F-105 Thunderchief จากความหวังนิวเคลียร์ สู่โลงศพกลางเวหา

F-105 Thunderchief จากความหวังนิวเคลียร์ สู่โลงศพกลางเวหา
F-105 Thunder Chief เครื่องบินรบทิ้งระเบิดที่ถูกสร้างขึ้นในช่วงสงครามเย็น เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำสงครามนิวเคลียร์กับสหภาพโซเวียต แต่สุดท้ายกลับต้องเผชิญชะตากรรมที่น่าเศร้าในสงครามเวียดนาม

จุดกำเนิด: อาวุธนิวเคลียร์ความเร็วเหนือเสียง

ในช่วงกลางทศวรรษ 1950 สงครามเย็นกำลังตึงเครียด สหรัฐฯ ต้องการเครื่องบินที่สามารถบินลึกเข้าไปในดินแดนของโซเวียต เพื่อทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ได้ บริษัท Republic Aviation Corporation จึงได้ออกแบบ F-105 Thunder Chief ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ

คุณสมบัติหลัก: ถูกออกแบบมาให้บินด้วยความเร็วเหนือเสียงสองเท่าที่ระดับความสูงต่ำ เพื่อหลบหลีกการสกัดกั้นจากเครื่องบินรบของโซเวียต และสามารถบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ได้

เทคโนโลยีล้ำสมัย: F-105 ติดตั้งระบบควบคุมการยิงและเรดาร์ทำแผนที่ภูมิประเทศ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่มากในยุคนั้น ทำให้สามารถทิ้งระเบิดแบบ "Toss bombing" (โยนระเบิด) เพื่อเพิ่มโอกาสรอดให้กับนักบินได้

ปัญหาสารพัดและความท้าทายในการใช้งาน

แม้จะมีความสามารถที่โดดเด่น แต่ F-105 ก็มีปัญหาตั้งแต่แรกเริ่ม

ชื่อเล่น: มันถูกเรียกขานว่า "Thud" หรือ "Lead Sled" (เลื่อนตะกั่ว) จากนักบินและช่างซ่อมบำรุง เนื่องจากเป็นเครื่องบินที่ควบคุมได้ยาก, มีการบินขึ้นและลงจอดที่อันตราย และมักประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้ง

ความน่าเชื่อถือ: มีปัญหาทางเทคนิคมากมาย ทำให้ต้องจอดเพื่อซ่อมบำรุงบ่อยๆ และชื่อเสียงด้านอุบัติเหตุกลางอากาศก็เป็นที่รู้จักกันดี

เปลี่ยนสนามรบ: จากสงครามนิวเคลียร์สู่เวียดนาม

เมื่อสงครามเวียดนามเริ่มต้นขึ้น บทบาทของ F-105 ก็เปลี่ยนไป มันไม่ได้ทำภารกิจทิ้งระเบิดนิวเคลียร์อย่างที่ตั้งใจ แต่กลายเป็นเครื่องบินหลักของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในภารกิจโจมตีทางอากาศแทน

ความสามารถในการทิ้งระเบิด: ด้วยน้ำหนักบรรทุกที่มหาศาล F-105 จึงเป็นเครื่องบินที่เหมาะสำหรับการโจมตีภาคพื้นดินในพื้นที่ป่าทึบของเวียดนาม

จุดอ่อนในสมรภูมิใหม่:

อ่อนแอในการต่อสู้กลางอากาศ: เนื่องจากมีขนาดใหญ่และบรรทุกระเบิดหนัก ทำให้ F-105 กลายเป็น "เหยื่อที่ง่าย" เมื่อถูกโจมตีจากเครื่องบินรบ MiG ที่ว่องไวกว่า

เป้าที่ชัดเจน: การบินต่ำทำให้มันเสี่ยงต่อการถูกยิงจากปืนต่อต้านอากาศยานภาคพื้นดิน และเมื่อระบบไฮดรอลิกเสียหาย มันก็จะตกลงอย่างรวดเร็ว

ภารกิจ Wild Weasel: ภารกิจที่อันตรายที่สุด

เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ (SAM) ของเวียดนามเหนือ F-105 ได้ถูกปรับใช้ในภารกิจใหม่ที่เรียกว่า "Wild Weasel"

แนวคิด: นักบินจะบินเข้าไปในพื้นที่ที่มีขีปนาวุธของศัตรู เพื่อล่อให้เรดาร์ของระบบป้องกันภัยทำงาน จากนั้นจะใช้ขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์เพื่อทำลายแหล่งที่มาของเรดาร์นั้น

ความเสี่ยง: ภารกิจนี้อันตรายอย่างยิ่ง มีอัตราการสูญเสียสูง แต่นักบิน F-105 รุ่นสองที่นั่งก็สามารถปฏิบัติภารกิจนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุดจบและมรดก

สงครามเวียดนามทำให้ F-105 ต้องสูญเสียอย่างมหาศาล

อัตราการสูญเสีย: เกือบครึ่งหนึ่งของ F-105 ที่ผลิตขึ้นทั้งหมด 833 ลำ สูญหายในเวียดนาม (334 ลำถูกยิงตกโดยตรง) และเมื่อรวมสาเหตุอื่นๆ F-105 กว่า 600 ลำต้องสูญเสียไป ซึ่งเท่ากับเกือบสามในสี่ของจำนวนการผลิตทั้งหมด

การปลดประจำการ: F-105 เป็นเครื่องบินรบอเมริกันเพียงลำเดียวที่ถูกปลดประจำการก่อนกำหนด เนื่องจากมีจำนวนเครื่องบินที่สูญเสียไปมากเกินไป

บทสรุปของบทความระบุว่า แม้ F-105 จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่โดดเด่นในบางภารกิจ (เช่น Wild Weasel) แต่มันก็ถูกออกแบบมาเพื่อภารกิจที่แคบเกินไป ทำให้ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนของสงครามเวียดนามได้ และท้ายที่สุด ชื่อเสียงของมันก็ถูกผูกติดอยู่กับสงครามที่ล้มเหลว และไม่สามารถขึ้นสู่สถานะเครื่องบินรบในตำนานได้ แม้ว่านักบินหลายคนจะยังคงรักและชื่นชมมันก็ตาม
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่