KEY POINTS
SIRI อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 10.87%
SC อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.70%
NOBLE อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.67%
SPALI อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.53%
LH อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.42%
QH อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.27%
AP อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.94%
LPN อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.63%
SENA อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 6.58%
PSH อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 5.77%
ช่วงนี้หุ้นปันผลสูง ได้รับความนิยมจากนักลงทุนอย่างมาก ซึ่งนอกจากกลุ่มธนาคารที่โดดเด่นแลัว ยังกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (Property)ที่ขึ้นชื่อเรื่องอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield)สูงและต่อเนื่อง ซึ้งหลายหลักทรพย์มีอัตราปันผลสูงกว่า 7-10% ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากหรือพันธบัตรพอสมควร นอกจากนี้ยังเป็นอีกหนึ่งกลุ่ม ที่ได้รับประโยชน์โดยตรงเมื่อทิศทาง "ดอกเบี้ยขาลง" มาถึงเพราะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท และกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ตัดสินใจกู้ซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น กรุงเทพธุรกิจ พาไปสำรวจหุ้น อสังหา รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง ปันผลสูงสุดตั้งแต่ต้นปีเกิน 10%
1.บริษัท
แสนสิริ จำกัด (มหาชน) SIRI
อุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่
อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 10.87%
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.82 / 1.11 บาท
ราคาย้อนหลัง 5 วัน +4.58%
ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -23.89%
กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 3,029 ล้านบาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ในไตรมาส 4/68 บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 7 โครงการมูลค่ารวมกว่า 18,360 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 5 โครงการ และแนวสูง 2 โครงการโดยเราคาดว่าจะช่วยเพิ่มยอด Presales นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนส่งมอบโครงการแนวสูงที่สร้างใหม่ทั้งหมด 5 โครงการโดยมียอด Presales เฉลี่ยที่ 40-50% ในขณะที่ Backlog ตั้งแต่ 2568-2571 อยู่ที่ประมาณ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดรอรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/68 ราว 5,000 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนจากโครงการแนวสูงที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้ดีขึ้น
ทั้งนี้ คาดว่าในไตรมาส 4/68 จะมีการเร่งการส่งมอบเข้ามามากขึ้น เราจึงคงประมาณการปี 2568 และปี 2569 โดยคาดกำไรปกติที่ 4,112 ล้านบาท -16% YoY และ 4,310 ล้านบาท +5% YoY ตามลำดับเราคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 ที่ 1.52 บาท Upside Gain ราว 14.3% และคาดการณ์เงินปันผลครึ่งปีหลังของปี 2568 ที่ 0.06 บาท/หุ้นคิดเป็น Dividend Yield ที่ราว 4.3% คงคำแนะนำ “TRADING”
ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 9.70%
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 2.84 / 1.40 บาท
ราคาย้อนหลัง 5 วัน +5.77%
ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -35.55%
กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 921 ล้านบาท
บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า คาดการณ์กำไรปี 2569 ที่ 1,631 ล้านบาท +21.1%y-y เติบโตขึ้นจากคอนโด 2 แห่ง COBE Ratchada-Rama 9 และ COBE Kaset-Sripatum ครบกำหนดโอนเข้ามาเพิ่ม และ Engine2 ปัจจุบันมีโรงแรม 3 แห่ง จำนวน 545 ห้อง และคลังสินค้าพื้นที่รวม 1.4 แสนตรม. เริ่มดำเนินการได้เต็มปี 2569 ช่วยให้มีส่วนแบ่งขาดทุนลดลง
ส่วนธุรกิจอสังหาฯปีหน้าคาดว่า มีการเปิดโครงการลดลง เน้นไปยังการลดระดับสต๊อกและปรับปรุงสินค้าให้มีความกระชับมากยิ่งขึ้น คาดว่าการปรับ Product จะเป็นจุดเปลี่ยนทำให้ GPM กลับมาสูงขึ้น น่าจะเริ่มเห็นสินค้าใหม่ออกมาในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2569 และจะเป็นปีที่เริ่มกลับมาสะสมที่ดินเพิ่มมากขึ้น อาจเห็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ (Engine3) ที่มีศักยภาพในปีหน้าเช่น Property service, Future living เป็นต้น
สำหรับแผน 5 ปีตั้งเป้าเติบโตกำไรมากกว่า 3.0 พันล้านบาท +17% CAGR ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าอสังหาฯ กว้างขึ้นใน segment ระดับราคาสูงที่มีอยู่เดิม ขยายส่วนของทาวน์โฮม, คอนโด (JV) และไปในจังหวัดท่องเที่ยวมากขึ้นเสริมด้วยการเติบโตในส่วนของ Engine2 โดย ตั้งเป้าโรงแรม 2,000 ห้อง, คลังสินค้า 6.0-7.0 แสนตรม. จะเข้ามามีสัดส่วนราว 30% ของกำไรเมื่อดีมานด์และซัพพลายอสังหาฯเริ่มกลับมาสมดุล ซึ่งอาจต้องใช้เวลา 2-3ปี SC จะกลายเป็นบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ที่มีความได้เปรียบจากการกระจายในหลายธุรกิจและเป้าหมายการลดระดับหนี้ลง จะช่วยให้ธุรกิจแข็งแกร่งขึ้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุนในระยะยาว ราคาพื้นฐานที่ 2.13 บาท แนะนำซื้อ
ธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม
อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.67%
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 2.84 / 1.60 บาท
ราคาย้อนหลัง 5 วัน +0.93%
ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -19.26%
กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 715 ล้านบาท
ธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท
โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 4/2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เข้าสู่ช่วงขาลง รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ฟื้นตัวหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ขณะเดียวกัน การเข้าซื้อหุ้นใน STECON จะช่วยให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการขายเงินลงทุนเข้ามาในงบไตรมาส 3/2568 ส่งผลให้ฐานะทางการเงินแข็งแกร่งขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนจะปรับลดลงอย่างชัดเจน สอดรับกับกลยุทธ์ Asset Light ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารเงินทุน และเปิดโอกาสในการนำเงินไปต่อยอดลงทุนในโครงการใหม่ในอนาคต
4.บริษัท
ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) SPALI
ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ
อัตราเงินปันผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปีอยู่ที่ 8.53%
ราคาสูงสุด/ต่ำสุดในรอบ 1 ปีที่ 18.70 / 13.20 บาท
ราคาย้อนหลัง 5 วัน +2.92%
ราคาย้อนหลังตั้งแต่ต้นปี -3.30%
กำไรรอบ 9 เดือนปี 2568 ที่ 2,677 ล้านบาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ไตรมาส 4/68 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 14,160 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 5 โครงการมูลค่ารวม 8,440 ล้านบาท และแนวสูงอีก 3 โครงการมูลค่ารวม 5,720 ล้านบาท เราคาดจะเป็นปัจจัยหนุนยอด Presales ให้สามารถเติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoY ในขณะที่ยอดโอนเราคาดทรงตัว QoQ เนื่องจากมีเพียงการระบายสต็อกเก่า โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทมี Backlog รอรับรู้รายได้ราว 14,205 ล้านบาท
ทั้งนี้คงประมาณการกำไรปี 2568 และปี 2569 ไว้ที่ 4,512 ล้านบาท (-27.1% YoY) และ 5,149 ล้านบาท (+14.1% YoY) ตามลำดับและประเมินราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2569 ที่ 17.10 บาท Upside Gain ราว 7.5% อิง PER 6.5 เท่า (เทียบเท่า +0.5 SD บนค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี)และคาดการณ์เงินปันผลครึ่งปีหลังของปี 2568 ที่ 0.40 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่ 2.5% เราคาดเห็นการฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ แบบค่อยเป็นค่อยไป จึงคงคำแนะนำ “TRADING”
5.บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) LH
10 หุ้นปันผลสูงสายอสังหาฯ ที่สุดแห่งปี 68 อานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง เปย์หนักสุดทะลุเกิน 10%