วันนี้อยากมาแชร์มุมมอง ที่เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจอ ทั้งในฐานะที่เป็นเด็กมาก่อน หรือในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เวลาที่เด็กๆ ไม่ว่าจะลูก หลาน หรือน้องๆ มาบ่นกับเราว่า "เหนื่อยจังเลย/เครียดมาก" คำตอบที่เราได้ยินบ่อยๆ หรือแม้แต่ตัวเราเองก็เผลอพูดออกไปคือ "แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว? ผู้ใหญ่เหนื่อยกว่าหนูเป็นสิบเท่าอีกนะ" "ลองดูคนอื่นสิ เขายังทำได้เลย นี่ดีแค่ไหนแล้ว" "เป็นเด็กสบายที่สุดแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ"
เราเข้าใจว่าผู้ใหญ่ล้วนมีเจตนาดี คืออยากให้เด็กอดทน เข้มแข็ง หรือสอนให้มองเห็นความลำบากของคนอื่น แต่สิ่งที่น่าคิดต่อคือ
1. ความเหนื่อยของเด็กก็คือ "ที่สุด" สำหรับเขาในวัยนั้น
ความเครียดจากการสอบ การบ้าน การปรับตัวเข้ากับเพื่อน การจัดการอารมณ์ที่ยังไม่สมบูรณ์ หรือตารางเรียนที่อัดแน่น อาจเทียบไม่ได้กับภาระหนี้สินหรือก่ตรากตรำทำงานของผู้ใหญ่ แต่สำหรับสมองและประสบการณ์ของเด็ก ความเหนื่อยระดับนั้นคือวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดที่เขาต้องเผชิญในขณะนั้น การที่เราเปรียบเทียบเท่ากับเรากำลัง "ปฏิเสธความรู้สึก" (Invalidating) ของเขาโดยสิ้นเชิง
2. ผลกระทบต่อความสัมพันธ์และการสื่อสาร
เมื่อความรู้สึกไม่ได้รับการยอมรับ เด็กจะเรียนรู้ว่า: "พูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจ" หรือ "ความรู้สึกของเราไม่สำคัญ" สิ่งนี้จะทำให้เด็กเลือกที่จะ เก็บความเครียดไว้คนเดียว และ ปิดใจ ไม่กล้ามาปรึกษาปัญหาที่แท้จริงกับผู้ใหญ่ในอนาคต ซึ่งน่ากลัวกว่าความเหนื่อยชั่วคราวมาก
3. เด็กต้องการการยอมรับ (Validation) ไม่ใช่การเปรียบเทียบ
แทนที่จะบอกว่า "คนอื่นเหนื่อยกว่า" สิ่งที่เด็กต้องการคือคำง่ายๆ แค่
"โอเค, ฟังดูเหมือนวันนี้หนูเหนื่อยมากจริงๆ" (ยอมรับความรู้สึก) "มีอะไรที่พ่อ/แม่/ผู้ใหญ่จะช่วยให้หนูรู้สึกดีขึ้นได้บ้างไหม?" (เสนอทางออก) "มาพักก่อนนะ/มาหาอะไรสนุกๆ ทำกัน" (ให้กำลังใจ)
การทำแบบนี้เป็นการ สอนให้เด็กรับรู้และจัดการกับความรู้สึก ของตัวเองได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่การปิดปากและให้อดทนไปเรื่อยๆ
"เด็กบ่นเหนื่อย" ทำไมผู้ใหญ่ชอบตอบด้วยการ 'เปรียบเทียบ' ว่าคนอื่นเหนื่อยกว่า?
เราเข้าใจว่าผู้ใหญ่ล้วนมีเจตนาดี คืออยากให้เด็กอดทน เข้มแข็ง หรือสอนให้มองเห็นความลำบากของคนอื่น แต่สิ่งที่น่าคิดต่อคือ
1. ความเหนื่อยของเด็กก็คือ "ที่สุด" สำหรับเขาในวัยนั้น
ความเครียดจากการสอบ การบ้าน การปรับตัวเข้ากับเพื่อน การจัดการอารมณ์ที่ยังไม่สมบูรณ์ หรือตารางเรียนที่อัดแน่น อาจเทียบไม่ได้กับภาระหนี้สินหรือก่ตรากตรำทำงานของผู้ใหญ่ แต่สำหรับสมองและประสบการณ์ของเด็ก ความเหนื่อยระดับนั้นคือวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดที่เขาต้องเผชิญในขณะนั้น การที่เราเปรียบเทียบเท่ากับเรากำลัง "ปฏิเสธความรู้สึก" (Invalidating) ของเขาโดยสิ้นเชิง
2. ผลกระทบต่อความสัมพันธ์และการสื่อสาร
เมื่อความรู้สึกไม่ได้รับการยอมรับ เด็กจะเรียนรู้ว่า: "พูดไปก็ไม่มีใครเข้าใจ" หรือ "ความรู้สึกของเราไม่สำคัญ" สิ่งนี้จะทำให้เด็กเลือกที่จะ เก็บความเครียดไว้คนเดียว และ ปิดใจ ไม่กล้ามาปรึกษาปัญหาที่แท้จริงกับผู้ใหญ่ในอนาคต ซึ่งน่ากลัวกว่าความเหนื่อยชั่วคราวมาก
3. เด็กต้องการการยอมรับ (Validation) ไม่ใช่การเปรียบเทียบ
แทนที่จะบอกว่า "คนอื่นเหนื่อยกว่า" สิ่งที่เด็กต้องการคือคำง่ายๆ แค่
"โอเค, ฟังดูเหมือนวันนี้หนูเหนื่อยมากจริงๆ" (ยอมรับความรู้สึก) "มีอะไรที่พ่อ/แม่/ผู้ใหญ่จะช่วยให้หนูรู้สึกดีขึ้นได้บ้างไหม?" (เสนอทางออก) "มาพักก่อนนะ/มาหาอะไรสนุกๆ ทำกัน" (ให้กำลังใจ)
การทำแบบนี้เป็นการ สอนให้เด็กรับรู้และจัดการกับความรู้สึก ของตัวเองได้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่แค่การปิดปากและให้อดทนไปเรื่อยๆ