ปรัชญาเศรษฐศาสตร์ซึ่งออกแบบรัฐไทยและนำไปสู่รัฐธรรมนูญ 2540 ตอนที่ 3

กระทู้สนทนา
การวิเคราะห์ 

การวิเคราะห์เชิงสังเคราะห์นี้แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
(1) การวิเคราะห์เชิงแนวคิด (conceptual analysis),
(2) การวิเคราะห์เชิงสถาบัน (institutional analysis), และ
(3) การวิเคราะห์เชิงโครงสร้าง–ผลลัพธ์ (structural–outcome analysis)

แต่ละระดับมุ่งชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงที่เป็นเหตุเป็นผลระหว่าง ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์,การอภิวัฒน์การศึกษาไทย 2538, ความสำเร็จ 8 พฤษภาคม 2540, และ รัฐธรรมนูญ 2540 ในฐานะ “การปฏิรูปเชิงสถาบันแบบบูรณาการ”

1. การวิเคราะห์เชิงแนวคิด (Conceptual Analysis)

1.1 ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ในฐานะ State Design Philosophy
การวิเคราะห์โจทย์เชิงทฤษฎีพบว่า ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์มิใช่เพียงศาสตร์การบริหารการศึกษา แต่เป็น “ปรัชญาเศรษฐศาสตร์ซึ่งออกแบบรัฐ” โดยมีแก่นสำคัญคือ
การพัฒนาคนเป็นศูนย์กลางของรัฐ
มองคนเป็น ทุนมนุษย์ (human capital) ที่ต้องได้รับการพัฒนาด้วยระบบรัฐ
การศึกษาคือเครื่องมือหลักในการเพิ่มผลิตภาพ (TFP) และสมรรถนะรัฐ
รัฐสมรรถนะสูง (High-Capability State)
รัฐต้องมีข้อมูลประชากรครบถ้วน
รัฐต้องให้บริการประชาชนอย่างเสมอภาค ครบวงจร และเป็นระบบ
รัฐต้องออกแบบสถาบันรองรับคุณภาพประชากรในระยะยาว
รัฐต้องสร้างก่อนปฏิรูปการเมือง
นี่คือจุดที่วรรณกรรมกระแสหลักมองไม่เห็น
งานศึกษามักเชื่อว่ารัฐธรรมนูญ 2540 เกิดจาก “แรงกดดันทางการเมือง”
แต่การวิเคราะห์เชิงแนวคิดพบว่า
รัฐธรรมนูญ 2540 เกิดจาก “ฐานคิดออกแบบรัฐ” ที่มีมาก่อนแล้วชัดเจน

2. การวิเคราะห์เชิงสถาบัน (Institutional Analysis)

2.1 นโยบาย 8 พฤษภาคม 2540 คือ Institutional Trigger ของรัฐธรรมนูญ 2540
หลักฐานเชิงประวัติศาสตร์ชัดเจนว่า
วันที่ 8 พฤษภาคม 2540 คือครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทยที่รัฐรับ “คนจน 4.35 ล้านคน”
ทำให้ เด็กไทยทุกคนอายุ 3–17 ปี จำนวน 16.68 ล้านคน ได้รับสิทธิการศึกษาเท่ากัน
การเปลี่ยนผ่านนี้ทำให้
ฐานข้อมูลประชากรของรัฐสมบูรณ์ 100%
ระบบบริการภาครัฐต้องรองรับภาระใหม่อย่างเป็นระบบ
รัฐต้องจัดงบประมาณระยะยาวตามจำนวนเด็กจริง ไม่ใช่เฉพาะคนที่โรงเรียน “รับ”
สิ่งนี้ทำให้รัฐจำเป็นต้องมี “โครงสร้างสถาบันใหม่” เพื่อ
ตรวจสอบ
กระจายอำนาจ
รับผิดรับชอบ
วางระบบคุณภาพการศึกษา
นี่คือจุดเชื่อมสำคัญที่งานวิชาการไทยไม่เคยวิเคราะห์มาก่อน:
หากไม่มีฐานข้อมูลประชากร 4.35 ล้านคน → รัฐธรรมนูญ 2540 จะไม่สามารถกำหนดสิทธิการศึกษาแบบครบวงจรในมาตรา 43 และ 80 ได้เลย

2.2 รัฐธรรมนูญ 2540 เป็นการถอดรหัสของปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์
การวิเคราะห์เนื้อหาและโครงสร้างเชิงสถาบันของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 พบว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มิได้เกิดขึ้นแบบเปล่าเปลือย หากแต่เป็น “ผลลัพธ์ของฐานคิดเชิงเศรษฐศาสตร์การพัฒนาคน” ที่วางอยู่ก่อนแล้วอย่างเป็นระบบ นั่นคือ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics) ซึ่งทำหน้าที่เป็น กรอบคิดออกแบบรัฐ (state design philosophy) และเป็นต้นทางของการก่อรูปสถาบันใหม่ผ่านรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
ผลการวิเคราะห์ชี้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง “ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์” และ “รัฐธรรมนูญ 2540” ดำเนินไปแบบ สาเหตุ–ผล (causal mechanism) โดยมีองค์ประกอบสำคัญดังนี้

1) ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ → หลักคิดออกแบบรัฐ (State Design Logic)
หลักคิดของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์มุ่งเน้นการยกระดับสมรรถนะรัฐผ่านการลงทุนในคุณภาพมนุษย์อย่างเสมอภาคและทั่วถึง โดยมีองค์ประกอบหลักคือ
ประชาชนทุกคนต้องได้รับบริการของรัฐอย่างเท่าเทียม
รัฐต้องมีข้อมูลประชากรที่ครบถ้วน 100% เพื่อวางแผนการคลังระยะยาว
ภาครัฐต้องมีโครงสร้างตรวจสอบ ถ่วงดุล และรับผิดรับชอบที่โปร่งใส
การออกแบบสถาบันต้องรองรับการพัฒนาคุณภาพคนในระยะยาว
รัฐต้องสร้างบนฐานคิดมนุษยพัฒนา ก่อนปฏิรูปการเมือง
ดังนั้นสุขวิชโนมิกส์จึงไม่ใช่เพียง นโยบายการศึกษา
แต่คือ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์ที่ใช้มนุษย์เป็นตัวตั้งในการออกแบบรัฐทั้งระบบ

2) นโยบาย 8 พฤษภาคม 2540 → ตัวจุดชนวนเชิงสถาบัน (Institutional Trigger)
ประกาศ ของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ฯพณฯ  8 พฤษภาคม 2540 ให้รับ “เด็กยากจน 4.35 ล้านคน อายุ 3-17 ปี เข้าสู่ระบบการศึกษา” ทำให้
เด็กไทยอายุ 3–17 ปีทั้งหมด 16.68 ล้านคนได้รับสิทธิการศึกษาเท่ากัน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย ถึงแม้ว่า รัฐธรรมนูญ 2534 จะให้สิทธิ์คนไทยศึกษาเพียงแค่ชั้นประถม (สิทธิตั้งแต่ ครั้งรัชกาลที่ 5- ก่อนรัฐธรรมนูญ 2540ประกาศใช้)
ระบบบริการรัฐต้องรองรับพลเมืองจริง ไม่ใช่แค่โรงเรียน “รับเข้า”
งบประมาณต้องปรับเป็นระบบสิทธิแบบสากล (universal provision)
ฐานข้อมูลพลเมืองด้านการศึกษาสมบูรณ์ 100% เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
รัฐต้องมีเครื่องมือทางกฎหมายเพื่อค้ำยันสิทธิการศึกษาทั้งหมด
(อาหารกลางวัน, รถรับส่ง, เครื่องแบบครบชุด, อุปกรณ์ครบครัน)
นี่คือฐานจริงเชิงประชากรที่ทำให้รัฐธรรมนูญ 2540 สามารถกำหนดสิทธิการศึกษาครบวงจรได้เป็นครั้งแรก
กล่าวอีกนัยหนึ่ง
ถ้า “4.35 ล้านคน ไม่สำเร็จเป็นรูปธรรม 8 พฤษภาคม 2540” → ไม่มีทางเขียนมาตรา 43 และ 80 ได้

3) รัฐธรรมนูญ 2540 → เครื่องมือถอดรหัสหลักคิด ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์
เมื่อฐานคิด ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์และฐานข้อมูลประชากรสมบูรณ์แล้ว รัฐธรรมนูญ 2540 จึงทำหน้าที่เป็น
เครื่องมือแปลงหลักคิดเชิงเศรษฐศาสตร์สู่สถาบันการเมือง
ตัวอย่างการถอดรหัสอย่างเป็นระบบ
รัฐธรรมนูญ 2540: เครื่องมือถอดรหัสหลักคิด ของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์
1. บทบาทของรัฐธรรมนูญ 2540 ในฐานะเครื่องมือแปลงแนวคิดสู่ระบบสถาบัน
รัฐธรรมนูญ 2540 ถูกออกแบบให้เป็น “สถาปัตยกรรมเชิงสถาบัน” (institutional architecture) ที่แปลงฐานคิดของสุขวิชโนมิกส์—ซึ่งตั้งอยู่บนคน เมือง ดิจิทัล และความยั่งยืน—ให้กลายเป็นกลไกถาวรของรัฐ โดยใช้รัฐธรรมนูญเป็น ภาษาทางกฎหมาย ที่สะท้อน หลักคิดทางเศรษฐศาสตร์และนโยบายสังคม แบบใหม่ของไทยในช่วงปี 2538–2540
2. กลไกการถอดรหัสจาก “หลักคิด” → “สถาบัน”
รัฐธรรมนูญ 2540 ทำหน้าที่เป็นท่อส่ง (transmission mechanism) ซึ่งเชื่อม 3 ขั้นตอน:
ฐานข้อมูลประชากรและสังคมที่สมบูรณ์ (2538–2540)
– มีข้อมูลเด็ก เยาวชน ครู โรงเรียน ชุมชน จังหวัด
– การปฏิรูปการศึกษาและการบริหารจังหวัดทำให้รัฐ “เห็นทั้งประเทศพร้อมกัน” (state visibility)
หลักคิด ของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์
– มุ่ง “เพิ่มศักยภาพมนุษย์” เป็นฐานการพัฒนาเศรษฐกิจ
– เน้นการกระจายอำนาจ, เมืองเป็นตัวขับเคลื่อน, digital-first และมาตรฐานสากล
– ประชาชนเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจเชิงนโยบาย
การแปลงหลักคิดสู่สถาบันถาวรในรัฐธรรมนูญ 2540
– สิทธิ, กลไกถ่วงดุล, ระบบตรวจสอบ, องค์กรอิสระ, การกระจายอำนาจ, สิทธิชุมชน
– เป็นสถาบันที่ปรับประเทศเข้าสู่พาราไดม์ใหม่ของการบริหารรัฐสมัยใหม่
3. ตัวอย่างการถอดรหัสอย่างเป็นระบบ
เพื่อแสดงเชิงเหตุผลว่า “รัฐธรรมนูญ 2540” คือการแปลงหลักคิดของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ สามารถเห็นได้จาก 5 มิติ:
3.1 มิติคน (Human Development Paradigm)
สิทธิในการศึกษา 12+3
คุณภาพการศึกษาเป็นหน้าที่ของรัฐ
การสร้างกลไกกำกับครู–มาตรฐานวิชาชีพ
→ ตรงกับปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ที่วางคนเป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจ
3.2 มิติเศรษฐกิจการเมืองแบบเมือง (Urban-led Development)
การกระจายอำนาจให้ อปท. และจังหวัด
เมืองกำหนดงบและแผนพัฒนาได้เอง
→ ตรงกับพาราไดม์ “เมืองคือศูนย์กลางการเติบโต
3.3 มิติการใช้ข้อมูลและระบบดิจิทัล
ระบบสำนักงบประมาณแบบใหม่
ความโปร่งใส–เปิดเผยข้อมูล
ระบบติดตามตรวจสอบโดยสาธารณะ
→ ตรงกับ “Digital State” ของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์
3.4 มิติความยั่งยืนและสิทธิชุมชน
รับรองสิทธิชุมชนในการจัดการทรัพยากร
สภาพแวดล้อมและผลกระทบต้องประเมินอย่างเป็นระบบ
→ ตรงกับ “Sustainable Development” ตามแบบ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล
3.5 มิติการปฏิรูประบบราชการ
กลไกองค์กรอิสระ
ระบบตรวจสอบที่ทำงานแยกจากฝ่ายการเมือง
ความรับผิดชอบเชิงผลลัพธ์ (performance accountability)
→ ถอดรหัสจากแนวคิด “รัฐต้องมีประสิทธิภาพและตรวจสอบได้”

4. ผลของการถอดรหัส: ระบบรัฐแบบใหม่
จากการแปลงฐานคิด → สถาบัน ทำให้เกิด:
รัฐสมัยใหม่ที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ระบบบริหารราชการแบบกระจายอำนาจ
โครงสร้างข้อมูลของรัฐที่นำไปสู่ยุคดิจิทัลในเวลาต่อมา
มาตรฐานสากลในด้านสิทธิ การศึกษา การตรวจสอบ
รากฐานการบริหารประเทศที่ตั้งอยู่บนหลักคิดเชิงเศรษฐศาสตร์พัฒนา (development economics)

5. ข้อสรุปสำคัญ
รัฐธรรมนูญ 2540 ไม่ได้เป็นเพียงเอกสารทางกฎหมาย แต่เป็น การแปลพาราไดม์ของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ให้กลายเป็นสถาบันถาวรของรัฐไทย:
หลักคิด → กลไก
พาราไดม์ → สถาปัตยกรรม
ทฤษฎี → สถาบัน
การปฏิรูป → ระบบกติกาของชาติ
ทำให้ไทยในช่วงปี 2538–2540 เป็นจุดเริ่มต้นของรัฐสมัยใหม่ที่วางอยู่บน “คน–เมือง–ดิจิทัล–ยั่งยืน” ซึ่งคือแก่นของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่