ชะลอวัยด้วยการ
บริหารกล้ามเนื้อใบหน้าแบบ Overaction: แนวทางปฏิบัติจริงที่ผสานเข้ากับชีวิตประจำวัน
เหตุใดจึงต้องบริหารใบหน้า?
อุตสาหกรรมความงามมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์พยายามขายความหวังในรูปของเซรั่มราคาแพง ครีมบำรุง และศัลยกรรม แต่หลายคนมองข้ามระบบพื้นฐานที่สำคัญที่สุดไปเสียแล้ว นั่นคือกล้ามเนื้อใบหน้ากว่า 40 มัดที่อยู่ใต้ผิวหนังของเรา
ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผิวเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ
"โครงสร้างรองรับ" ที่แข็งแกร่งใต้ผิวหนัง เปรียบเหมือนตึกที่ดูดีต้องมีเหล็กเสริมที่มั่นคง ใบหน้าที่ดูเต่งตึงต้องมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเป็นตัวพยุง
บทความนี้จะนำเสนอแนวทางปฏิบัติจริงที่ผสมผสานการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าเข้ากับกิจวัตรประจำวันของคุณ โดยไม่ต้องตั้งเวลาหรือเพิ่มกิจกรรมพิเศษใดๆ ลงในตารางที่แน่นอยู่แล้ว เพียงแต่ใช้เวลาที่คุณทำอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วิทยาศาสตร์ของการเหี่ยวและการชะลอวัย
กลไกของการเหี่ยวย้วย: เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
ความเหี่ยวของใบหน้าเป็นกระบวนการหลายมิติที่เกิดขึ้นพร้องกัน:
1️⃣
การสลายตัวของโครงสร้างโปรตีน เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่ทำให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่นถูกย่อยสลายโดยเอนไซม์ Matrix Metalloproteinases (MMPs) การผลิตคอลลาเจนใหม่ลดลงจาก 1% ต่อปีหลังอายุ 20 ปี และเร่งตัวขึ้นเมื่อถูกทำลายโดยรังสี UV, มลภาวะ และความเครียดออกซิเดชั่น
2️⃣
การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อใบหน้า (Facial Sarcopenia) เช่นเดียวกับกล้ามเนื้อส่วนอื่นของร่างกาย กล้ามเนื้อใบหน้าก็สูญเสียมวลและความแข็งแรงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อที่เคยพยุงผิวให้ตึงเริ่มลีบลงและหย่อนคล้อย แรงโน้มถ่วงทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันโดยไม่มีตัวต้านทานที่เพียงพอ
3️⃣
การเปลี่ยนแปลงของชั้นไขมันใต้ผิว ไขมันใต้ผิวหนังที่เคยทำให้ใบหน้าดูอวบอิ่มและเป็นเงาเป็นแสงเริ่มลดลงและเปลี่ยนตำแหน่ง โดยเฉพาะบริเวณกลางแก้ม (malar fat pad) ที่ย้ายลงมาทางด้านล่าง ทำให้เกิดร่องแก้มและเหนียง
4️⃣
การสูญเสียมวลกระดูก กระดูกใบหน้าเสื่อมสภาพและสูญเสียปริมาตร โดยเฉพาะบริเวณเบ้าตา โหนกแก้ม และขากรรไกร การสูญเสียนี้ทำให้โครงสร้างรากฐานของใบหน้าเล็กลง เนื้อเยื่อที่อยู่ด้านบนจึงย้อยคล้อย
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์: การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าได้ผลจริงหรือ?
งานวิจัยหลายชิ้นเริ่มสนับสนุนประสิทธิภาพของการบริหารใบหน้า:
การศึกษาพบว่าผู้เข้าร่วม 16 คนอายุ 40-65 ปีที่ทำการบริหารใบหน้านาน 20 สัปดาห์มีความอวบอิ่มของแก้มส่วนบนและล่างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และดูอ่อนกว่าเฉลี่ย 2.7 ปี ผลการศึกษาชี้ว่าการบริหารช่วยเพิ่มความตึงและความแข็งของกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม
งานวิจัยสรุปว่าโปรแกรมการบริหารใบหน้าที่ทำที่บ้านนาน 20 สัปดาห์ช่วยปรับปรุงความอวบอิ่มของใบหน้าส่วนกลางและล่าง โดยกลไกอาจเกิดจากการเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อแก้มและกล้ามเนื้ออื่นๆ จากการออกกำลังกาย
การฝึกกล้ามเนื้อใบหน้าสามารถเพิ่มความหนาและพื้นที่หน้าตัดของกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งช่วยในการทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
📌
ข้อสำคัญคือ: การบริหารต้องทำอย่างต่อเนื่องและใช้หลักการที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่การทำหน้าตาแปลกๆ เป็นครั้งคราว
ทำไมกล้ามเนื้อใบหน้าจึงตอบสนองต่อการฝึก
กล้ามเนื้อใบหน้ามีลักษณะพิเศษ:
🔹
เส้นใยกล้ามเนื้อเล็กและละเอียด: ควบคุมการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนมากกว่ากล้ามเนื้อส่วนอื่น
🔹
แนบติดกับผิวหนังโดยตรง: การหดตัวส่งผลต่อรูปร่างของผิวทันที
🔹
ใช้งานตลอดเวลา: ในการพูด รับประทานอาหาร และแสดงอารมณ์
🔹
มี Plasticity สูง: สามารถปรับตัวและเจริญเติบโตได้เมื่อถูกกระตุ้นอย่างเหมาะสม
ดังนั้น เมื่อเราฝึกกล้ามเนื้อเหล่านี้อย่างเป็นระบบ พวกมันจะตอบสนองเหมือนกล้ามเนื้ออื่นๆ ของร่างกาย นั่นคือ:
เจริญเติบโต แข็งแรงขึ้น และคงรูปร่างที่เราฝึกให้มัน
หลักการสำคัญของการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า
ก่อนจะเข้าสู่วิธีปฏิบัติ เราต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของการสร้างกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งไม่ต่างจากการสร้างกล้ามเนื้อส่วนอื่น:
1️⃣
Progressive Overload (การเพิ่มความท้าทายอย่างต่อเนื่อง)
กล้ามเนื้อเจริญเติบโตเมื่อถูกบังคับให้ทำงานหนักกว่าที่เคย คุณต้องค่อยๆ เพิ่ม:
🔹
ความเข้มของการหดตัว: เกร็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
🔹
ระยะเวลาในการค้าง: นานขึ้นเรื่อยๆ (เริ่มที่ 10 วินาที ค่อยๆ ไปถึง 30-60 วินาที)
🔹
ความถี่: เพิ่มจากวันละครั้งเป็นวันละหลายครั้ง
2️⃣
Time Under Tension (ระยะเวลาที่อยู่ภายใต้แรงต้าน)
การเกร็งแรงๆ แค่ 2-3 วินาทีไม่เพียงพอ กล้ามเนื้อต้องถูกบังคับให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง
อย่างน้อย 20-30 วินาที ต่อครั้ง จึงจะกระตุ้นกระบวนการเจริญเติบโต
3️⃣
Muscle Balance (ความสมดุลของกล้ามเนื้อ)
นี่คือหลักการสำคัญที่สุดที่คนมักลืม: กล้ามเนื้อทุกมัดมีคู่ตรงข้าม (antagonist) ถ้าคุณฝึกเพียงด้านเดียว จะเกิดความไม่สมดุลที่ทำให้เกิดริ้วรอยแทนที่จะลด
💡
ตัวอย่าง:
🔹
ยกคิ้ว (Frontalis) ↔
ย่นคิ้ว (Corrugator supercilii, Procerus)
🔹
ยิ้ม (Zygomaticus major) ↔
ย่นปาก (Depressor anguli oris)
🔹
หลับตาแน่น (Orbicularis oculi) ↔
เบิกตากว้าง (Levator palpebrae superioris)
คุณต้องฝึกทั้งสองด้านอย่างเท่าเทียมกัน
4️⃣
Specificity (ความเฉพาะเจาะจง)
กล้ามเนื้อเจริญเติบโตในรูปแบบที่คุณฝึกมัน ถ้าคุณต้องการแก้มตึง คุณต้องฝึกกล้ามเนื้อที่ยกแก้มขึ้น ถ้าต้องการคางกระชับ ต้องฝึกกล้ามเนื้อที่ดึงคางลง
5️⃣
Consistency (ความสม่ำเสมอ)
นี่คือสิ่งที่บทความนี้แก้ปัญหาให้: ผู้คนส่วนใหญ่ล้มเหลวเพราะไม่สามารถทำได้สม่ำเสมอ วิธีแก้คือ
ผสมผสานการบริหารเข้ากับกิจวัตรที่ทำอยู่แล้ว ไม่ต้องตั้งเวลาพิเศษ
การบูรณาการการบริหารใบหน้าเข้ากับชีวิตประจำวัน: ทฤษฎีดูดีมาก แต่ปัญหาคือ
"ใครจะมีเวลาไปนั่งบริหารหน้าวันละ 30 นาที"‼️ คำตอบคือ:
คุณไม่ต้องมีเวลาพิเศษเลย เพียงแต่ใช้ช่วงเวลาที่ทำอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด
💥
เวทเทรนนิ่ง + การบริหารหน้า = Hormonal Synergy
การฝึกแรงต้านสามารถกระตุ้นการหลั่ง Growth Hormone และ Testosterone โดยไม่คำนึงถึงอายุ แม้ว่าการตอบสนองในผู้สูงอายุจะไม่เท่ากับคนหนุ่มสาว การตอบสนองเฉียบพลันของฮอร์โมนนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่มากกว่าการเปลี่ยนแปลงระยะยาวของระดับฮอร์โมนพื้นฐาน
แนวคิดคือ: ขณะที่คุณออกกำลังกายด้วยแรงต้าน (เวทเทรนนิ่ง) ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเหล่านี้เข้าสู่กระแสเลือดไปทั่วร่างกาย
ถ้าคุณเกร็งกล้ามเนื้อใบหน้าในจังหวะนี้ คุณกำลัง "จับโอกาส" ให้ฮอร์โมนเหล่านี้ไปกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าพร้อมกับกล้ามเนื้อส่วนอื่นของร่างกาย
😁
วิธีปฏิบัติ:
✦︎
Push-up/Bench press: หลับตาแน่น + ยกแก้ม + ยิ้มกว้าง
✦︎
Pull-up/Lat pulldown: ย่นจมูก + เม้มปาก + เผยอคาง
😁
หลักการสำคัญ:
✦︎ ต้องทำให้เป็น
ความเคยชิน จนไม่ต้องคิด
✦︎ ทำทุกครั้งที่ออกกำลังกาย (3-5 ครั้งต่อสัปดาห์)
✦︎ แต่ละเซ็ตใช้เวลา 30-90 วินาที ซึ่งเพียงพอต่อการกระตุ้นกล้ามเนื้อ
💥
โปรแกรมในห้องน้ำ (เวลาแห่งความเป็นส่วนตัว)
ห้องน้ำคือสถานที่เดียวที่คุณมีความเป็นส่วนตัวสมบูรณ์ ไม่มีใครมามอง ไม่ต้องอายใคร
😬
ขณะสระผม (30-90 วินาที)
✦︎
ท่า: Double Contraction Face (เหมาะสำหรับผู้ที่หน้าผากย่น)
✦︎ หลับตาแน่นที่สุด (เกร็ง Orbicularis oculi)
✦︎ พร้อมกันนั้น ยิ้มกว้างที่สุด (เกร็ง Zygomaticus)
จุดประสงค์: ฝึก 2 กลุ่มกล้ามเนื้อหลักพร้อมกัน สร้าง Time Under Tension สูง
วิธีปฏิบัติ:
✦︎ เริ่มสระผมตามปกติ
✦︎ ทำท่า Double Contraction ค้างไว้ตลอดเวลาที่สระ (30-90 วินาที)
✦︎ ตอนแรกจะรู้สึกเมื่อยเบ้าตาและโหนกแก้มมาก แต่จะค่อยๆ แข็งแรงขึ้น
✦︎ ทำทุกวันโดยไม่ข้าม
Progression (การเพิ่มความท้าทาย):
✦︎ สัปดาห์ 1-2: ค้างไว้ 30 วินาที
✦︎ สัปดาห์ 3-4: ค้างไว้ 45 วินาที
✦︎ สัปดาห์ 5+: ค้างไว้ตลอดเวลาที่สระ (60-90 วินาที)
😬
ขณะแปรงฟัน (2-4 นาที)
คุณแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 นาที นั่นคือ 4 นาทีต่อวันที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
การหมุนเวียนท่า (แต่ละท่า 30-40 วินาที):
แปรงฟันหน้าบน: Wide Smile Hold
✦︎ ยิ้มกว้างที่สุดจนตาหยี
✦︎ เกร็งกล้ามเนื้อแก้มจนรู้สึกแน่น
✦︎ ยกโหนกแก้มขึ้นสู่ตาให้มากที่สุด
แปรงฟันกรามบน: Lion Face
✦︎ อ้าปากกว้างสุดโดยไม่ให้กรามคลิก
✦︎ ยื่นลิ้นออกมาให้ไกล
✦︎ เบิกตากว้าง
แปรงฟันกรามล่าง: Fish Face
✦︎ ดูดแก้มเข้าไปในปาก
✦︎ จู๋ปากออกมาข้างหน้า
✦︎ กระดกลิ้นขึ้นให้มากที่สุด
✦︎ ย่นคิ้ว
แปรงฟันหน้าล่าง: Chin Push Out
✦︎ เผยอคางออกมาให้ไกลที่สุด (จนรู้สึกตึงใต้คาง)
✦︎ พร้อมกันนั้น ยกคิ้วขึ้นสูง
✦︎ ค้างไว้
😬
หมายเหตุสำคัญ:
✦︎ ท่าเหล่านี้สามารถครีเอ็ทได้ตามต้องการ เพื่อแก้ปัญหากล้ามเนื้อใบหน้าไม่สมดุล เช่น หากมีตีนกามาก ให้เบิ่งตากว้าง เพื่อสร้างกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากผยุงผิวหนังให้ยกขึ้น หากเป็นคนหน้าผากย่น ให้หลับตาแน่น เพื่อสร้างกล้ามเนื้อบริเวณคิ้วดึงรอยย่นหน้าผากให้ตึงขึ้น
✦︎ ควรทำเป็นประจำทุกวัน
💥
การสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าในระหว่างเคี้ยวอาหาร
การเคี้ยวอาหาร ถือเป็นการสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าอีกทางหนึ่ง จึงควรเคี้ยวอาหารอย่างละเอียด การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดนอกจากจะทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าได้รับการบริหารอย่างดี โดยเฉพาะการเคี้ยวผลไม้แทนการดื่มเป็นน้ำหรือกินวิตามินเสริม ขอยกตัวอย่างการเคี้ยวฝรั่งผลใหญ่ นอกจากจะได้รับวิตามินซีในระดับ Anti-Aging Dose แล้ว (ประมาณ 500 mg) ยังทำให้ใบหน้าเกิดความตึงจากการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าในระหว่างเคี้ยว เรียกได้ว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว คือได้รับวิตามินซีจากผลไม้ธรรมชาติซึ่งดีกว่าวิตามินเม็ดแน่นอน และยังทำให้มีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ลงอีกด้วย
😁
วิธีปฏิบัติ:
✦︎ นำมีดมาเฉาะฝรั่งเป็นชิ้นเล็ก แล้วนำเข้าปากเลย (การเฉาะฝรั่งทิ้งไว้แล้วกินภายหลังจะทำให้วิตามินซีในฝรั่งสูญสลายจากออกซิเจนในอากาศ)
✦︎ ใช้ฟันหน้าขบฝรั่งให้เป็นชิ้นละเอียดขึ้น (เป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อส่วนฟันหน้าไปในตัว)
✦︎ แบ่งฝรั่งในปากให้กระจายไปยังฟันกรามทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียมกัน แล้วเริ่มเคี้ยว (เป็นการบาล๊านซ์กล้ามเนื้อใบหน้าทั้ง 2 ด้าน)
✦︎ เคี้ยวฝรั่งให้ละเอียดที่สุด ก่อนที่จะกลืนลงคอ
✦︎ ทำแบบนี้จนกว่าจะกินหมดผล
✦︎ ทำเป็นประจำวันละ 1 มื้อเป็นอย่างน้อย
😁
ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากผ่านไป 3 เดือน:
✦︎ กล้ามเนื้อขมับและกล้ามเนื้อแก้มทั้งสองข้างจะแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าด้านข้างตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
🏆 ทดลองทำกันดูนะครับ ผมเองใช้วิธีเหล่านี้เป็นประจำ ใบหน้าดูอิ่มเอิ่บทั้งจากกล้ามเนื้อใบหน้า และเลือดที่มาเลี้ยงใบหน้าเพิ่มขึ้นอีกด้วยครับ
"กิน-อยู่-ออกกำลังกาย" อย่างไร? ให้ "ชีวิตยืนยาว และ ชะลอวัย" ตอนที่ 14: บริหารกล้ามเนื้อใบหน้าแบบ Overaction
เหตุใดจึงต้องบริหารใบหน้า?
อุตสาหกรรมความงามมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์พยายามขายความหวังในรูปของเซรั่มราคาแพง ครีมบำรุง และศัลยกรรม แต่หลายคนมองข้ามระบบพื้นฐานที่สำคัญที่สุดไปเสียแล้ว นั่นคือกล้ามเนื้อใบหน้ากว่า 40 มัดที่อยู่ใต้ผิวหนังของเรา
ใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผิวเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับ "โครงสร้างรองรับ" ที่แข็งแกร่งใต้ผิวหนัง เปรียบเหมือนตึกที่ดูดีต้องมีเหล็กเสริมที่มั่นคง ใบหน้าที่ดูเต่งตึงต้องมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเป็นตัวพยุง
บทความนี้จะนำเสนอแนวทางปฏิบัติจริงที่ผสมผสานการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าเข้ากับกิจวัตรประจำวันของคุณ โดยไม่ต้องตั้งเวลาหรือเพิ่มกิจกรรมพิเศษใดๆ ลงในตารางที่แน่นอยู่แล้ว เพียงแต่ใช้เวลาที่คุณทำอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วิทยาศาสตร์ของการเหี่ยวและการชะลอวัย
กลไกของการเหี่ยวย้วย: เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
ความเหี่ยวของใบหน้าเป็นกระบวนการหลายมิติที่เกิดขึ้นพร้องกัน:
1️⃣ การสลายตัวของโครงสร้างโปรตีน เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่ทำให้ผิวเต่งตึงและยืดหยุ่นถูกย่อยสลายโดยเอนไซม์ Matrix Metalloproteinases (MMPs) การผลิตคอลลาเจนใหม่ลดลงจาก 1% ต่อปีหลังอายุ 20 ปี และเร่งตัวขึ้นเมื่อถูกทำลายโดยรังสี UV, มลภาวะ และความเครียดออกซิเดชั่น
2️⃣ การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อใบหน้า (Facial Sarcopenia) เช่นเดียวกับกล้ามเนื้อส่วนอื่นของร่างกาย กล้ามเนื้อใบหน้าก็สูญเสียมวลและความแข็งแรงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น กล้ามเนื้อที่เคยพยุงผิวให้ตึงเริ่มลีบลงและหย่อนคล้อย แรงโน้มถ่วงทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันโดยไม่มีตัวต้านทานที่เพียงพอ
3️⃣ การเปลี่ยนแปลงของชั้นไขมันใต้ผิว ไขมันใต้ผิวหนังที่เคยทำให้ใบหน้าดูอวบอิ่มและเป็นเงาเป็นแสงเริ่มลดลงและเปลี่ยนตำแหน่ง โดยเฉพาะบริเวณกลางแก้ม (malar fat pad) ที่ย้ายลงมาทางด้านล่าง ทำให้เกิดร่องแก้มและเหนียง
4️⃣ การสูญเสียมวลกระดูก กระดูกใบหน้าเสื่อมสภาพและสูญเสียปริมาตร โดยเฉพาะบริเวณเบ้าตา โหนกแก้ม และขากรรไกร การสูญเสียนี้ทำให้โครงสร้างรากฐานของใบหน้าเล็กลง เนื้อเยื่อที่อยู่ด้านบนจึงย้อยคล้อย
หลักฐานทางวิทยาศาสตร์: การบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าได้ผลจริงหรือ?
งานวิจัยหลายชิ้นเริ่มสนับสนุนประสิทธิภาพของการบริหารใบหน้า:
การศึกษาพบว่าผู้เข้าร่วม 16 คนอายุ 40-65 ปีที่ทำการบริหารใบหน้านาน 20 สัปดาห์มีความอวบอิ่มของแก้มส่วนบนและล่างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และดูอ่อนกว่าเฉลี่ย 2.7 ปี ผลการศึกษาชี้ว่าการบริหารช่วยเพิ่มความตึงและความแข็งของกล้ามเนื้อบริเวณแก้ม
งานวิจัยสรุปว่าโปรแกรมการบริหารใบหน้าที่ทำที่บ้านนาน 20 สัปดาห์ช่วยปรับปรุงความอวบอิ่มของใบหน้าส่วนกลางและล่าง โดยกลไกอาจเกิดจากการเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อแก้มและกล้ามเนื้ออื่นๆ จากการออกกำลังกาย
การฝึกกล้ามเนื้อใบหน้าสามารถเพิ่มความหนาและพื้นที่หน้าตัดของกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งช่วยในการทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
📌 ข้อสำคัญคือ: การบริหารต้องทำอย่างต่อเนื่องและใช้หลักการที่ถูกต้อง ไม่ใช่แค่การทำหน้าตาแปลกๆ เป็นครั้งคราว
ทำไมกล้ามเนื้อใบหน้าจึงตอบสนองต่อการฝึก
กล้ามเนื้อใบหน้ามีลักษณะพิเศษ:
🔹เส้นใยกล้ามเนื้อเล็กและละเอียด: ควบคุมการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนมากกว่ากล้ามเนื้อส่วนอื่น
🔹แนบติดกับผิวหนังโดยตรง: การหดตัวส่งผลต่อรูปร่างของผิวทันที
🔹ใช้งานตลอดเวลา: ในการพูด รับประทานอาหาร และแสดงอารมณ์
🔹มี Plasticity สูง: สามารถปรับตัวและเจริญเติบโตได้เมื่อถูกกระตุ้นอย่างเหมาะสม
ดังนั้น เมื่อเราฝึกกล้ามเนื้อเหล่านี้อย่างเป็นระบบ พวกมันจะตอบสนองเหมือนกล้ามเนื้ออื่นๆ ของร่างกาย นั่นคือ: เจริญเติบโต แข็งแรงขึ้น และคงรูปร่างที่เราฝึกให้มัน
หลักการสำคัญของการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้า
ก่อนจะเข้าสู่วิธีปฏิบัติ เราต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานของการสร้างกล้ามเนื้อใบหน้า ซึ่งไม่ต่างจากการสร้างกล้ามเนื้อส่วนอื่น:
1️⃣ Progressive Overload (การเพิ่มความท้าทายอย่างต่อเนื่อง)
กล้ามเนื้อเจริญเติบโตเมื่อถูกบังคับให้ทำงานหนักกว่าที่เคย คุณต้องค่อยๆ เพิ่ม:
🔹ความเข้มของการหดตัว: เกร็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
🔹ระยะเวลาในการค้าง: นานขึ้นเรื่อยๆ (เริ่มที่ 10 วินาที ค่อยๆ ไปถึง 30-60 วินาที)
🔹ความถี่: เพิ่มจากวันละครั้งเป็นวันละหลายครั้ง
2️⃣ Time Under Tension (ระยะเวลาที่อยู่ภายใต้แรงต้าน)
การเกร็งแรงๆ แค่ 2-3 วินาทีไม่เพียงพอ กล้ามเนื้อต้องถูกบังคับให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 20-30 วินาที ต่อครั้ง จึงจะกระตุ้นกระบวนการเจริญเติบโต
3️⃣ Muscle Balance (ความสมดุลของกล้ามเนื้อ)
นี่คือหลักการสำคัญที่สุดที่คนมักลืม: กล้ามเนื้อทุกมัดมีคู่ตรงข้าม (antagonist) ถ้าคุณฝึกเพียงด้านเดียว จะเกิดความไม่สมดุลที่ทำให้เกิดริ้วรอยแทนที่จะลด
💡ตัวอย่าง:
🔹ยกคิ้ว (Frontalis) ↔ ย่นคิ้ว (Corrugator supercilii, Procerus)
🔹ยิ้ม (Zygomaticus major) ↔ ย่นปาก (Depressor anguli oris)
🔹หลับตาแน่น (Orbicularis oculi) ↔ เบิกตากว้าง (Levator palpebrae superioris)
คุณต้องฝึกทั้งสองด้านอย่างเท่าเทียมกัน
4️⃣ Specificity (ความเฉพาะเจาะจง)
กล้ามเนื้อเจริญเติบโตในรูปแบบที่คุณฝึกมัน ถ้าคุณต้องการแก้มตึง คุณต้องฝึกกล้ามเนื้อที่ยกแก้มขึ้น ถ้าต้องการคางกระชับ ต้องฝึกกล้ามเนื้อที่ดึงคางลง
5️⃣ Consistency (ความสม่ำเสมอ)
นี่คือสิ่งที่บทความนี้แก้ปัญหาให้: ผู้คนส่วนใหญ่ล้มเหลวเพราะไม่สามารถทำได้สม่ำเสมอ วิธีแก้คือ ผสมผสานการบริหารเข้ากับกิจวัตรที่ทำอยู่แล้ว ไม่ต้องตั้งเวลาพิเศษ
การบูรณาการการบริหารใบหน้าเข้ากับชีวิตประจำวัน: ทฤษฎีดูดีมาก แต่ปัญหาคือ "ใครจะมีเวลาไปนั่งบริหารหน้าวันละ 30 นาที"‼️ คำตอบคือ: คุณไม่ต้องมีเวลาพิเศษเลย เพียงแต่ใช้ช่วงเวลาที่ทำอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด
💥 เวทเทรนนิ่ง + การบริหารหน้า = Hormonal Synergy
การฝึกแรงต้านสามารถกระตุ้นการหลั่ง Growth Hormone และ Testosterone โดยไม่คำนึงถึงอายุ แม้ว่าการตอบสนองในผู้สูงอายุจะไม่เท่ากับคนหนุ่มสาว การตอบสนองเฉียบพลันของฮอร์โมนนี้มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตและการสร้างเนื้อเยื่อใหม่มากกว่าการเปลี่ยนแปลงระยะยาวของระดับฮอร์โมนพื้นฐาน
แนวคิดคือ: ขณะที่คุณออกกำลังกายด้วยแรงต้าน (เวทเทรนนิ่ง) ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเหล่านี้เข้าสู่กระแสเลือดไปทั่วร่างกาย ถ้าคุณเกร็งกล้ามเนื้อใบหน้าในจังหวะนี้ คุณกำลัง "จับโอกาส" ให้ฮอร์โมนเหล่านี้ไปกระตุ้นกล้ามเนื้อใบหน้าพร้อมกับกล้ามเนื้อส่วนอื่นของร่างกาย
😁 วิธีปฏิบัติ:
✦︎ Push-up/Bench press: หลับตาแน่น + ยกแก้ม + ยิ้มกว้าง
✦︎ Pull-up/Lat pulldown: ย่นจมูก + เม้มปาก + เผยอคาง
😁 หลักการสำคัญ:
✦︎ ต้องทำให้เป็นความเคยชิน จนไม่ต้องคิด
✦︎ ทำทุกครั้งที่ออกกำลังกาย (3-5 ครั้งต่อสัปดาห์)
✦︎ แต่ละเซ็ตใช้เวลา 30-90 วินาที ซึ่งเพียงพอต่อการกระตุ้นกล้ามเนื้อ
💥 โปรแกรมในห้องน้ำ (เวลาแห่งความเป็นส่วนตัว)
ห้องน้ำคือสถานที่เดียวที่คุณมีความเป็นส่วนตัวสมบูรณ์ ไม่มีใครมามอง ไม่ต้องอายใคร
😬 ขณะสระผม (30-90 วินาที)
✦︎ ท่า: Double Contraction Face (เหมาะสำหรับผู้ที่หน้าผากย่น)
✦︎ หลับตาแน่นที่สุด (เกร็ง Orbicularis oculi)
✦︎ พร้อมกันนั้น ยิ้มกว้างที่สุด (เกร็ง Zygomaticus)
จุดประสงค์: ฝึก 2 กลุ่มกล้ามเนื้อหลักพร้อมกัน สร้าง Time Under Tension สูง
วิธีปฏิบัติ:
✦︎ เริ่มสระผมตามปกติ
✦︎ ทำท่า Double Contraction ค้างไว้ตลอดเวลาที่สระ (30-90 วินาที)
✦︎ ตอนแรกจะรู้สึกเมื่อยเบ้าตาและโหนกแก้มมาก แต่จะค่อยๆ แข็งแรงขึ้น
✦︎ ทำทุกวันโดยไม่ข้าม
Progression (การเพิ่มความท้าทาย):
✦︎ สัปดาห์ 1-2: ค้างไว้ 30 วินาที
✦︎ สัปดาห์ 3-4: ค้างไว้ 45 วินาที
✦︎ สัปดาห์ 5+: ค้างไว้ตลอดเวลาที่สระ (60-90 วินาที)
😬 ขณะแปรงฟัน (2-4 นาที)
คุณแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 นาที นั่นคือ 4 นาทีต่อวันที่สามารถใช้ประโยชน์ได้
การหมุนเวียนท่า (แต่ละท่า 30-40 วินาที):
แปรงฟันหน้าบน: Wide Smile Hold
✦︎ ยิ้มกว้างที่สุดจนตาหยี
✦︎ เกร็งกล้ามเนื้อแก้มจนรู้สึกแน่น
✦︎ ยกโหนกแก้มขึ้นสู่ตาให้มากที่สุด
แปรงฟันกรามบน: Lion Face
✦︎ อ้าปากกว้างสุดโดยไม่ให้กรามคลิก
✦︎ ยื่นลิ้นออกมาให้ไกล
✦︎ เบิกตากว้าง
แปรงฟันกรามล่าง: Fish Face
✦︎ ดูดแก้มเข้าไปในปาก
✦︎ จู๋ปากออกมาข้างหน้า
✦︎ กระดกลิ้นขึ้นให้มากที่สุด
✦︎ ย่นคิ้ว
แปรงฟันหน้าล่าง: Chin Push Out
✦︎ เผยอคางออกมาให้ไกลที่สุด (จนรู้สึกตึงใต้คาง)
✦︎ พร้อมกันนั้น ยกคิ้วขึ้นสูง
✦︎ ค้างไว้
😬 หมายเหตุสำคัญ:
✦︎ ท่าเหล่านี้สามารถครีเอ็ทได้ตามต้องการ เพื่อแก้ปัญหากล้ามเนื้อใบหน้าไม่สมดุล เช่น หากมีตีนกามาก ให้เบิ่งตากว้าง เพื่อสร้างกล้ามเนื้อบริเวณหน้าผากผยุงผิวหนังให้ยกขึ้น หากเป็นคนหน้าผากย่น ให้หลับตาแน่น เพื่อสร้างกล้ามเนื้อบริเวณคิ้วดึงรอยย่นหน้าผากให้ตึงขึ้น
✦︎ ควรทำเป็นประจำทุกวัน
💥 การสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าในระหว่างเคี้ยวอาหาร
การเคี้ยวอาหาร ถือเป็นการสร้างกล้ามเนื้อใบหน้าอีกทางหนึ่ง จึงควรเคี้ยวอาหารอย่างละเอียด การเคี้ยวอาหารให้ละเอียดนอกจากจะทำให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้กล้ามเนื้อใบหน้าได้รับการบริหารอย่างดี โดยเฉพาะการเคี้ยวผลไม้แทนการดื่มเป็นน้ำหรือกินวิตามินเสริม ขอยกตัวอย่างการเคี้ยวฝรั่งผลใหญ่ นอกจากจะได้รับวิตามินซีในระดับ Anti-Aging Dose แล้ว (ประมาณ 500 mg) ยังทำให้ใบหน้าเกิดความตึงจากการบริหารกล้ามเนื้อใบหน้าในระหว่างเคี้ยว เรียกได้ว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว คือได้รับวิตามินซีจากผลไม้ธรรมชาติซึ่งดีกว่าวิตามินเม็ดแน่นอน และยังทำให้มีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ลงอีกด้วย
😁 วิธีปฏิบัติ:
✦︎ นำมีดมาเฉาะฝรั่งเป็นชิ้นเล็ก แล้วนำเข้าปากเลย (การเฉาะฝรั่งทิ้งไว้แล้วกินภายหลังจะทำให้วิตามินซีในฝรั่งสูญสลายจากออกซิเจนในอากาศ)
✦︎ ใช้ฟันหน้าขบฝรั่งให้เป็นชิ้นละเอียดขึ้น (เป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อส่วนฟันหน้าไปในตัว)
✦︎ แบ่งฝรั่งในปากให้กระจายไปยังฟันกรามทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียมกัน แล้วเริ่มเคี้ยว (เป็นการบาล๊านซ์กล้ามเนื้อใบหน้าทั้ง 2 ด้าน)
✦︎ เคี้ยวฝรั่งให้ละเอียดที่สุด ก่อนที่จะกลืนลงคอ
✦︎ ทำแบบนี้จนกว่าจะกินหมดผล
✦︎ ทำเป็นประจำวันละ 1 มื้อเป็นอย่างน้อย
😁 ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากผ่านไป 3 เดือน:
✦︎ กล้ามเนื้อขมับและกล้ามเนื้อแก้มทั้งสองข้างจะแข็งแรงขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าด้านข้างตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
🏆 ทดลองทำกันดูนะครับ ผมเองใช้วิธีเหล่านี้เป็นประจำ ใบหน้าดูอิ่มเอิ่บทั้งจากกล้ามเนื้อใบหน้า และเลือดที่มาเลี้ยงใบหน้าเพิ่มขึ้นอีกด้วยครับ