https://twitter.com/SCMPNews/status/2002481696302903344