สายมัทฉะเลิฟเวอร์มาทางนี้เลยค่าา 💚 รู้หรือไม่คะว่า ‘มัทฉะ’ (Matcha) ที่เราดื่มกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ได้เป็นแค่เครื่องดื่มยอดฮิตติดเทรนด์คาเฟ่เก๋ๆ เท่านั้น แต่ยังอัดแน่นไปด้วยประโยชน์ต่อสุขภาพแบบที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับมัทฉะให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ตั้งแต่กระบวนการผลิตสุดพิเศษไปจนถึงคุณประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ รับรองว่าอ่านจบแล้วจะยิ่งรักเครื่องดื่มแก้วโปรดนี้มากขึ้นไปอีกค่ะ
🍃 มัทฉะ ไม่ใช่แค่ชาเขียวทั่วไป
หลายคนอาจจะยังสับสนว่ามัทฉะกับชาเขียวทั่วไปต่างกันอย่างไร จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างมาจากต้นชาเดียวกันค่ะ แต่ความพิเศษของมัทฉะอยู่ที่กระบวนการปลูกและการผลิตที่พิถีพิถันกว่ามาก
🗓️ก่อนการเก็บเกี่ยวประมาณ 20-30 วัน ต้นชาจะถูกคลุมด้วยผ้าเพื่อไม่ให้โดนแสงแดดโดยตรง กระบวนการนี้เรียกว่า "การบังแสง" ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ใบชาผลิตคลอโรฟิลล์และกรดอะมิโน โดยเฉพาะแอล-ธีอะนีน (L-theanine) เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้มัทฉะมีสีเขียวสดใส มีรสชาติที่นุ่มนวลกลมกล่อม หรือที่เรียกว่ารส "อูมามิ" และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวทั่วไปหลายเท่า
🍵และแทนที่จะนำใบชาไปชงแล้วกรองกากออกเหมือนชาเขียวปกติ มัทฉะคือการนำยอดชาอ่อนคุณภาพดีมานึ่ง อบแห้ง แล้วบดทั้งใบจนกลายเป็นผงละเอียดเนียน ทำให้เวลาเราดื่มมัทฉะ ก็เหมือนกับเราได้รับสารอาหารจากใบชาไปแบบเต็มๆ 100% เลยค่ะ
🌟
3 พลังสุดยอดในมัทฉะ ที่ทำให้ร่างกายแฮปปี้
ความลับที่ทำให้มัทฉะเป็นซูเปอร์ฟู้ดก็คือสารอาหารสำคัญ 3 ชนิดที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัวค่ะ
1️⃣
EGCG (Epigallocatechin gallate) ✨
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มคาเทชินที่ทรงพลังที่สุด มีงานวิจัยพบว่ามัทฉะมีปริมาณ EGCG สูงกว่าชาเขียวทั่วไปถึง 137 เท่า! สารตัวนี้เปรียบเสมือนฮีโร่ที่คอยปกป้องเซลล์ของเราจากความเสียหาย ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และยังมีส่วนช่วยในการป้องกันการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วยค่ะ
2️⃣
แอล-ธีอะนีน (L-Theanine) 🧠
เป็นกรดอะมิโนที่พบได้มากในชา และเป็นตัวที่ทำให้มัทฉะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แอล-ธีอะนีนช่วยปรับคลื่นสมองให้อยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายแต่ยังคงตื่นตัวและมีสมาธิ หรือที่เรียกว่า "Calm-alert" เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมดื่มมัทฉะแล้วรู้สึกตื่นตัวแต่ไม่ใจสั่น หัวใจไม่เต้นแรงเหมือนดื่มกาแฟ? ก็เพราะเจ้าแอล-ธีอะนีนตัวนี้นี่เองที่ทำงานร่วมกับคาเฟอีน ทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าแบบนุ่มนวลและยาวนานกว่าค่ะ
3️⃣
คาเฟอีน (Caffeine) ⚡️
แม้จะมีคาเฟอีน แต่มัทฉะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากกาแฟอย่างสิ้นเชิง เพราะการที่มีแอล-ธีอะนีนอยู่ด้วย ทำให้คาเฟอีนค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาอย่างช้าๆ ช่วยให้เรามีพลังงานและโฟกัสกับสิ่งที่ทำได้ดีขึ้นโดยไม่มีอาการ "คาเฟอีนแครช" หรืออาการพลังงานตกฮวบในภายหลังค่ะ
⚠️
ข้อควรระวังในการดื่มมัทฉะ
แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่การดื่มมัทฉะก็มีข้อควรคำนึงถึงเช่นกันค่ะ
🔸
อาจรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็ก: สารแทนนินในมัทฉะอาจขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร โดยเฉพาะธาตุเหล็กจากพืช สำหรับคนทั่วไปอาจไม่ส่งผลอะไรมากนัก แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มมัทฉะพร้อมหรือหลังมื้ออาหารทันที ควรเว้นระยะห่างประมาณ 1-2 ชั่วโมงจะดีกว่าค่ะ
🔸
ปริมาณคาเฟอีน: มัทฉะมีคาเฟอีนในปริมาณที่ค่อนข้างสูง (อาจสูงถึง 70 มก. ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค) ผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ หรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ควรจำกัดปริมาณการดื่มในแต่ละวันและไม่ควรดื่มในช่วงบ่ายแก่ๆ หรือก่อนนอนนะคะ
🔸
การสะสมของโลหะหนัก: เนื่องจากเราบริโภคใบชาเข้าไปทั้งใบ หากต้นชาปลูกในแหล่งดินและน้ำที่ปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ก็อาจมีความเสี่ยงที่เราจะได้รับสารเหล่านี้เข้าไปด้วย ดังนั้นการเลือกซื้อมัทฉะจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ
💡
เคล็ดลับการดื่มมัทฉะให้ได้ประโยชน์สูงสุด
เพื่อสุขภาพที่ดี การดื่มมัทฉะวันละ 1-2 แก้วถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมค่ะ ลองเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมัทฉะอุ่นๆ สักแก้วเพื่อปลุกความสดชื่นและเพิ่มสมาธิในการทำงาน หรือจะดื่มในช่วงบ่ายเพื่อเพิ่มพลังงานก็ได้เช่นกันค่ะ และหากใครอยากเพิ่มการดูดซึมสารคาเทชินให้ดียิ่งขึ้น ลองบีบมะนาวหรือดื่มร่วมกับน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงดูสิคะ จะช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารดีๆ ไปใช้ได้มากขึ้นค่ะ
หวังว่าเรื่องราวของมัทฉะในวันนี้จะทำให้ทุกคนรู้จักและเข้าใจเครื่องดื่มชนิดนี้มากขึ้นนะคะ ลองนำเคล็ดลับดีๆ ไปปรับใช้ แล้วคุณจะพบว่ามัทฉะเป็นมากกว่าแค่เครื่องดื่ม แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพที่ทำได้ง่ายและอร่อยในทุกๆ วันเลยค่ะ 😊
ที่มา :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://hdmall.co.th/blog/c/green-tea-benefits-and-harm/
https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2844144
https://www.sanook.com/women/256137/
https://www.doctoranywhere.co.th/post/does-matcha-really-help-with-weight-loss?lang=th
https://lnwchill.com/shop/matcha/blogs/196?s=bg
อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
🍵🌿“มัทฉะ” เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ช่วยเพิ่มพลังสมอง สดใส ชะลอวัย 🌸✨
🍃 มัทฉะ ไม่ใช่แค่ชาเขียวทั่วไป
หลายคนอาจจะยังสับสนว่ามัทฉะกับชาเขียวทั่วไปต่างกันอย่างไร จริงๆ แล้วทั้งสองอย่างมาจากต้นชาเดียวกันค่ะ แต่ความพิเศษของมัทฉะอยู่ที่กระบวนการปลูกและการผลิตที่พิถีพิถันกว่ามาก
🗓️ก่อนการเก็บเกี่ยวประมาณ 20-30 วัน ต้นชาจะถูกคลุมด้วยผ้าเพื่อไม่ให้โดนแสงแดดโดยตรง กระบวนการนี้เรียกว่า "การบังแสง" ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้ใบชาผลิตคลอโรฟิลล์และกรดอะมิโน โดยเฉพาะแอล-ธีอะนีน (L-theanine) เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้มัทฉะมีสีเขียวสดใส มีรสชาติที่นุ่มนวลกลมกล่อม หรือที่เรียกว่ารส "อูมามิ" และมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวทั่วไปหลายเท่า
🍵และแทนที่จะนำใบชาไปชงแล้วกรองกากออกเหมือนชาเขียวปกติ มัทฉะคือการนำยอดชาอ่อนคุณภาพดีมานึ่ง อบแห้ง แล้วบดทั้งใบจนกลายเป็นผงละเอียดเนียน ทำให้เวลาเราดื่มมัทฉะ ก็เหมือนกับเราได้รับสารอาหารจากใบชาไปแบบเต็มๆ 100% เลยค่ะ
🌟 3 พลังสุดยอดในมัทฉะ ที่ทำให้ร่างกายแฮปปี้
ความลับที่ทำให้มัทฉะเป็นซูเปอร์ฟู้ดก็คือสารอาหารสำคัญ 3 ชนิดที่ทำงานร่วมกันอย่างลงตัวค่ะ
1️⃣ EGCG (Epigallocatechin gallate) ✨
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มคาเทชินที่ทรงพลังที่สุด มีงานวิจัยพบว่ามัทฉะมีปริมาณ EGCG สูงกว่าชาเขียวทั่วไปถึง 137 เท่า! สารตัวนี้เปรียบเสมือนฮีโร่ที่คอยปกป้องเซลล์ของเราจากความเสียหาย ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย และยังมีส่วนช่วยในการป้องกันการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วยค่ะ
2️⃣ แอล-ธีอะนีน (L-Theanine) 🧠
เป็นกรดอะมิโนที่พบได้มากในชา และเป็นตัวที่ทำให้มัทฉะมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แอล-ธีอะนีนช่วยปรับคลื่นสมองให้อยู่ในสภาวะที่ผ่อนคลายแต่ยังคงตื่นตัวและมีสมาธิ หรือที่เรียกว่า "Calm-alert" เคยสงสัยไหมคะว่าทำไมดื่มมัทฉะแล้วรู้สึกตื่นตัวแต่ไม่ใจสั่น หัวใจไม่เต้นแรงเหมือนดื่มกาแฟ? ก็เพราะเจ้าแอล-ธีอะนีนตัวนี้นี่เองที่ทำงานร่วมกับคาเฟอีน ทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าแบบนุ่มนวลและยาวนานกว่าค่ะ
3️⃣ คาเฟอีน (Caffeine) ⚡️
แม้จะมีคาเฟอีน แต่มัทฉะให้ประสบการณ์ที่แตกต่างจากกาแฟอย่างสิ้นเชิง เพราะการที่มีแอล-ธีอะนีนอยู่ด้วย ทำให้คาเฟอีนค่อยๆ ถูกปล่อยออกมาอย่างช้าๆ ช่วยให้เรามีพลังงานและโฟกัสกับสิ่งที่ทำได้ดีขึ้นโดยไม่มีอาการ "คาเฟอีนแครช" หรืออาการพลังงานตกฮวบในภายหลังค่ะ
⚠️ ข้อควรระวังในการดื่มมัทฉะ
แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่การดื่มมัทฉะก็มีข้อควรคำนึงถึงเช่นกันค่ะ
🔸 อาจรบกวนการดูดซึมธาตุเหล็ก: สารแทนนินในมัทฉะอาจขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหาร โดยเฉพาะธาตุเหล็กจากพืช สำหรับคนทั่วไปอาจไม่ส่งผลอะไรมากนัก แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก ควรหลีกเลี่ยงการดื่มมัทฉะพร้อมหรือหลังมื้ออาหารทันที ควรเว้นระยะห่างประมาณ 1-2 ชั่วโมงจะดีกว่าค่ะ
🔸 ปริมาณคาเฟอีน: มัทฉะมีคาเฟอีนในปริมาณที่ค่อนข้างสูง (อาจสูงถึง 70 มก. ต่อหนึ่งหน่วยบริโภค) ผู้ที่ไวต่อคาเฟอีน สตรีมีครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้ที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับ หรือผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ควรจำกัดปริมาณการดื่มในแต่ละวันและไม่ควรดื่มในช่วงบ่ายแก่ๆ หรือก่อนนอนนะคะ
🔸 การสะสมของโลหะหนัก: เนื่องจากเราบริโภคใบชาเข้าไปทั้งใบ หากต้นชาปลูกในแหล่งดินและน้ำที่ปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ก็อาจมีความเสี่ยงที่เราจะได้รับสารเหล่านี้เข้าไปด้วย ดังนั้นการเลือกซื้อมัทฉะจากแหล่งผลิตที่น่าเชื่อถือและมีคุณภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากค่ะ
💡 เคล็ดลับการดื่มมัทฉะให้ได้ประโยชน์สูงสุด
เพื่อสุขภาพที่ดี การดื่มมัทฉะวันละ 1-2 แก้วถือเป็นปริมาณที่เหมาะสมค่ะ ลองเริ่มต้นวันใหม่ด้วยมัทฉะอุ่นๆ สักแก้วเพื่อปลุกความสดชื่นและเพิ่มสมาธิในการทำงาน หรือจะดื่มในช่วงบ่ายเพื่อเพิ่มพลังงานก็ได้เช่นกันค่ะ และหากใครอยากเพิ่มการดูดซึมสารคาเทชินให้ดียิ่งขึ้น ลองบีบมะนาวหรือดื่มร่วมกับน้ำผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงดูสิคะ จะช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารดีๆ ไปใช้ได้มากขึ้นค่ะ
หวังว่าเรื่องราวของมัทฉะในวันนี้จะทำให้ทุกคนรู้จักและเข้าใจเครื่องดื่มชนิดนี้มากขึ้นนะคะ ลองนำเคล็ดลับดีๆ ไปปรับใช้ แล้วคุณจะพบว่ามัทฉะเป็นมากกว่าแค่เครื่องดื่ม แต่เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพที่ทำได้ง่ายและอร่อยในทุกๆ วันเลยค่ะ 😊
ที่มา :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ