#ใบไม้กำมือเดียว
สมัยหนึ่ง ในพรรษาที่ ๙ ขององค์พระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังออกพรรษาแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากโฆสิตาราม กรุงโกสัมพีแล้วไปประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่บนต้น ไหนจะมากกว่ากัน
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่พระผู้มีพระภาคทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มีประมาณน้อย ที่บนต้นมีมากกว่า พระเจ้าข้า
พระพุทธองค์ตรัสว่า อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอกเธอทั้งหลายมีมากก็เพราะเหตุไรเราจึงไม่บอก เพราะสิ่งนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้นย่อมไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งอะไรเราได้บอกแล้ว เราได้บอกแล้วว่า นี้สภาพที่เป็นความทุกข์ นี้สาเหตุเกิดขึ้นของทุกข์ทั้งมวล นี้สภาพไม่มีทุกข์ นี้วิถีทางให้ถึงการสิ้นทุกข์ ก็เพราะเหตุไรเราจึงบอก เพราะสิ่งนั้นประกอบด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ชัด เพื่อนิพพาน เพราะฉะนั้น เราจึงบอก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้สภาพที่เป็นความทุกข์ นี้สาเหตุเกิดขึ้นของทุกข์ทั้งมวล นี้สภาพไม่มีทุกข์ นี้วิถีทางให้ถึงการสิ้นทุกข์.
สุขา รุกฺขสฺส ฉายาว ตโต ญาติมาตาปิตุ
ตโต อาจริโย รญฺโญ ตโต พุทฺธสฺส เนกธา ฯ
ร่มเงาของต้นไม้ย่อมอำนวยความสุขให้ได้บ้าง
ร่มเงาของญาติย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่วมเงาของต้นไม้
ร่มเงาแห่งบิดามารดาย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่มเงาของญาติ
ร่มเงาของอาจารย์ย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่มเงาของบิดามารดา
ร่มเงาของพระราชาย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่มเงาของอาจารย์
แต่คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่มเงาทั้งมวล
น ตํ มาตา ปิตา กยิรา อญฺเญ วาปิ จ ญาตกา
สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ เสยฺยโส นํ ตโต กเร
มารดาบิดา หรือญาติทั้งหลาย ย่อมกระทำสิ่งนั้นให้ไม่ได้ แต่จิตที่ตั้งไว้ชอบย่อมทำให้ได้ และทำบุคคลให้เข้าถึงฐานะอันประเสริฐยิ่งกว่าที่มารดาบิดาจะพึงให้ได้
จริงอยู่มารดาบิดาหรือญาติอันเป็นที่รัก อาจมอบทรัพย์ให้เลี้ยงชีพสบายไปชาติหนึ่ง แต่ก็ชาติเดียวเท่านั้น ไม่สามารถให้ข้ามภพข้ามชาติได้
แต่จิตที่บุคคลตั้งไว้ถูกแล้ว ย่อมทำให้ได้สมบัติทั้งที่เป็นโลกียะ โลกุตตระ ให้ได้สักการะความนับถือ เกียรติยศ และอื่นๆ อีกมากมาย อันอยู่เหนือวิสัยที่มารดาบิดาจะพึงให้ได้ จิตที่ตั้งไว้ถูกจึงมีคุณค่ามาก บุคคลจะได้สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ ก็เพราะจิตที่ตั้งไว้ถูก แม้มนุษย์สมบัตินี้ก็เหมือนกัน
สิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่บอกมีเยอะทำไมไม่บอก?
สมัยหนึ่ง ในพรรษาที่ ๙ ขององค์พระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลังออกพรรษาแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากโฆสิตาราม กรุงโกสัมพีแล้วไปประทับอยู่ ณ สีสปาวัน ใกล้เมืองโกสัมพี ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงถือใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา แล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่เราถือด้วยฝ่ามือกับใบที่บนต้น ไหนจะมากกว่ากัน
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใบประดู่ลาย ๒-๓ ใบที่พระผู้มีพระภาคทรงถือด้วยฝ่าพระหัตถ์มีประมาณน้อย ที่บนต้นมีมากกว่า พระเจ้าข้า
พระพุทธองค์ตรัสว่า อย่างนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่เรารู้แล้วมิได้บอกเธอทั้งหลายมีมากก็เพราะเหตุไรเราจึงไม่บอก เพราะสิ่งนั้นไม่ประกอบด้วยประโยชน์ มิใช่พรหมจรรย์เบื้องต้นย่อมไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย ความคลายกำหนัด ความดับ ความสงบ ความรู้ยิ่ง ความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน เพราะเหตุนั้น เราจึงไม่บอก
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งอะไรเราได้บอกแล้ว เราได้บอกแล้วว่า นี้สภาพที่เป็นความทุกข์ นี้สาเหตุเกิดขึ้นของทุกข์ทั้งมวล นี้สภาพไม่มีทุกข์ นี้วิถีทางให้ถึงการสิ้นทุกข์ ก็เพราะเหตุไรเราจึงบอก เพราะสิ่งนั้นประกอบด้วยประโยชน์ เป็นพรหมจรรย์เบื้องต้น ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ชัด เพื่อนิพพาน เพราะฉะนั้น เราจึงบอก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า นี้สภาพที่เป็นความทุกข์ นี้สาเหตุเกิดขึ้นของทุกข์ทั้งมวล นี้สภาพไม่มีทุกข์ นี้วิถีทางให้ถึงการสิ้นทุกข์.
สุขา รุกฺขสฺส ฉายาว ตโต ญาติมาตาปิตุ
ตโต อาจริโย รญฺโญ ตโต พุทฺธสฺส เนกธา ฯ
ร่มเงาของต้นไม้ย่อมอำนวยความสุขให้ได้บ้าง
ร่มเงาของญาติย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่วมเงาของต้นไม้
ร่มเงาแห่งบิดามารดาย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่มเงาของญาติ
ร่มเงาของอาจารย์ย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่มเงาของบิดามารดา
ร่มเงาของพระราชาย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่มเงาของอาจารย์
แต่คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมอำนวยความสุขให้ยิ่งกว่าร่มเงาทั้งมวล
น ตํ มาตา ปิตา กยิรา อญฺเญ วาปิ จ ญาตกา
สมฺมาปณิหิตํ จิตฺตํ เสยฺยโส นํ ตโต กเร
มารดาบิดา หรือญาติทั้งหลาย ย่อมกระทำสิ่งนั้นให้ไม่ได้ แต่จิตที่ตั้งไว้ชอบย่อมทำให้ได้ และทำบุคคลให้เข้าถึงฐานะอันประเสริฐยิ่งกว่าที่มารดาบิดาจะพึงให้ได้
จริงอยู่มารดาบิดาหรือญาติอันเป็นที่รัก อาจมอบทรัพย์ให้เลี้ยงชีพสบายไปชาติหนึ่ง แต่ก็ชาติเดียวเท่านั้น ไม่สามารถให้ข้ามภพข้ามชาติได้
แต่จิตที่บุคคลตั้งไว้ถูกแล้ว ย่อมทำให้ได้สมบัติทั้งที่เป็นโลกียะ โลกุตตระ ให้ได้สักการะความนับถือ เกียรติยศ และอื่นๆ อีกมากมาย อันอยู่เหนือวิสัยที่มารดาบิดาจะพึงให้ได้ จิตที่ตั้งไว้ถูกจึงมีคุณค่ามาก บุคคลจะได้สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ ก็เพราะจิตที่ตั้งไว้ถูก แม้มนุษย์สมบัตินี้ก็เหมือนกัน