ซัลมาน ฟาริซีย์ ค้นหาสัจธรรม 80 กว่าปี เขามีอายุ 100 กว่าปี เราจะใช้เวลานานแค่ไหนในการค้นหาสัจธรรม ค้นหาตัวเอง

การเดินทางตามหาอิสลามของท่านซัลมาน อัลฟาริสีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ

ตอนที่ 1 วัยเด็กนับถือตามพ่อ ต่อมาออกเดินทางค้นหาสัจธรรม ศึกษาอยู่กับบาทหลวง
ท่านอับดุลลอฮฺ บินอับบาส ได้รายงานว่า : ท่านซัลมาน อัลฟาริสีย์ เราะฎิยัลลอฮุอันฮฺ ได้เล่าเรื่องราวของท่านเองให้ฉันฟังดังต่อไปนี้ :
ฉันเป็นชาวเปอร์เซียจากอิสฟาฮาน มาจากหมู่บ้านหนึ่งชื่อ “ญัยยฺ” และพ่อของฉันคือผู้นำของหมู่บ้าน ฉันคือคนที่เขารักมากที่สุด รักมากกระทั่งเขาได้ขังฉันไว้ในบ้าน ฉันพยายามอยู่ในศาสนาโซโรอัสเตอร์ (คือ มะญูซีย์หรือพวกบูชาไฟ) กระทั่งฉันกลายเป็นผู้ดูแลไฟซึ่งต้องคอยดูแล ไม่ไปไหน แม้ครู่เดียว

พ่อของฉันมีสวนขนาดใหญ่ วันหนึ่งพ่อยุ่งกับงานในบ้าน แล้วเขาก็สั่งให้ฉันทำบางอย่างที่สวนนั้น ฉันเดินผ่านโบสถ์แห่งหนึ่งของชาวคริสเตียน ได้ยินเสียงพวกเขากำลังนมัสการ ฉันจึงเข้าไป รู้สึกสนใจ ฉันจึงกล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ นี่คือศาสนาที่ดีกว่าที่ฉันนับถือ อยู่จนดวงอาทิตย์ตกดิน ลืมไปสวนของพ่อ ฉันถามพวกเขาว่า “ศาสนานี้มาจากไหนหรือครับ?” พวกเขาตอบว่า “จากแผ่นดินชาม”

เมื่อฉันกลับไป เขาก็ถามว่า “ลูกพ่อ ลูกไปไหนมา? ฉันตอบไปว่า “พ่อครับ ผมได้เดินผ่านคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังนมัสการอยู่ในโบสถ์ และผมได้เห็นบางอย่างที่น่าประทับใจจากศาสนาของพวกเขา ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ผมไม่ได้ไปไหนเลย จนกระทั่งดวงอาทิตย์ตกดิน” พ่อจึงกล่าวว่า “ลูกพ่อ ไม่มีความดีงามใด ๆ ในศาสนานั้น ศาสนาของลูกและของบรรพบุรุษของลูก ดีกว่าศาสนานั้นอยู่แล้ว” ฉันกล่าวว่า “ไม่ครับพ่อ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ศาสนาของพวกเขาดีกว่าศาสนาของพวกเรา”

ท่านซัลมานกล่าวว่า : พ่อของฉันเริ่มวิตกกังวลกับท่าทีของฉัน เขามัดเท้าทั้งสองของฉันและขังฉันเอาไว้ ฉันได้ฝากคนๆ หนึ่งให้ไปหาชาวคริสเตียนกลุ่มนั้นเพื่อบอกกับพวกเขาว่า “หากพ่อค้าคริสเตียนจากแผ่นดินชามได้มาหาพวกท่าน ได้โปรดแจ้งผมด้วยนะครับ” แล้วพ่อค้าคริสเตียนจากแผ่นดินชามก็มาหาพวกเขา พวกเขาจึงแจ้งให้ฉันทราบ ฉันจึงกล่าวว่า “หากพวกเขาทำธุระเสร็จและต้องการกลับไปที่แผ่นดินของตนเอง ได้โปรดบอกผมด้วยนะครับ ผมจะติดตามพวกเขาไปด้วย”

พวกเขาได้ถอดเหล็กที่ตรึงเท้าของฉันออก แล้วฉันก็หนีตามพวกเขาไป กระทั่งฉันได้ไปถึงแผ่นดินชาม ฉันก็ถามว่า “ใครคือคนที่ดีที่สุดในศาสนานี้หรือครับ?” พวกเขาตอบว่า “บาทหลวงท่านหนึ่งในโบสถ์” ฉันก็ไปหาเขาและกล่าวว่า “ผมชอบศาสนานี้มาก และผมอยากเป็นผู้รับใช้ในโบสถ์ของท่าน ผมอยากเรียนรู้กับท่าน” บาทหลวงท่านนั้นก็ตอบว่า “เข้ามาสิ” ฉันจึงเข้าไปและอยู่กับเขา


- - -
ตอนที่ 2 ศึกษาอยู่กับบาทหลวงจนเสียชีวิต 2 คน อยู่กับผู้รู้ศาสนาอีก 3 คน จนได้เจอนบีมุฮัมมัด
ท่านซัลมานอยู่กับบาทหลวงคนนั้น จนเขาเสียชีวิต ต่อมาได้อยู่กับบาทหลวงที่ดี เมื่อเขาเสียชีวิต ก็ได้ไปอยู่กับชายอีกคนที่โมซูล ต่อมาอยู่กับชายอีกคนหนึ่งที่นุศ็อยบีน จนเสียชีวิต และสุดท้ายได้มาอยู่กับชายอีกคนที่อะมูริยะฮฺ

ท่านซัลมานกล่าวว่า : แล้วกำหนดการของอัลลอฮฺก็มาถึง เมื่อชายคนนี้ใกล้จะเสียชีวิต ฉันก็ได้ถามเขาว่า “ท่านครับ ผมเคยอยู่กับคนๆ หนึ่ง (ชาวคริสตเตียนที่เปอร์เซีย) เขาแนะนำให้ผมไปหาชายคนหนึ่ง (บาทหลวงที่ดี) แล้วชายคนนั้นก็แนะนำให้ผมไปหาชายอีกคน (ที่โมซูล) แล้วชายคนนี้ก็แนะนำให้ผมไปหาชายอีกคนหนึ่ง (ที่นุศ็อยบีน) และชายคนนี้ก็แนะนำให้ผมมาหาท่าน แล้วหลังจากนี้ท่านมีใครจะแนะนำให้ผมไปหาบ้างไหมครับ?”

เขาตอบว่า “ลูกรัก ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ พ่อไม่รู้หรอกว่าลูกจะไปไหน และลูกจะพบว่าไม่มีใครอีกแล้วที่ยึดมั่นกับศาสนาของเราที่พ่อจะแนะนำให้ลูกไปหา แต่ลูกกำลังอยู่ใต้ร่มเงาแห่งยุคสมัยของนบี (ท่านสุดท้าย) แล้ว เขาถูกส่งมาพร้อมกับศาสนาของอิบรอฮีม เขาจะออกมาจากแผ่นดินอาหรับ โดยที่เขาจะอพยพไปยังแผ่นดินหนึ่งที่อยู่ระหว่างหินลาวาดำขนาบ 2 ข้าง ระหว่างทั้งสองมีต้นอินทผลัมจำนวนมาก และเขายังมีสัญญาณต่างๆ ที่ไม่สามารถปกปิดได้ (คือ) เขาจะทานสิ่งที่ให้เป็นของขวัญ แต่ไม่ทานของบริจาค ระหว่างไหล่ทั้งสองข้างของเขามีเครื่องหมายแห่งการเป็นนบี (คอตะมุน นุบุววะฮฺ) ถ้าลูกสามารถไปที่นั่นได้ ก็จงไปเถิด”


- - -
ตอนที่ 3 เป็นทาส 2 ครั้ง ก่อนได้พบนบีมุฮัมมัด
ท่านซัลมานเล่าต่อว่า : แล้วชายคนนี้ก็เสียชีวิต ฉันอาศัยอยู่ที่อะมูริยะฮฺตามระยะเวลาที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ แล้วพ่อค้ากลุ่มหนึ่งจากบนีกัลบฺก็เดินทางผ่านมา ฉันถามพวกเขาว่า “พวกท่านสามารถพาผมไปที่แผ่นดินอาหรับได้ไหม? แล้วผมจะมอบวัวและแพะพวกนี้ให้กับพวกท่าน?” พวกเขาตอบว่า “ได้สิ” ฉันจึงมอบวัวและแพะของฉันแก่พวกเขา พวกเขาพาฉันไป เมื่อถึงหุบเขาแห่งหนึ่งที่หมู่บ้านของพวกเขา พวกเขาก็อธรรมฉัน พวกเขาขายฉันให้เป็นทาสรับใช้แก่ชาวยิวคนหนึ่ง ฉันจึงอยู่กับยิวคนนี้ แล้วฉันก็ได้เห็นต้นอินทผลัมจำนวนมาก ฉันหวังว่าแผ่นดินนี้แหละคือแผ่นดินที่พี่น้องของฉันได้บอกไว้

วันหนึ่งขณะที่ฉันนั่งอยู่กับเขา (เจ้านายชาวยิว) ญาติคนหนึ่งจากบนีกุร็อยเซาะฮฺจากเมืองมะดีนะฮฺก็ได้มาหาเขา ญาติคนนั้นได้ซื้อฉันจากเขาและพาฉันไปที่มะดีนะฮฺ และขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันรู้ว่าสถานที่ที่ฉันไปถึงนั้นเหมือนกับที่พี่น้องของฉันได้บอกไว้เลย ฉันอยู่กับเขา (เจ้านายจากบนีกุร็อยเซาะฮฺ) กระทั่งอัลลอฮฺได้ส่งนบีมุฮัมหมัดมาเป็นรอซูลของพระองค์ ท่านอยู่ที่มักกะฮฺ และฉันไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องราวของท่านเลย เพราะฉันยุ่งอยู่กับงานของตัวเอง

เมื่อท่านอพยพมาที่มะดีนะฮฺ ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ วันหนึ่งฉันอยู่บนยอดต้นอินทผลัมที่ฉันกำลังทำงาน และเจ้านายของฉันก็อยู่ตรงนั้นด้วย แล้วญาติคนหนึ่งของเขาก็มาหาและหยุดอยู่ตรงนั้น เขากล่าวว่า “นี่ท่าน! อัลลอฮฺทรงจัดการกับบนีก็อยละฮฺ (หมายถึง ชาวอันศอร) แล้ว ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ตอนนี้พวกเขากำลังรวมตัวกันที่กุบาอ์ เพื่อต้อนรับการมาถึงของชายคนหนึ่งจากมักกะฮฺ ซึ่งพวกเขาเรียกกันว่า ‘นบี’” ท่านซัลมานกล่าวว่า : เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันก็ตัวสั่นเทา จนฉันคิดว่าฉันจะต้องตกใส่เจ้านายของฉันแน่ ฉันรีบลงมาจากต้นอินทผลัมและพูดกับญาติของเจ้านายว่า “ท่านพูดว่าอย่างไรนะครับ? ท่านพูดว่าอย่างไรนะ?” เจ้านายของฉันไม่พอใจและตีฉันอย่างแรง เขากล่าวว่า “เจ้าเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ? ทำงานของเจ้าไป” ฉันจึงกล่าวว่า “ไม่มีอะไรครับ ผมแค่อยากให้แน่ใจว่าญาติของท่านพูดอะไร”

ท่านซัลมานเล่าต่อว่า : ฉันมีบางอย่างที่เก็บสะสมไว้ (หมายถึง อินทผลัม) เมื่อถึงตอนบ่าย ฉันก็เอามันออกมาและไปหาท่านรอซูลุลลอฮฺ ตอนนั้นท่านอยู่ที่กุบาอ์ ฉันได้เข้าไปหาท่านและกล่าวว่า “ผมได้ข่าวมาว่า ท่านเป็นคนที่ดีและมิตรสหายที่อยู่กับท่านก็เป็นคนต่างถิ่นที่ยากจน ผมมีของบางอย่างจะบริจาค และผมเห็นว่าพวกท่านควรได้รับมันมากกว่าใคร” ฉันเข้าไปใกล้ท่านนบี ท่านได้กล่าวกับเศาะฮาบะฮฺของท่านว่า “ทานเถิด” แต่ท่านเก็บมือของตัวเองไว้ และไม่ได้ร่วมรับประทานกับเศาะฮาบะฮฺ ท่านซัลมานกล่าวว่า : ฉันพูดในใจว่า “นี่คือข้อที่ 1” (สัญญาณการเป็นนบีข้อแรกคือ ไม่ทานของบริจาค)

ฉันกลับไปและรวบรวมอินทผลัมอีกครั้ง เมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺได้ย้าย (จากกุบาอ์) มาที่มะดีนะฮฺแล้ว ฉันก็ได้เข้าไปหาท่านพร้อมกับอินทผลัมที่ฉันสะสมได้ ฉันกล่าวว่า “ผมเห็นว่าท่านไม่ทานของบริจาค นี่คือของขวัญที่ผมอยากจะมอบมันเพื่อให้เกียรติท่านครับท่านซัลมานกล่าวว่า : ท่านรอซูลุลลอฮฺรับประทานมันและชวนบรรดาเศาะฮาบะฮฺมาร่วมรับประทานกับท่านด้วย ฉันจึงพูดในใจว่า “นี่คือข้อที่ 2” (สัญญาณการเป็นนบีข้อที่ 2 คือ ทานสิ่งที่ให้เป็นของขวัญ)

หลังจากนั้น ฉันก็ได้มาหาท่านรอซูลุลลอฮฺอีก และขณะนั้นท่านอยู่ที่กุบูรบะกีอฺ โดยติดตามญะนาซะฮฺของเศาะฮาบะฮฺท่านหนึ่ง ท่านใส่ผ้า 2 ผืน และนั่งอยู่กับบรรดาเศาะฮาบะฮฺ ฉันให้สลามแก่ท่าน แล้วฉันก็เดินวนรอบ ๆ เพื่อดูว่าที่ด้านหลังของท่านมีเครื่องหมาย (คอตะมุน นุบุววะฮฺ) ที่พี่น้องของฉันได้บอกไว้หรือไม่ เมื่อท่านรอซูลุลลอฮฺเห็นว่าฉันเดินวน ท่านก็รู้ว่าฉันกำลังมองหาบางอย่าง ท่านจึงเปิดผ้าที่ปิดส่วนบนออก แล้วฉันก็ได้เห็นเครื่องหมายแห่งการเป็นนบี ฉันจึงรู้ว่าท่านคือนบีของอัลลอฮฺ ฉันเข้าไปสวมกอดท่านและจูบลงไปที่เครื่องหมายดังกล่าว แล้วฉันก็ร้องไห้ออกมา ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวกับฉันว่า “หันมาเถิด” ฉันจึงหันตัวไปและเล่าเรื่องของฉันให้ท่านฟัง เหมือนกับที่ฉันกำลังเล่าให้ท่านฟังนี้แหละ โอ้อิบนุอับบาส

ท่านซัลมานกล่าวต่อว่า : ท่านรอซูลุลลอฮฺรู้สึกประหลาดใจมาก (กับเรื่องของฉัน) และท่านได้เล่าให้บรรดาเศาะฮาบะฮฺของท่านฟังด้วย
หลังจากนั้น ท่านซัลมานก็ยุ่งอยู่กับงานของท่านในฐานะทาสรับใช้ กระทั่งท่านพลาดการต่อสู้ในสงครามบัดรฺและอุหุดร่วมกับท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม


- - -
ตอนที่ 4 ท่านนบีมุฮัมมัดช่วยให้ท่านซัลมานเป็นอิสระจากการเป็นทาส
ท่านซัลมานกล่าวว่า : ท่านรอซูลุลลอฮฺได้กล่าวกับฉันว่า “จงขอไถ่ตัวเองเถิด ซัลมาน!” เจ้านายของฉันก็ได้เขียนเงื่อนไข (การปล่อยตัวฉัน) ด้วยกับอินทผลัม 300 ต้นที่ฉันจะต้องปลูกให้กับเขา รวมถึงทางน้ำ และทองคำน้ำหนัก 40 อูกิยะฮฺ (เท่ากับทองคำประมาณ 4.76 กิโลกรัม)

ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าว (กับเศาะฮาบะฮฺของท่าน) ว่า จงช่วยเหลือพี่น้องของพวกท่านเถิด แล้วพวกเขาก็ช่วยเหลือฉัน ชายคนหนึ่งช่วยฉันด้วยเมล็ดพันธุ์อินทผาลัม 30 ต้น อีกคน 20 ต้น และอีกคน 15 ต้น และอีกคน 10 ต้น จนกระทั่งครบ 300 ต้น แล้วท่านรอซูลุลลอฮฺก็กล่าวกับฉันว่า ไปเถิดซัลมาน ไปขุดดินให้กับมัน (เมล็ดพันธุ์ของต้นอินทผลัม) และเมื่อท่านทำเสร็จแล้ว ท่านจงมาหาฉัน ฉันจะเป็นคนปลูกมันด้วยมือของฉันเอง

ฉันจึงขุดดินและทำทางน้ำ บรรดาเศาะฮาบะฮฺได้ช่วยเหลือฉันจนกระทั่งมันเสร็จเรียบร้อย ฉันกลับมาบอกท่านรอซูลุลลอฮฺ ท่านก็ออกมาที่สถานที่ปลูก เรานำเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นมาให้ท่าน และท่านก็หยิบมันไปปลูกด้วยมือของท่านเอง ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ ไม่มีเมล็ดพันธุ์ใดเลยแม้เพียงเมล็ดเดียวที่ตายไป และตอนนี้ฉันจัดการต้นอินทผาลัมเสร็จแล้ว เหลือเพียงทรัพย์สิน (ทองคำ 40 อูกิยะฮฺ) เท่านั้น

ท่านรอซูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้นำทองคำเท่าไข่ไก่มาจากทรัพย์เชลย ท่านกล่าวว่า “ซัลมาน! เอาสิ่งนี้ไป และใช้มันจ่ายสิ่งที่เป็นภาระรับผิดชอบของท่านเถิด” ฉันกล่าวว่า “ทองคำนี้มีสถานภาพอย่างไรกับตัวผมหรือครับ ท่านรอซูลุลลอฮฺ?” ท่านตอบว่า “รับมันไปเถอะ อัลลอฮฺจะทรงประทานความดีงามแก่ท่านด้วยกับมัน” ท่านซัลมานกล่าวว่า : ฉันจึงรับมันมาชั่งน้ำหนัก ขอสาบานต่อผู้ที่ชีวิตของซัลมานอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ มันหนัก 40 อูกิยะฮฺพอดี ฉันเอามันไปจ่ายและฉันก็ได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ ฉันจึงได้ร่วมต่อสู้กับท่านรอซูลุลลอฮฺในสงครามค็อนดัก แล้วหลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยพลาดการต่อสู้ร่วมกับท่านรอซูลุลลอฮฺในทุกสงครามอีกเลย

(ซัลมาน ฟาริซีย์ เสนอความคิดเรื่องการขุดสนามเพลาะ ในสงครามค็อนดัก (สงครามอะฮฺซาบ/สงครามสนามเพลาะ) และได้รับชัยชนะ ยุทธวิธีการรบที่ไม่เคยมีในอาหรับยุคนั้น

- - -
อ่านเรื่องราวเต็มๆ ได้ที่นี่ อ่านต่อ
อ้างอิง : รายงานหะดีษจากท่านอิบนุอับบาส
ส่วนหนึ่งจากหะดีษหะสัน บันทึกโดยอะหมัด ใน “อัลมุสนัด” หะดีษเลขที่ 23737, อิบนุสะอดฺ ใน “อัฏเฏาะบะกอต” เลขที่ 4709 และอัฏเฏาะบะรอนีย์ ใน “อัลมุอฺญัม อัลกะบีร”  

วัลลอฮุอะอฺลัม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่