สารคดีประวัติศาสตร์ A-1 Skyraider ตำนานเครื่องบินลูกสูบในยุคเจ็ต

สารคดีประวัติศาสตร์ A-1 Skyraider ตำนานเครื่องบินลูกสูบในยุคเจ็ต
Douglas A-1 Skyraider เครื่องบินโจมตีเครื่องยนต์ลูกสูบที่ถูกมองว่าล้าสมัย (anachronism) แต่กลับมีบทบาทสำคัญและยาวนานในยุคเครื่องบินเจ็ต โดยเฉพาะในสงครามเกาหลีและสงครามเวียดนาม

บทนำ: อนาครอนิซึมที่กลายเป็นตำนาน
นิยาม: A-1 Skyraider เป็นเครื่องบินลูกสูบที่มีขนาดใหญ่และดู "ผิดยุคผิดสมัย" ในยุคเครื่องบินเจ็ต

ฉายา: ถูกเรียกว่า "Spad" (ตามชื่อเครื่องบินรบยุคสงครามโลกครั้งที่ 1) ในเชิงดูแคลน แต่ต่อมาได้กลายเป็นความเคารพ

ข้อได้เปรียบ: มีความแข็งแกร่งทนทาน, พลังการบรรทุกอาวุธมหาศาล, และความแม่นยำสูงในการโจมตีสนับสนุนภาคพื้นดิน ซึ่งเครื่องบินเจ็ตยุคแรกทำไม่ได้

1. กำเนิดของมังกรพิฆาต: การออกแบบที่ท้าทายขนบ
ความจำเป็น: กองทัพเรือสหรัฐฯ ต้องการเครื่องบินโจมตีที่นั่งเดี่ยวระยะไกลเพื่อทดแทนเครื่องบินทิ้งระเบิดดำดิ่งที่มีปัญหา เช่น Curtiss Helldiver

ตำนานการออกแบบ: เอ็ด ไฮน์แมนน์ (Ed Heinemann) และทีมออกแบบของ Douglas Aircraft ได้สร้างภาพร่างเครื่องบินขึ้นมาใหม่ทั้งหมดในคืนเดียวในปี 1944

ปรัชญาการออกแบบ: เน้น ความเรียบง่าย ทรงพลัง และอเนกประสงค์ โดยการ:

ลดน้ำหนัก ด้วยการตัดห้องเก็บระเบิดภายในออก และใช้จุดติดตั้งอาวุธใต้ปีกแทน

ใช้ เครื่องยนต์ดาว Wright R-3350 Duplex-Cyclone ที่มีกำลังกว่า 2,700 แรงม้า

มีความสามารถในการบรรทุกสูง โดยมีจุดติดตั้งอาวุธมากถึง 15 จุด สามารถบรรทุกอาวุธได้ถึง 14,000 ปอนด์ ซึ่งมากกว่าน้ำหนักตัวเปล่าของมันเอง

2. บทพิสูจน์แรก: สมรภูมิเกาหลี
บทบาทหลัก: เป็นกระดูกสันหลังของฝูงบินโจมตีจากเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือและนาวิกโยธินสหรัฐฯ

ข้อได้เปรียบเหนือเจ็ต: สามารถบินต่อเนื่องได้นาน (loiter time) ถึง 10 ชั่วโมง เพื่อรอให้การสนับสนุนทางอากาศแก่ทหารราบได้อย่างทันท่วงที

วีรกรรม:

ภารกิจโจมตีเขื่อนฮวาชอน: ใช้อาวุธตอร์ปิโดดัดแปลงโจมตีเขื่อนในปี 1951

ชัยชนะทางอากาศ: AD-4 ลำหนึ่งสามารถยิงเครื่องบินสองปีก Polikarpov Po-2 ของโซเวียตตกได้

การปรับปรุง: มีการเพิ่ม แผ่นเกราะอะลูมิเนียม ใต้ท้องเครื่องและข้างห้องนักบินเพื่อป้องกันการยิงต่อสู้อากาศยานภาคพื้นดิน

3. ชั่วโมงที่รุ่งโรจน์ที่สุด: สงครามเวียดนาม
บทบาทใหม่: ถูกนำกลับมาใช้งานอย่างกว้างขวางโดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ (USAF) และกองทัพอากาศเวียดนามใต้ (RVNAF)

Close Air Support (CAS): ความเร็วต่ำและความทนทานทำให้มันเป็น ราชาแห่งการสนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด เนื่องจากสามารถโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินได้อย่างแม่นยำและทนต่อการยิงอาวุธเบาได้ดีกว่าเครื่องบินเจ็ต

ตำนานพิฆาต MiG: Skyraider สามารถยิงเครื่องบินไอพ่น MiG-17 ตกได้ถึง 2 ครั้ง โดยเป็นการสังหารด้วยปืนครั้งแรกในสงครามเวียดนาม

ภารกิจ "Sandy": บทบาทที่โด่งดังที่สุดคือภารกิจ Combat Search and Rescue (CSAR) โดยทำหน้าที่เป็นเครื่องบินคุ้มกัน (Sandy) ให้กับเฮลิคอปเตอร์กู้ภัย HH-3E "Jolly Green Giant" ด้วยการ "ล่อให้ยิง" (trolling for fire) เพื่อเปิดทางให้เฮลิคอปเตอร์เข้าช่วยเหลือ นักบินหลายนายได้รับ Medal of Honor จากภารกิจนี้

RVNAF: Skyraider เป็นเครื่องบินโจมตีหลักของเวียดนามใต้ นักบินเวียดนามใต้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการบินรบกับเครื่องบินรุ่นนี้

4. ภารกิจสุดท้ายและการหลบหนีอันน่าทึ่ง
ปลดประจำการของ ทร.สหรัฐฯ: กองทัพเรือสหรัฐฯ ปลดประจำการ Skyraider อย่างเป็นทางการในปี 1968

การล่มสลายของไซ่ง่อน: ในปี 1975 นักบิน RVNAF จำนวนมากนำ Skyraider หนีไปยังฐานทัพอากาศอู่ตะเภาในประเทศไทย

ปฏิบัติการกู้ชีพฝูงบิน Spad: นักบินอเมริกันสองคนคือ โรเจอร์ ยังบลัด และ แจ็ค ดรัมมอนด์ ได้รับภารกิจลับให้กู้คืน Skyraider ที่ถูกทิ้งไว้ในสภาพทรุดโทรมที่อู่ตะเภา และสามารถนำเครื่องบิน 4 ลำกลับสู่สหรัฐฯ ได้สำเร็จ

5. มุมมองจากนักบินและมรดกที่ยั่งยืน
เสียงจากห้องนักบิน: นักบินยกย่องในเรื่อง ความไว้ใจได้, พละกำลังมหาศาล และเสถียรภาพ โดยเฉพาะในการปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบิน

มรดกที่ไม่มีใครแทนที่ได้: แม้จะพยายามหาเครื่องบินเจ็ตมาทดแทน แต่กองทัพเรือต้องใช้เครื่องบินเจ็ตถึง 3 รุ่น (Tracker, Sky Warrior, Skyhawk) เพื่อทำภารกิจที่ Skyraider เคยทำได้ด้วยลำเดียว

การรับใช้นานาชาติ: Skyraider ถูกใช้งานในกองทัพของหลายประเทศ เช่น สหราชอาณาจักร (ในภารกิจ AEW และวิกฤตการณ์คลองสุเอซ), ฝรั่งเศส (ในสงครามแอลจีเรียและชาด) และ สวีเดน (สำหรับลากเป้า)

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่