บ้าน​ที่​แท้​จริง​ของ​เราอยู่ที่ไหน​

กระทู้คำถาม
# บ้านที่แท้จริง.

"บ้านที่จริงของเรา อยู่ที่ไหน ?
บ้านที่จริงของเรา คือที่ว่ามีความรู้สึกที่มันสงบ
คือ ความสงบนั่นแหละ!  เป็นบ้านจริงๆของเรา

บัดนี้ ขอให้โยมยายจงตั้งใจฟังธรรมะ
ซึ่งเป็นโอวาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยความเคารพต่อไป...
ให้โยมตั้งใจว่า ในเวลานี้ปัจจุบันนี้ ซึ่งอาตมาจะได้ให้ธรรมะ ให้โยมตั้งใจเสมือนว่า...
พระพุทธเจ้าของเรานั้นตั้งอยู่ในที่เฉพาะหน้าของโยม

จงตั้งใจให้ดี กำหนดจิตให้เป็นหนึ่ง
หลับตาให้สบาย น้อมเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มาไว้ที่ใจ เพื่อ...เป็นการแสดงความเคารพ  ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

อาตมา ไม่มีอะไรฝากโยมด้วยสิ่งของ
ที่จะเป็นแก่นสาร นอกจากธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เท่านั้น และเป็นของฝากที่เป็นชิ้นสุดท้าย ขอให้โยมจงตั้งใจรับ
ให้โยมทำความเข้าใจว่า พระพุทธเจ้าของเรานั้น...ถึงแม้จะเป็นผู้มีบุญวาสนาบารมีมาก
ก็จะหลีกหนีความทุพพลภาพ ไปไม่ได้

อายุถึงวัยนี้แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าของเราท่านให้ปลง ปลงอายุสังขาร
คำว่า...ปลงนี้ ก็คือว่า...ปล่อยวาง
อย่า ไปหอบไว้
อย่า ไปหิ้วไว้
อย่า ไปแบกไว้
ให้โยมยอมรับเสียว่า...สังขารร่างกายนี้  
ถึงแม้ว่า มันจะเป็นอย่างไรๆ ก็ตามมันเถอะ
เราก็ได้อาศัยสกนธ์ร่างกายนี้ มาตั้งแต่กำ-
เหนิดขึ้นมาจนถึงวัยเฒ่าแก่ป่านนี้ ก็พอแล้ว

ก็เปรียบประหนึ่งว่า...
เครื่องใช้ไม้สอยของเราต่างๆ ที่อยู่ในบ้านซึ่งเราเก็บงำไว้นานแล้ว เช่นถ้วยโถโอจาน บ้านช่องของเรานี้...
เบื้องแรก มันก็สดใสใหม่สะอาดดี เมื่อเราใช้มันมาจนบัดนี้  มันก็ทรุดโทรมไป
บางวัตถุ ก็แตกไปบ้าง.หายไปบ้าง
ชิ้นที่มันเหลืออยู่นี้...ก็แปรไป เปลี่ยนไป  
ไม่คงที่ มันก็เป็นอย่างนั้น...

แม้อวัยวะร่างกายของเรานี้...
ก็เหมือนกัน ตั้งแต่เริ่มเกิดมาเป็นเด็ก เป็น
หนุ่มมันก็แปรมา เปลี่ยนมาเรื่อยๆมา จนถึงบัดนี้แล้วก็เรียกว่าแก่ นี้คือให้เรายอมรับเสีย
พระพุทธองค์ท่านตรัสว่า...
สังขารนี้ ไม่ใช่ตัวของเราทั้งในตัวเรานี้ ก็ดี  กายเรานี้ ก็ดี  นอกกายนี้ ก็ดี
มันเปลี่ยนไปอยู่...อย่างนั้น
ให้โยมพินิจพิจารณาดู ให้มันชัดเจน

อันนี้แหละ ทั้งก้อนที่เรานั่งอยู่...
ที่เรานอนอยู่นี่ ที่มันกำลังทรุดโทรมอยู่นี้  
นี่แหละ! คือสัจธรรม
สัจธรรมคือความจริง ความจริงนี้ อันนี้...
เป็นสัจธรรม เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่แน่นอน  เพราะฉะนั้น...
ท่านจึงให้มองมัน ให้พิจารณามัน ให้ยอมรับมันเสียมัน ก็เป็นสิ่งที่ควรจะยอมรับ
ถึงแม้ว่า...มันจะเป็นอย่างไร อะไรก็ตามทีเถอะ

พระพุทธองค์ท่านก็ทรงสอนว่า...
เมื่อเราถูกคุมขังในตะราง ก็ดี  ก็ให้ถูกคุมขังเฉพาะกายอันนี้ เท่านั้น  แต่ใจ อย่าให้ถูกขัง
อันนี้ ก็เหมือนกันฉันนั้น...เมื่อร่างกายมันทรุดโทรมไปตามวัย โยมก็ยอมรับเสีย ให้มันทรุดไป ให้มันโทรมไปเฉพาะร่างกาย เท่านั้น

เรื่องจิตใจนั้น...เป็นคนละอย่างกัน  
ก็ทำจิตให้มีกำลัง ให้มีพลังเพราะเรา
เข้าไปเห็นธรรมว่า...
สิ่งทั้งหลายเหล่านั้น มันก็เป็นอย่างนั้น
มันต้องเป็นอย่างนั้น
พระพุทธองค์ท่านก็สอนว่า...
ร่างกายจิตใจนี้ มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น
มันจะเป็นของมันอยู่อย่างนั้น...
มันจะไม่เป็นไปอย่างอื่น คือเริ่มเกิดขึ้นมาแล้วก็แก่  แก่มาแล้ว ก็เจ็บ  เจ็บมาแล้ว ก็ตาย
อันนี้เป็นความจริงเหลือเกิน  ซึ่งคุณยายก็พบอยู่ในปัจจุบัน มันก็เป็นสัจธรรมอยู่แล้ว...

ก็มองดูมัน...
ด้วยปัญญา ให้เห็นมันเสียเท่านั้น."
_______________________________________
โอวาทธรรม
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่