ธรรมคือธรรมชาติ ธรรมบรรยาย โดย พระเทพสิงห์บุราจารย์ ๑๘ มีนาคม ๒๕๓๙ ค่ะ

ธรรมคือธรรมชาติ

ธรรมบรรยาย โดย พระเทพสิงห์บุราจารย์ ๑๘ มีนาคม ๒๕๓๙ ค่ะ


นานามาลัยนานาเดินทางนานาก่อทราย

           การเจริญกุศลภาวนาเพื่อการปฏิบัติพระกรรมฐาน ก็คือปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นเอง บางคนเรียกว่าปฏิบัติธรรม แต่ก็ไม่ทราบว่าธรรมะนั้นมาจากไหน ได้แก่อะไร ธรรมะตัวนี้แปลว่า ที่ตั้งของการงานและหน้าที่ที่ถูกต้อง ก็คือกรรมฐาน ธรรมะแปลว่าสร้างความดี มีเหตุผลไม่มีเหตุร้ายเจือปน นี่ก็เรียกว่าธรรมะ ธรรมะแปลว่าว่าธรรมชาติของความดี ธรรมแปลว่าความคิด ธรรมะแปลว่าสติปัญญา ธรรมะแปลว่าแก้ไข ธรรมแปลว่าเดินไกล ธรรมะแปลว่าละแล้วซึ่งความชั่วทั้งหลาย ถึงจะแปลว่าธรรมะ

    บางท่านมาปฏิบัติแล้วไม่ได้ผล ก็เนื่องจากว่า ตั้งใจมาปฏิบัติ ๗ วัน พออยู่ได้คืนเดียวกลับแล้ว บ่นบอกว่าทำไม่ได้ ปวดหัว ไม่สบาย ข้อเท็จจริงนั้น ถ้าเราไม่สบาย เราไม่ค่อยสบาย ทางด้านกาย ปวดศีรษะ หรือเครียด และเราไม่สบายทางด้านจิตใจ ปฏิบัติธรรมไม่ได้ผลแน่ แต่ก็คนปฏิบัตินี้ไม่ได้ผลก็ไม่มีความอดทน และก็มีทิฐิมานะนอนเนื่องอยู่ในสันดาน อาศัยธรรมะของพระพุทธเจ้าเท่านั้นเองที่จะแก้ไขได้ อย่างอื่นไม่สามารถจะแก้ไขได้แน่นอน

    ธรรมะ แปลว่า ความอดทน ธรรมมะแปลว่ากำปั้นทุบดิน ดีทุกแง่ทุกมุม นั้นเรียกว่าธรรมะ ดีทุกแง่ทุกมุมไม่มีเสีย มีแต่งอกมีแต่งาม ผู้ที่ปฏิบัติธรรมะงอกงาม มันงอกตรงไหนมันงามตรงนั้น มันงอกอยู่ที่จิตใจ จิตใจดีจิตใจมีปัญญาแล้วเรียกว่างอก ถ้าหากว่าคนไร้ธรรมะไม่ได้ปฏิบัติธรรมะแล้ว จิตมันก็จะหดเหี่ยว จิตใจมันจะแห้งแล้ง จิตใจจะตรอม จิตใจไม่กลมกล่อม มันก็ออกมาทำนองนี้ทั้งนั้น แต่ที่ท่านทั้งหลายจะเป็นอุบาสกอุบาสิกาหรือจะเป็นพระสงฆ์องค์เจ้าก็ตาม ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมแล้วมันก็ไม่อดทน ผู้ที่ถึงธรรมะและปฏิบัติในตัวในขณะนี้และปัจจุบันนี้ มีแต่ความอดทนอดกลั้น และอดออม มีอะไรก็ประนอมยอมความ บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ก็เรียกว่าธรรมะ ผู้ที่มีความขยันหมั่นเพียร วิริเยนะ ทุกขมัจ เจติ ก็เรียกว่าธรรมะ เราจะล่วงทุกข์ พ้นทุกข์ไปได้ก็เพราะความพยายามและความเพียรของเรา และอุตสาหะพยายามงานต้องสำเร็จและดีและถูกต้อง ก็เรียกว่าธรรมะทั้งนั้น คนไร้ธรรมะคนไม่มีธรรมะประจำใจ ก็คือคนเกียจคร้านในหน้าที่ ไม่รับผิดชอบตัวเอง และตัวเองก็ขาดสัจจะ ไม่มีสัจจวาจา ธรรมะแปลว่าผู้มีสัจจวาจา ก็เรียกธรรมะทั้งนั้น แต่ก็แยกเรียกกันไปตามศัพท์แสงของธรรมะ ก็เรียกว่า ภาวนา ๒ สมถภาวนา วิปัสสนาภาวนา แต่แล้วก็ต้องอดลงท้ายธรรมะไม่ได้ กรรมฐาน เรียกว่า ธรรมะ สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน การทำให้ฐานเกาะ ทำให้จิตใจเบิกบาน ทำให้จิตใจยิ้ม ทำให้จิตใจไม่เศร้าหมอง จิตใจปรองดอง สามัคคีกาย สามัคคีจิต ชีวิตจะแจ่มใส ก็คือธรรมะ ถ้าคนมีธรรมะประจำจิตประจำใจ มันก็ต้องงอกบริบูรณ์เพิ่มพูนบริบูรณ์ทุกประการ

    ท่านทั้งหลายเราเจริญกรรมฐาน เจริญสติปัฏฐาน ๔ ก็ต้องให้จิตใจนั้นประกอบไปด้วยธรรมะทุกด้านทุกวิถีทางเพื่อขันติธรรมคำแห่งความอดทน เรามีสติควบคุมจิตเมื่อใดมีความรู้เกิดขึ้นเมื่อนั้น คนที่ไร้สติขาดสติแล้ว จิตไม่มีความรู้จริงเลย มันจะรู้ปลอม มันจะรู้ย้อมใจ จะไม่เกิดประโยชน์โสตถิผลแต่ประการใด บางท่านตั้งใจเต็มที่เลย จะปฏิบัติ ๗ วัน สองวันก็กลับแล้ว ไม่อดทนแถมเลือกอาหารอีก คนที่มีธรรมประจำใจน่ะเขาไม่เลือกอาหาร ส่วนใหญ่จะเป็นคนจีน เราจะเห็นมาจากเมืองจีนนี่จีนมีธรรมะ เขาสามารถรับประทานได้ง่าย ๆ ข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกปลาป่น เขาก็มีธรรมะ อดทน คนที่ไม่มีธรรมะ จะเลือกอาหาร กินไม่ได้ ต้องกินอย่างดี คนกินอย่างนี้ไม่ใช่คนมะรรมะอย่างที่พระพุทธเจ้าสอนภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลสังวรพระวินัย สังวรสำรวมแล้วฝากชีวิตไว้กับญาติโยม โยมมีเกลือก็ฉันเกลือ โยมมีมะเขือก็ฉันมะเขือ โยมมีน้ำปลาก็ฉันน้ำปลา เพราะพระท่านมีธรรมะ เพราะพระท่านใจประเสริฐ ภันเต ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ คนที่เจริญแล้ว อริยเจ้าด้านจิตใจแล้ว รับประทานอะไรได้ทั้งหมด แต่ของนั้นจะเป็นของอะไรก็ตาม จุดมุ่งหมายต้องการให้สะอาดไม่สกปรก ทำให้สะอาดถึงภาชนะนั้นจะเป็นกะโหลกกะลาใส่เป็นภาชนะ แต่ก็สะอาดสวยงาม แต่เครื่องโถลายทอง เครื่องสังคโลกของแพงแต่สกปรกเปื้อนเปรอะเลอะเทอะไม่สะอาดพอที่จะใส่ของนั้นได้ ก็นี่แหละก็เป็นธรรมะ

    คนที่มีธรรมะประจำใจ หนึ่ง จะไม่ถือตัว มีอะไรก็รับประทานได้ แต่เท่าที่อาตมาสังเกตโยมมาอยู่กรรมฐานมาบ่นให้ได้ยินว่า กับข้าวกินไม่ได้ เราอยู่บ้านเคยกินไอ้นั่นไอ้นี่ซื้อเอา แต่มาอยู่นี่กินไม่ได้เราก็ปฏิบัติไม่ได้ อย่างนี้คนไร้ธรรมะ คนไม่มีเหตุผล พระพุทธเจ้าของเรานะเป็นจักรพรรดิ เจ้าชายสิทธัตถะเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสุทโธทนะ เป็นจักรพรรดิราชาธิราชเสด็จออกบรรพชา แล้วก็พวกชาวบ้านชาวเมืองรู้ว่าเจ้าชายเสด็จมาก็ยังไม่ทราบ เพราะตอนนั้นท่านยังไม่ได้ฉายาว่าพระพุทธเจ้าในโลกเพียงแต่เป็นนักบวช เป็นนักบวชก็แสวงหาโมกขธรรม แสวงหาความจริงของชีวิตต้องอยู่ด้วยธรรมชาติ นอนกับดินกินกับทราย นั่นคือพระพุทธเจ้า เป็นลูกของจักรพรรดิ เป็นลูกของพระเจ้าแผ่นดิน เมื่อญาติโยมเอากับข้าวมาแล้ว แต่ประเพณีนิยมเขาใช้ทานอะไรเขาก็เอาเขามา บางถิ่นฐานรับประทานข้าวไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างให้เห็น อย่างโยมภาคเหนือ ภาคอีสาน ก็ชอบรับประทานข้าวจ้าวและข้าวเหนียวก็ทานน้อย แต่ส่วนญาติโยมประเพณีบางบ้านทานข้าวเหนียวทั้งบ้าน อาตมาเคยเดินธุดงค์ไปอยู่ในบ้านนั้น ในหมู่บ้านเขามาใส่บาตรข้าวเหนียวทั้งนั้น ก็ต้องฉันจะเป็นอะไรก็ตามกินได้ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกายก็แล้วกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่