ประสบการณ์ เห็นผี หรือสิ่งเล้นลับ

ย้อนกลับไปเมือปี 2547.... เมื่อตอนนั้น ผมยัง เป็นเด็กมหาลัยจบใหม่ และยังสนุกกับ การเป็นวัยรุ่น  หาเงินโดยการขายของตามตลาดเปิดท้าย หรือตลาดนัด  และ ได้รวมกลุ่มกับเพื่อนที่ขายของด้วยกัน ไปเที่ยว  ราชบุรี กัน  และเราได้ จอง บ้านพักตากอากาศ  ในอำเภอหนึ่ง  เป็น บ้าน หลังใหญ่ พักได้ 10-15 คน แต่ ทริปนี้ที่เราไป  ไปกันทั้ง หมด 13 คน ส่วนมากเป็น หนุ่มๆสายPARTY ทั้ง นั้น  บ้านพัก หลัง นี้  สร้างจากไม้ทั้งหลัง  มีห้องพัก  และอุปกรณ์สำหรับจัด PARTY  เป็นอย่างมาก บรรยากาศ ดีเปิดประตูมาเจอลานกว้างสามารถกางเต้นได้ และวิวสวยมาก บรรยากาศดี เหมาะแก่การสังสรรค์    พอไปถึงทุกคนก็จัดเตรียม อาหารเครื่องดื่ม  เพื่อPARTY กัน...
เราดืมกันไป  สักพัก มีสายเข้ามา จากพี่ที่ ขายของด้วยกัน  ว่าเค้า กำลังจะเข้ามากินด้วยเค้า อยู่แถว นี้  เราก็บอกว่าได้เลยพี่ เดียวผมกินรอ ด้วยความสนุกของวันรุ่น และ เพื่อน ก็ดื่มกินกันไป จนถึงเวลา 19.30 รุ่นพี่ ก็เข้ามาหาที่บ้านพัก  เราก็ดื่มกิน กัน จนดึก และพี่ที่ตามาที่หลัง ได้ ขอตัวกลับบ้านของเค้า
เดินลงไปจากบ้านพัก และเดิน ไปลาเพื่อนๆที่โต๊ะ พลูด้านล่างของบ้าน และไม่ถึง 5 นาที ได้มีเงาสีขาวๆ เดินออกไปจาก บ้านพัก คนที่นั้งดื่มก็เห็นกันทุกคน ว่าเป็นพี่คนที่ตามมา นั้นเป็นคนเดินออกไป   แต่ กลับไม่ใช่  เพราะพี่คนนั้น เดินขึ้นมาบนบ้านพักและบอกว่า  เค้าไม่กลับแล้ว กินต่อที่นี้ดีกว่า มัน มึดแล้ว  ทางออกจากบ้านพักนั้น มือและเปลี่ยวมากๆ เต้า จึงขอ พักที่นี้ด้วย  ทำให้คนที่เห็น ต่างก็มองหน้ากัน  แต่เรื่องมันเพิ่งเริ่มต้น......
หลังจากที่ ทั้ง 4 คนที่นั้งดืมนั้นเห็นเงาขาวๆๆ เดินออกจากบ้านพัก  นั้น ก็มีเรื่องแปลกเกิดขึ้น   เริ่มจาก  มีเสียง ลากเก้าอี้ ดังมากจากในบ้าน   แต่ทุกคนนั้น ไม่มีใครอยู่ ในบ้านพักเลย  แต่ทุกคนนั้น ก็ไม่ได้คิดอะไร ทุกคนคิดว่า เกิดจากอีกกลุ่มที่เล่น พลู อยู่ ข้างล่าง  คนดื่มก็ นั้งดื่ม  กลุ่มคนคิดเลข ก็นั้งคิดเลขกันต่อไป  ไมไ่ด้ สนใจ อะไร  จนกลุ่มคน ที่เล่นพลู  เดินขึ้นมาบนบ้าน ก็ได้พูดขึ้นมาว่า  ทำอะไรกันเสียงดัง กระโดดกันทำไมเสียงดัง เล่นอะไรกัน เลื่อนเก้าอี้ไปมาหลายครั้ง เสียงดังมาก  ทำให้ ทุกคนที่นั้งอยู่ ต่างมองหน้ากัน  และไม่มีใครพูดอะไร กันเลยครั้นเวลาผ่านไป มีน้องคนหนึ่งขอตัวไปนอน  ก่อนเพราะว่าไม่ไหว  แต่  น้องคนนั้นขอไปนอน ที่ลานกลางเต็น คนเดียว  หลังจากที่ น้องคนนั้นหายไป 10 นาที ได้เดินมาที่บ้านอีกครั้ง ได้ขอบอกว่า นอนไม่หลับมานั้นดื่มต่อ   พอเวลา ผ่านไป จนถึงเวลา ตี 3.30  ต่างคนก็เริ่มไม่ไหว เริ่มง่วง ต่างก็ขอแยกย้ายกันไปนอน ก่อน จนเหลือ กันอยู่ 7 คน  รวม ถึงน้องที่ขอตัวไปนอน  และรุ่นพี่ที่ตามมาที่หลัง และพวกผมอีก 5 คน ก็นั้งดืมไป คุยกันไป แต่น้องที่ขอตัวไปนอนเต็นและรุ่นพี่ ที่ตามมา เค้าไม่ดืม ได้แต่นั้นเงียบ มองไปมา จนพวกผมนั้น ต่างพากันสงสัย  เลยถามไปว่าเป็นอะไรกัน มองอะไรกัน ง่วงก็ไปนอน  ทั้ง 2 ตอบพร้อมกันว่า ไม่เป็นไรขอนั้งอยู่ตรงนี้ดีกว่า  เวลาผ่านไป ไม่ถึง ครึ่ง ชั่วโมง พวกที่ขอตัวไปนอน  ต่างก็เดินออกมาจากในบ้านและมานั้งล้อมวง กัน  พวกในวงที่นั้งดื่ม ต่างก็มองหน้ากัน และถามไปว่า คือ อะไรทำไมไม่นอน   และได้ คำตอบ ว่า จะตี 4 และ เดียวก็เช้า แล้ว  แล้ว ทุกคนก็มานั้งล้อมวงดื่ม กันจนถึงเช้า ...
ทุกคนจึงแยกย้ายกันไปนอน จนถึงช่วงเที่ยง ทุกคนตื่นจากการหลับไหล จากการที่ไม่ได้ นอนถึงเช้า เราทุกคนจึงได้เช็คเอาร์ ออกจากบ้านพัก และ กลับ กรุงเทพ  แต่พวกเราออกมาได้สักพัก ก็แวะทานข้าว  กัน ระหว่างทาง    ผมก็คิดได้ว่า เมื่อคีน มันเกิดอะไร ขึ้น  จึงลองถาม รุ่นน้องที่ลงไปนอนที่เต็น ว่า เมื่อคืน ทำไม่ไม่ไปนอน  นั้งถ่างตาทำไม่ ไม่ยอมนอน   น้อง เล่า ว่า เมื่อคืน  ตอนลงไปนอนที่เต็น นั้น ตอกแรกก็ง่วง เข้าเต็นไปก็จะไปนอน  แต่ได้ยินเสียง คนเดินมาที่เต็น มาเอามือลากลูบเต็นรอบๆไปมา  ตอนแรกก็คิดว่า ผมไปแกล้ง เพราะกวนไม่ให้ นอน  ก็ไม่ได้พูดอะไร เลยปล่อยไป ไม่สนใจ สักพักหนักขึ้น เริ่มมีการ ดึง เขย่า  เต็นแรง ขึ้น แรง ขึ้น  จน ทนไม่ไหว จึงรับเปิด เต็นออกมา  กลับไม่พบ ใคร  แต่ก็ ไม่ได้ สนใจ เลยเข้าไปนอน ต่อ  แต่ ตอนที่กำลัง ลงตัว ลงนอน นั้น ได้ยินเสียง ผู้หญิง มาพูดว่า นอนแบบนี้เดียวก็เป็นหวัดนะ   และ ก็หัวเราะ   เท่านั้น และ ก็ก็รีบเดินออกมาจากเต็นมานั้ง อยู่ที่วงเหล้า เลย
และตอนนี้ ทุกคน แยกย้ายไปนอน ตอน ตี 3.30 เค้ามองไปรอบ ตรงที่เต็นกางอยู่ นั้น  เค้ามองเห็นเป็นเงาสีขาว ลอยไปลอยมา  มัรนิ่งทำให้เค้า กลัว แต่ไม่กล้าที่จะพูดเพราะเค้าคิดว่า ตอนนี้เป็นเวลากลางคืน  
พี่คนที่ตามมานั้น ได้ ยินที่น้อง เล่า เรื่องเมือคืน  ก็พูดมาว่า พี่คิดว่าเห็นคนเดียว ซะแล้ว ........ทุกคนที่ได้ยินก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่า   และพี่เห็นอะไร พวกผม เห็น ตอนั้พี่จะกลับ  ว่าพี่เดินออกไป ที่ คูนำข้างๆๆ ตรงทางเดิน   และ ไม่นานพี่ก็เดิน ขึ้น มา  บอกว่า จะอยู่ ต่อ   พี่ เค้า ได้ บอกว่า ก็ตอนนั้น เค้าจะกลับแล้ว  แต่พอลงมา คุยกับคนที่อยู่โต๊ะพลู นั้น  มองไปข้างนอก  เห็นผู้หญิง ผมยาว ใส่ เสื้อ สี ขาว  มองหน้าไม่ชัด  ยืน อยู่ คูน้ำตรงทางเดิน  และ กระโดดลงไปในคูน้ำ  นั้น  และ ก็หายไปเลย  เค้า จึงรีบเดิน ขึ้นมาข้างบน และ บอกว่า จะอยู่ ต่อ   และ ตอน ที่ทุกคน แยกไปนอน ตอน ตี 3.30 นั้น  เค้าก็เห็น ผู้หญิง คนนั้น อีกครั้ง ยิน อยู่ ในบ้านพัก  กลางห้อง   และ คนที่เข้าไปในห้อง ตอนนั้น ก็เดินผ่าน ผู้หญิงคนนั้นไปเลย อย่างกับว่า ไม่มีอะไรเกิด ขึ้น  
และที่ สำคัญ  ภาพที่เห็น ผู้หญิงคนนั้น กำลัง ยิ้ม ให้ กับพี่เค้า จนทำให้พี่เค้า นั้น สติเกือบหลุด  แต่เค้า ก็พยายาม ไม่สนใจและไม่บอกใคร ได้ แต่ ทำ เป็นมองไปมองมา ตามที่อื่นๆ   และ พี่เค้า ก็ได้ ถามกลับคนที่เข้าไปนอน ก่อน ว่าออกมากัน ทำไม ทำไมไม่นอน .....
..... แต่ คำตอบที่ได้ คือ  ทุกคนได้ ยินเสียง แปลกๆๆ ต่างกันไป เช่นเสียงเก้าอี้ มีคนนั้ง  เสียงน้ำไหล เสียงเหมื่อนคนกระโดดบนโซฟา  เสียงชักโครกดัง มัน ก็ทำให้ เค้าไม่กล้านอน กันอยู่ ข้างใน  แต่ มี น้องผู้หญิง 1 คน ซิ่งเป็นแฟนกับ พี่คนหนึ่งที่ไปด้วย   เค้าบอกว่า  เค้าไม่ได้ ยินเสียงอะไร นะ  แต่ เค้า  เห็น ผู้หญิงคนหนึ่ง นั้ง อยู่ บนขื่อไม้ บนหลังคา  ยิ้มไปยิ้ม มา และ อยู่ ดีๆๆก็กระโดด ลงมา ตรงที่นอน  และ พุดว่า  นอนได้แล้ว จะเช้าแล้ว นะ   และ ก็หายไป   และก็หายไป   ดังนั้นเค้า จึงรับลุกจากที่นอน และเดินออกมาข้องนอกโดยทิ้งแฟนตัวเอง  นอน อยู่ คนเดียว ในห้อง
หลังจากที่เล่าเรื่อง ที่ทุกคนเจอเมื่อคิน เราต่างก็คิดว่า  งั้นเราไปบริจากโรงศพกันไหม   จึงขับรถพากันไป ที่มูลนิธิ ที่เค้ามีการรับบริการโรงศพ กัน  ไปถีงช่วงประมาณ 19.00  เราทุกคน ก็ไปทำบุญบริจากโรงศพกัน ต่างคนต่าง บริการ เขียนใบบริจาคและเอาไปติดที่โลงศพ
แต่ตอนนี้ กำลังไปติดป้ายบริจาค  นั้น ผมได้พบกับ ผู้ชาย 1 คน ที่เค้า ยืนอยู่ที่หน้าโลงศพ  ผม จำได้เลย เป็นภาพติดตามากๆ  เป็นชายวัยประมาณ 30+  ใส่เสื้อยืดสีแดง กางเกงยีนต์ ขาสั้น แบบไม่เย็บขากางเกง รองเท้าแตะ  รูปร่าง ผอม ผิวคล้ำ ๆ    ยืนหันหน้า เข้าไปที่โลงศพ  ตัวผมเอง ก็ไม่ได้คิดว่าพี่เค้า มาบริจาคโลงศพด้วย  เลย เอา ใบบริจาด ไปแปะ โรงที่อยู่ ข้างๆๆก่อน ถึงโลงที่พี่เค้า ยืน อยู่  ด้วยความไม่คิดอะไร พอแปะใบบริจาคเสร็จ ก็ชำเลืองตาไปมอง ว่าพี่เค้า ทำอะไร แต่ สิ่งที่ เจอกลับเป็นความว่างเปล่า  ไม่มีใครยืนอยู่  และ ไม่มี ทางเดินไปไหนได้เลย จะออก ก็ต้องเดินมาทางที่ผม ยืนอยู่  และ ผมซึ่งเป็นคนอ้วน นะตอนนั้น หนัก 100 กิโล  หาก ใครที่จะเดินออก ไป ข้างนอก ต้องผ่านทางข้างหลังเรา และ ต้องให้เราเดินออกไปก่อน  เท่านั้นเพราะทางแคบ  ผมจึงรีบเดินออกไป จากมูลนิธินั้นทันทีและรีบไปนั้งรอคนอื่นบนรถทั้นที  รอ ไม่ถึง 5 นาที ทุกคนก็แยกย้าย กันขึ้นรถ ของ ใครของมัน  และขับกลับ กรุงเทพ
แต่ในระหว่างทางห่างจากมูลนิธินั้นไม่นาน   เราเจออุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซร์ ขับย้อนศร ชนกับ รถ สิบล้อ  เสียชีวิต คาที่  แต่ สิ่งที่ผมเห็น คือ คนที่เสีย ชีวิต ใส่เสื้อสีแดง  กางเกงยืนขาสั่น  ใส่รองเท้าแตะ ข้างเดียว  และ เป็นเสื้อและกางเกงแบบเดียวที่เราเจอผู้ชายคนนั้น ที่อยู่มูลนิธิ  นั้นเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่