สารคดีประวัติศาสตร์ A-3 Skywarrior วาฬยักษ์ผู้แบกนิวเคลียร์

สารคดีประวัติศาสตร์ A-3 Skywarrior วาฬยักษ์ผู้แบกนิวเคลียร์

Douglas A-3 Skywarrior ซึ่งเป็นเครื่องบินที่มีความขัดแย้งในตัวเองอย่างน่าทึ่ง โดยเริ่มต้นจากการเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์บนเรือบรรทุกเครื่องบิน และต่อมาได้ถูกจดจำในบทบาทอเนกประสงค์หลากหลาย บทบาทที่โดดเด่นของมันคือการเป็นอากาศยานที่ใหญ่และหนักที่สุดที่ปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินอย่างสม่ำเสมอ จนได้รับฉายาว่า "The Whale" หรือ "วาฬ"

1. กำเนิดแห่งยักษ์ใหญ่: ความจำเป็นในยุคสงครามเย็น
ความจำเป็น: หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพเรือสหรัฐฯ ต้องการความสามารถในการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากฐานทัพเรือลอยน้ำ เพื่อทัดเทียมกับกองทัพอากาศที่เพิ่งก่อตั้ง

ข้อกำหนดดั้งเดิม: กองทัพเรือออกข้อกำหนดให้เครื่องบินบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์หนัก 10,000 ปอนด์ และมีน้ำหนักรวมขณะบินขึ้นสูงถึง 100,000 ปอนด์

วิสัยทัศน์ของ Ed Heinemann: เอ็ด ไฮน์แมนน์ หัวหน้าฝ่ายออกแบบของ Douglas Aircraft เสนอแบบเครื่องบินที่เบากว่า (68,000 ปอนด์) โดยคาดการณ์ว่าอาวุธนิวเคลียร์จะมีขนาดเล็กลง และออกแบบให้สามารถปฏิบัติการจากเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Midway ที่มีอยู่แล้วได้

คุณลักษณะการออกแบบ:

โครงสร้างปีกสูง (High-wing): เพื่อรองรับห้องเก็บระเบิดภายในที่กว้างขวางสำหรับอาวุธนิวเคลียร์ขนาดใหญ่

กลไกการพับเก็บ: ปีกสามารถพับขึ้นและแพนหางดิ่งสามารถพับในแนวนอนได้ เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่จำกัดบนเรือ

เครื่องยนต์: ใช้เครื่องยนต์ Pratt & Whitney J57 ที่ทรงพลังแทนเครื่องยนต์ Westinghouse J40 ที่มีปัญหา

จุดที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียง: ไม่มีการติดตั้งเก้าอี้ดีดตัว (Ejection Seat) เพื่อลดน้ำหนักถึง 3,500 ปอนด์ แต่ใช้ระบบทางลาดหนีภัย (Escape Chute) แทน ทำให้ลูกเรือเรียกมันว่า "All Three Dead" (ตายทั้งสามคน) เนื่องจากความเสี่ยงสูงในช่วงวิกฤต

2. หัวหอกนิวเคลียร์แห่งกองทัพเรือ
บทบาทดั้งเดิม: ในช่วงทศวรรษ 1950 Skywarrior คือหัวใจสำคัญของอำนาจการป้องปรามนิวเคลียร์ของกองทัพเรือ ก่อนจะมีเรือดำน้ำขีปนาวุธ Polaris

การประจำการ: ถูกจัดตั้งในหน่วย ปีกโจมตีหนัก (Heavy Attack Wings - HATWINGs) และเตรียมพร้อมบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ภายใต้แผน SIOP (Single Integrated Operational Plan)

ความสำคัญลดลง: บทบาทนิวเคลียร์เริ่มลดลงในช่วงกลางทศวรรษ 1960 หลังจากการประสบความสำเร็จของโครงการเรือดำน้ำติดขีปนาวุธ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องปรามและเอาตัวรอดได้สูงกว่า

3. บทพิสูจน์กลางสมรภูมิ: วาฬในสงครามเวียดนามสงครามเวียดนามคือเวทีที่

Skywarrior พิสูจน์คุณค่าในฐานะอากาศยานสนับสนุนทางยุทธวิธีที่หลากหลาย:

A-3 ถูกใช้ในภารกิจทิ้งระเบิดแบบดำดิ่งอย่างแม่นยำที่สุด แม้จะไม่มีกล้องเล็งสำหรับทิ้งระเบิด (นักบินต้องใช้ทักษะล้วนๆ) ก่อนจะถูกสั่งห้ามเพราะความกังวลด้านภาพลักษณ์

KA-3B ได้รับการยกย่องเป็น "มาตรฐานทองคำ" ของเครื่องเติมเชื้อเพลิงในยุคนั้น โดดเด่นด้านความเสถียรและปริมาณเชื้อเพลิงมหาศาล พัฒนายุทธวิธี "Wet Wing Tanking" เพื่อช่วยชีวิตเครื่องบินที่ถูกยิงกลับไปถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน

RA-3B ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนถ่ายภาพและตรวจจับการเคลื่อนไหว (โดยใช้ IR) ในระดับความสูงต่ำเหนือเวียดนามเหนือและเส้นทางโฮจิมินห์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูง

EA-3B ทำหน้าที่รวบรวมข่าวกรองอิเล็กทรอนิกส์ (ELINT) ดักจับและวิเคราะห์สัญญาณเรดาร์ของข้าศึก (SAM) และส่งข้อมูลเตือนภัยแบบเรียลไทม์เพื่อปกป้องฝูงบินโจมตี

A-3 เคยได้รับมอบหมายภารกิจลอบวางทุ่นระเบิดที่ท่าเรือไฮฟองในปี 1967 โดยบินระดับต่ำมาก (50 ฟุต) แต่ถูกยกเลิกหลังการสูญเสียเครื่องบินนำร่อง

4. แพลตฟอร์มแห่งความอเนกประสงค์: นานาโฉมหน้าของ Skywarrior
ศักยภาพในการเติบโต (Growth Potential): โครงสร้างที่ใหญ่ แข็งแกร่ง และมีพื้นที่ภายในกว้างขวาง ทำให้สามารถดัดแปลงและติดตั้งระบบอุปกรณ์ที่แตกต่างกันได้ง่าย เป็นกุญแจสำคัญที่มีอายุการใช้งานยาวนาน

รุ่นที่สำคัญ:

EKA-3B: ผสมผสานความสามารถเป็นทั้งเครื่องเติมเชื้อเพลิง (Tanker) และเครื่องสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare)

TA-3B: รุ่นฝึกนักบิน/เจ้าหน้าที่นำร่อง

ERA-3B: รุ่นสำหรับฝึกซ้อมรบทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Aggressor)

B-66 Destroyer: กองทัพอากาศได้นำการออกแบบของ A-3 ไปพัฒนาต่อยอดเป็นเครื่องบิน B-66 Destroyer ซึ่งมีรูปลักษณ์คล้ายกัน แต่ถูกติดตั้งเก้าอี้ดีดตัว (Ejection Seat) ให้กับลูกเรือ

5. ประสบการณ์การบิน: การควบคุมวาฬยักษ์
ความท้าทาย: การบังคับเครื่องบินที่ใหญ่และหนักที่สุดของกองทัพเรือขึ้นลงบนเรือบรรทุกเครื่องบิน

ลักษณะเฉพาะ: ใช้ พวงมาลัยบังคับ (Yoke) แทนคันบังคับแบบแท่ง (Stick) และมีคันเร่งอยู่ทางด้านขวา

ข้อบกพร่องร้ายแรง: ระบบไฮดรอลิกและไฟฟ้า ถูกขับเคลื่อนโดยกังหันอากาศที่ใช้ลมจากเครื่องยนต์ (Bleed Air) ซึ่งอาจหยุดทำงานหากเครื่องบินเข้าสู่สภาวะ แรง G ติดลบ (Negative Gs) นานเกินไป ทำให้สูญเสียระบบสำคัญทั้งหมด

เรื่องราวความกล้าหาญ: ทอม แม็กซ์เวลล์ นักบิน KA-3B ตัดสินใจ ขัดคำสั่ง กองเรือที่ 7 บินลึกเข้าไปในเวียดนามเหนือเพื่อเติมเชื้อเพลิงช่วยชีวิตนักบิน F-8 Crusader ที่กำลังเชื้อเพลิงหมด ซึ่งแสดงถึงความผูกพันในหมู่นักบิน


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่