วิธีการฝึกแยก “จิต” กับ “กาย” ได้ ต้องมีฐานของ “ผู้รู้”
ให้สังเกตว่า
“กาย” เป็นสิ่งถูกรู้ เช่น ลมหายใจ การขยับ แขน ขา เจ็บ ปวด
“จิต” คือผู้รู้ การรับรู้สิ่งเหล่านั้น
ให้รู้ลมหายใจเข้า–ออกโดยไม่บังคับ
แล้วสังเกตว่า “ลมเป็นของกาย”
แต่ “ผู้รู้ลมเป็นของจิต”
โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
๑. รู้ลมหายใจเข้า–ออกโดยไม่บังคับ
๒. เห็นกายหายใจ จิตเป็นผู้รู้
๓. สังเกตเวทนา สัญญา สังขารวิญญาณ เป็นสิ่งที่เกิดดับ
๔. เห็นว่าทั้งหมดถูกรู้ ไม่ใช่เรา
๕. วางหมด เหลือแต่จิตผู้รู้อันบริสุทธิ์
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต:
“จิตเป็นธรรมชาติรู้อยู่แล้ว
เพียงแต่ไปหลงว่ากายเป็นเรา
เมื่อเห็นว่ากายเป็นของกาย จิตเป็นของจิตนั่นแหละจิตเริ่มออกจากอวิชชา”
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน:
“อย่าเพ่ง อย่าดึง ให้รู้เฉย ๆ ว่ากายเป็นกาย เวทนาเป็นเวทนา สัญญาเป็นสัญญา รู้จนเห็นว่าทั้งหมดเกิดดับ
เหลือแต่จิตบริสุทธิ์ที่ไม่เข้าไปเป็นอะไรเลย”
วิธีการฝึกแยก “จิต” กับ “กาย”
ให้สังเกตว่า
“กาย” เป็นสิ่งถูกรู้ เช่น ลมหายใจ การขยับ แขน ขา เจ็บ ปวด
“จิต” คือผู้รู้ การรับรู้สิ่งเหล่านั้น
ให้รู้ลมหายใจเข้า–ออกโดยไม่บังคับ
แล้วสังเกตว่า “ลมเป็นของกาย”
แต่ “ผู้รู้ลมเป็นของจิต”
โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้
๑. รู้ลมหายใจเข้า–ออกโดยไม่บังคับ
๒. เห็นกายหายใจ จิตเป็นผู้รู้
๓. สังเกตเวทนา สัญญา สังขารวิญญาณ เป็นสิ่งที่เกิดดับ
๔. เห็นว่าทั้งหมดถูกรู้ ไม่ใช่เรา
๕. วางหมด เหลือแต่จิตผู้รู้อันบริสุทธิ์
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต:
“จิตเป็นธรรมชาติรู้อยู่แล้ว
เพียงแต่ไปหลงว่ากายเป็นเรา
เมื่อเห็นว่ากายเป็นของกาย จิตเป็นของจิตนั่นแหละจิตเริ่มออกจากอวิชชา”
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน:
“อย่าเพ่ง อย่าดึง ให้รู้เฉย ๆ ว่ากายเป็นกาย เวทนาเป็นเวทนา สัญญาเป็นสัญญา รู้จนเห็นว่าทั้งหมดเกิดดับ
เหลือแต่จิตบริสุทธิ์ที่ไม่เข้าไปเป็นอะไรเลย”