🏡 วิกฤติที่อยู่อาศัยในเนเธอร์เเลนด์:ต้นตอจากโครงสร้างเศรษฐกิจโลกระบบนายทุน

⁉️อีกไม่กี่ปี ไทยเราจะเป็นแบบนี้มั้ยนะ⁉️

🇳🇱  วิกฤติที่อยู่อาศัยในเนเธอร์แลนด์เริ่มจากการขาดแคลนบ้านมากกว่า 400,000 หลังทั้งผู้มีรายได้น้อยและปานกลางไม่สามารถซื้อหรือเช่าบ้านได้ หลายครอบครัวต้องอาศัยในรถหรือศูนย์พักพิง และที่แท้จริงแล้วปัญหานี้ไม่ได้เกิดจากแค่การขาดอาคารบ้านเรือนเท่านั้น หากยังเกี่ยวพันกับโครงสร้างเศรษฐกิจโลกและระบบนายทุนทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำด้านการถือครองสินทรัพย์

🔵  ในช่วงทศวรรษ1980–1990นโยบายเสรีนิยมทางเศรษฐกิจเปิดทางให้ระบบการเงินขยายตัว ธนาคารปล่อยกู้มากขึ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์ถูกเชื่อมโยงกับภาคการเงินอย่างเเนบแน่น สิ่งนี้ทำให้ราคาบ้านพุ่งสูงจนเกิดวิกฤตฟองสบู่นำไปสู่วิกฤติการเงินในปี 2008

🔴 หลังเกิดวิกฤติในปี2008 รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่โดยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน ดอกเบี้ยถูกลดต่ำลง ธนาคารและนักลงทุนรายใหญ่จึงมองหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง อสังหาริมทรัพย์จึงกลายเป็นเป้าหมายหลักเพราะมีมูลค่าปลอดภัยและสร้างกำไรได้

🏠  ในเนเธอร์แลนด์รัฐมนตรี Stef Blok เปิดตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กองทุนต่างชาติลงทุน เงินลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัยเพิ่มจาก 1 พันล้านยูโรในปี 2011เป็น 10 พันล้านยูโรในปี 2019 แต่เงินเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้สร้างบ้านใหม่ กลับถูกใช้ซื้ออสังหาริมทรัพย์เดิมโดยเฉพาะโครงการบ้านเช่าของรัฐ ทำให้บ้านราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

✅️  นโยบายดอกเบี้ยต่ำในยุคนั้นทำให้ผู้ซื้อมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ธนาคารปล่อยสินเชื่อง่าย คนมีกำลังกู้เพื่อซื้อบ้านส่งผลให้ราคาบ้านยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

🔺️  ในปี 2015 ราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่ 230,000 ยูโรแต่ในปี 2025 เพิ่มเป็นครึ่งล้านยูโร หรือมากกว่า10เท่าของรายได้เฉลี่ยของประชากรในประเทศ ในขณะที่รายได้ของคนทั่วไปแทบจะไม่เปลี่ยน ส่งผลให้คนรุ่นใหม่ต้องเป็นหนี้จำนวนมากหากอยากมีบ้านและหลายคนไม่สามารถเข้าถึงตลาดที่อยู่อาศัยได้เลย

🏢 🏗 ส่วนการก่อสร้างนั้นกลับชะลอตัวตั้งแต่ยุค 1990 เพราะนโยบายลดบทบาทของภาครัฐ ตลาดเอกชนไม่ได้เร่งสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนอย่างเเท้จริงแต่สร้างที่อยู่อาศัยเพื่อตอบสนองผลตอบแทนของนักลงทุนรายใหญ่

🔵  ผลลัพธ์คือราคาบ้านพุ่งสูงอย่างรวดเร็วทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผู้ที่มีบ้านกับผู้ไม่มีบ้านขยายตัวกว้างขึ้น

✅️  คนที่มีบ้านรวยขึ้นทันทีจากมูลค่าของสินทรัพย์ ส่วนผู้ที่ไม่มีบ้านกลับจนลงเมื่อเทียบกัน ความเหลื่อมล้ำจึงขยายตัวอย่างเด่นชัด บ้านซึ่งควรเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน กลับกลายเป็นเครื่องมือสร้างความมั่งคั่งของคนมีทุนและทำลายโอกาสของคนรุ่นใหม่ที่รายได้มีไม่เพียงพอที่จะซื้อบ้าน

✅️  ผู้ที่เริ่มต้นชีวิตใหม่จึงถูกผลักให้กู้เงินมากขึ้นจ่ายค่าเช่าแพงขึ้น หรือบางรายก็ไม่มีที่อยู่อาศัยเลย

🟡 การแก้ไขปัญหาในเชิงตลาดไม่สามารถทำได้อีกต่อไป เพราะโครงสร้างระบบได้ถูกตั้งอยู่บนการเก็งกำไรและการกู้ยืม  

✅️  ดังนั้นวิกฤติที่อยู่อาศัยในเนเธอร์แลนด์จึงไม่ใช่ปัญหาชั่วคราวหรือเกิดจากนโยบายเฉพาะรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง ทว่าเป็นผลสะสมจากนโยบายเสรีทางเศรษฐกิจ การพึ่งตลาดนายทุน และการกระจุกตัวของความมั่งคั่งในมือของคนกลุ่มหนึ่ง

✅️  การแก้ปัญหาต้องอาศัยการเปลี่ยนแนวคิดจาก “บ้านคือสินทรัพย์เพื่อการลงทุน” กลับมาเป็น “บ้านคือสิทธิพื้นฐานของมนษย์” รัฐบาลจำเป็นต้องกล้าเข้าแทรกแซงทั้งในด้านโครงสร้างภาษี ธุรกิจการสร้างบ้านเช่าของรัฐและการควบคุมการเก็งกำไร เพื่อให้ระบบที่อยู่อาศัยกลับมาทำหน้าที่ตอบสนองต่อมนุษย์ ไม่ใช่ตอบสนองต่อตลาดการเงิน

แปล เรียบเรียงจากบทความของ:
Roland A. Snijder, De wooncrisis is het gevolg van wereldwijde vermogensongelijkheid
https://www.bnnvara.nl/joop/artikelen/de-wooncrisis-als-gevolg-van-wereldwijde-vermogensongelijkheid
CR https://www.facebook.com/share/1A21o41xVW/?mibextid=wwXIfr
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่