JJNY : สภาฯวุ่น 3 พรรคเหน็บกันนัว│รองผู้ว่าฯกทม. รุดตรวจพื้นที่น้ำซึม│หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง│โดรนปริศนาป่วนสนามบินเดนมาร์ก

สภาฯวุ่น 3 พรรคเหน็บกันนัว ใครไม่มา โหวตกม.อากาศสะอาด ภท.อัดพท. ใช้หาเสียงแท้ๆ ให้คนอื่นแบก
https://www.matichon.co.th/politics/news_5383062
.
.
สภาฯ เบรก ร่างกม.อากาศสะอาด หลังมีปัญหาองค์ประชุม “พท.” ชงให้ถก “ถนนสามเสนทรุด”หวังเสนอแนะทางออกให้ “อนุทิน” ไปแก้ปัญหาให้คนกรุง ทำ “ภท.-พท.-ปชน.”เหน็บกันนัว ใครทำองค์ประชุมไม่ครบ
.
เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 25 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายไชยา พรหมา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญ ซึ่งมี นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นประธานกมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ โดยใช้เวลาทำเนื้อหาสาระ นานกว่า 1 ปี 8 เดือน ก่อนเสนอให้สภาฯ พิจารณาวาระ 2 และวาระ 3
.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดนั้น กมธ.มีการแก้ไขเพิ่มเติม และเพิ่มบางมาตราขึ้นใหม่ ทำให้มีเนื้อหาเกือบ 300 มาตรา ทำให้นายไชยา แจ้งกับที่ประชุมก่อนเริ่มพิจารณาว่า เนื้อหาสาระมีผู้ขออภิปรายน้อย แต่ต้องใช้การลงมติเกือบทุกมาตรา
.
ผู้สื่อข่าวรายงาานว่า บรรยากาศของการประชุมต้องใช้เวลารอองค์ประชุมนานกว่า 5 นาที ตั้งแต่มาตราแรก จนถึงมาตรา 15 พบว่า มีผู้แสดงตนเป็นองค์ประชุมเกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 6-7 เสียงเท่านั้น และเมื่อที่ประชุมได้พิจารณามาถึง มาตรา 16 พบว่า บรรยากาศการประชุมเริ่มตึงเครียด เนื่องจากต้องใช้เวลารอองค์ประชุมนานเกือบ 10 นาที และเลยเวลา 12.00 น.ทำให้ นพ.ภูมินทร์ ลีกิจธีรประเสริฐ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคเพื่อไทย หารือว่า ขอให้พักการประชุมเพื่อให้ไปรับประทานอาหารกลางวัน แต่หากที่ประชุมไม่พักตนจะขอพักเอง
.
ทั้งนี้ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า ตนไม่ขัดข้องที่จะพักการประชุม เพราะเห็นใจ ส.ส. แต่ตนชักเหลืออด ในห้องประชุม ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ส.ส.พรรคประชาชน นั่งครบ แต่พรรคไหนหายไปตนขอไม่พูด หากพักทานข้าวขอให้แจ้งส.ส.ทุกพรรคกลับมาเป็นองค์ประชุม มาร่วมทำกฎหมายที่ครม.ชุดที่แล้วเสนอ และคนที่นำไปหาเสียงไม่ใช่พรรคตน แต่พรรคตนต้องมาแบก ตั้งแต่เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่านมา
.
“หากทำแบบนี้ 50-60 คน ผมพร้อมถอนฟืนจากไฟ หากอะไรจะเกิดก็เกิด ในห้องประชุม กมธ.ที่นั่งอยู่เห็นแบบเดียวกัน แต่ประชาชนมองไม่เห็น ว่าใครที่หายไป ดังนั้นหากอยู่ในสภาพนี้ ขอให้ถอนออกไป หากกมธ.ตามพรรคพวกไม่ได้ ขอให้ถอน พร้อมเมื่อไรก็กลับมา สภาเหลือเวลาไม่มาก จะได้ใช้เวลาพิจารณากฎหมายฉบับอื่น ที่ส.ส.เห็นความสำคัญมากกว่านี้” นายกรวีร์ กล่าว
.
ขณะที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยลุกขึ้นชี้แจงว่า สส.พรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญกับร่างกฎหมายฉบับนี้ และสส.พร้อมอยู่ในห้องประชุม หากไม่พักประชุมต้องให้ ส.ส.หลับกันไป ทำให้นายไชยา กล่าวว่า ขอให้แสดงตนก่อน และจะพิจารณาว่าจะให้พักหรือไม่ ทั้งนี้พบว่าต้องใช้เวลารอสมาชิกแสดงตนเกือบ 10 นาที
.
ทำให้ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า ยอมรับว่ากฎหมายฉบับนี้ ลงมติต่อเนื่องเยอะที่สุดตั้งแต่มีสภาฯมา ตนไม่มีปัญหาหากพักประชุม แต่ไม่มั่นใจว่าพักแล้วจะไม่หนี ดังนั้นตนขอว่าหากองค์ประชุมไม่ครบ ให้แจ้งและปิดประชุมจะได้รู้ว่าหายไปกี่คน
.
อย่างไรก็ตามเมื่อปิดการแสดงตน พบว่ามี ส.ส.มาแสดงตนเป็นองค์ประชุม 253 คน เกินองค์ประชุมที่ต้องใช้ 246 เสียง มาเพียง 7 เสียงเท่านั้น จากนั้นได้ลงมติผ่านมาตรา 16 ก่อนจะพักประชุมไป 40 นาที
.
เมื่อกลับมาประชุมอีกครั้ง นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ขอปรึกษากับที่ประชุมว่า ขอให้พักการพิจารณาร่างพ.ร.บ.บริหารจัดการอากาศสะอาดออกไปก่อน และเลื่อนไปประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อให้สภาฯ หารือต่อปัญหาเฉพาะหน้า คือ ถนนสามเสน ช่วงหน้าวชิรพยาบาลทรุดเป็นหลุมลึก เพราะทำให้ประชาชนขวัญผวา และเป็นโอกาสที่สภาฯ จะหารือเสนอแนะให้ นายอนุทิน ชายวีรกูล นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พิจารณาสิ่งที่เป็นประโยชน์คนกทม. รวมถึงขวัญกำลังใจ ความมั่นคงของวิศะกรรมของประเทศไทยในการสร้างรถไฟ
.
อย่างไรก็ตาม ส.ส.พรรคประชาชนเห็นแย้งและขอให้เดินหน้าต่อ โดย นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ว่า อากาศสะอาด หรือถนนทรุด อะไรสำคัญกว่ากัน แต่คือ พรรคเพื่อไทยไม่สามารถให้คนมาร่วมประชุมได้ ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้า ตนจับเวลาพบว่า แม้ไม่มีการอภิปราย แต่ต้องใช้เวลารอองค์ประชุม 3-8 นาที ดังนั้นเมื่อคิดเวลา 300 มาตรา ทำให้ต้องเสียเวลา ถึง15 ชั่วโมง เพื่อรอพรรคเพื่อไทยเป็นองค์ประชุม
.
ทำให้ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โต้แย้งว่าตนแจ้งว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทย พยายามเป็นองค์ประชุม ให้ความร่วมมือ ตนอยากให้กฎหมายผ่าน และมีอีกหลายฉบับที่รอเข้าสู่วาระของสภาฯ แต่ไม่อยากให้กล่าวหากันเพราะไม่ถูกต้อง และในฐานะฝ่ายค้านได้รับผิดชอบต่อองค์ประชุม ไม่เหมือนบางพรรคที่ประกาศว่าอยู่อย่างไร้ตัวตนก่อนหน้านี้
.
ทั้งนี้ ก่อนที่ประชุมจะโต้แย้งกันนานกว่านี้ นายไชยา วินิจฉัยว่าขอให้ที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. จนถึงส่วนที่ 3 ไปพอสมควร ก่อนจะเลื่อนการพิจารณาไปสัปดาห์ถัดไป เพื่อให้สภาฯ พิจารณาถึงประเด็นถนนทรุด
.
ทำให้นายจักรพล ชี้แจงว่าขอความร่วมมือสภาฯ พิจารณาเนื้อหา ซึ่งร่างกฎหมายนี้ทำมา 1 ปี 8 เดือน ผลักดันมานาน ยอมรับว่าเมื่อมีร่างกฎหมายเสนอมา 7 ฉบับต้องพิจารณาให้รอบคอบและมีมาตรากว่า 278 มาตรา ดังนั้นขอความร่วมมือให้ผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตามหากจะเลื่อนออกไปเป็นการประชุมครั้งถัดไป ก็ไม่ขัดข้อง.
.

.
รองผู้ว่าฯกทม. รุดตรวจพื้นที่น้ำซึมห่างรพ.วชิระ 2 กม. ไม่พบคลอรีนในน้ำ ส.ส.ปชน.เผย ถนนยุบตัวตามแรงเหยียบ
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5382669
.
รองผู้ว่าฯกทม.รุดตรวจ พื้นที่พบน้ำซึม ห่างรพ.วชิรพยาบาล 2 กม. กปน.เผยผลตรวจน้ำ ไม่พบคลอรีน ด้าน ส.ส.ปชน. เผย ถนนยุบตัวตามแรงเหยียบ
.
เมื่อวันที่ 25 กันยายน หลังจากเกิดเหตุถนนทรุดบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ส่งผลให้เกิดหลุมยุบกลางถนนหน้า สน.สามเสน เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตรวจพบจุดน้ำซึมบนผิวจราจรบริเวณเส้นเกียกกาย หน้าโรงงานบุญรอด ห่างจากจุดหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล 2 กิโลเมตร
.
ล่าสุด น.ส.ภัสริน รามวงศ์ หรือ กานต์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ได้โพสต์ผ่านแอพพลิเคชั่นเอ็กซ์ กานต์ ภัสริน รามวงศ์ Patsarin Ramwong ระบุว่า
.
เวลา 10.10 น. อัพเดตสถานการณ์บริเวณเส้นเกียกกาย (หน้าโรงงานบุญรอด) การประปานครหลวงและรฟม. เข้าตรวจสอบผิวถนน ยังพบน้ำรั่วซึมต่อเนื่อง

เจ้าหน้าที่กำลังเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ ล่าสุดเจ้าหน้าที่เหยียบบริเวณถนน มีการยุบตัวตามแรงเหยียบ มีการปิดช่องจราจรเพิ่มเติมอีก 1 ช่องเป็น 2 ช่องจราจร โปรดวางแผนการเดินทางและหลีกเลี่ยง เส้นทางหากไม่จำเป็น
.
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักการโยธาและเจ้าหน้าที่การประปานครหลวง ลงพื้นที่ตรวจสอบเหตุพบน้ำซึม ถนนพองตัว และยุบตัวลง โดยเจ้าหน้าที่การประปานครหลวงทำการตรวจสอบน้ำที่ซึมออกมา เบื้องต้นไม่พบว่ามีคลอรีน และกำลังตรวจสอบท่อเมนประธานส่งน้ำว่ามีรั่วซึมหรือไม่
.
ด้าน นายพิภพ (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี เจ้าของร้านขายหมูมณี ที่อยู่ใกล้กับบริเวณจุกซึมของน้ำ บอกกับ ทีมข่าวว่า เมื่อ 2-3 วันที่แล้วเห็นพื้นถนนเปียก แต่จนไม่ได้คิดอะไรมาก เนื่องจากมีฝนตก แต่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ถนนยังคงเปียกอยู่ทั้งที่ฝนไม่ตก ส่วนตัวมองว่าแปลก จึงสังเกตบริเวณถนนก็พบว่ามีน้ำซึม มาจากยางมะตอยและพบว่าถนนมีความพริ้วและถ
.
บวมขึ้น ส่วนตัวจึงได้นำเก้าอี้ไปกั้นไว้เพื่อไม่ให้รถสัญจรผ่านถนนดังกล่าวและป้องกันการกระแทก และขณะนั้นตนเห็นเจ้าหน้าที่ของ รฟม. เดินผ่านมาจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ช่วยตรวจสอบบริเวณดังกล่าว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้นำกรวย แบริเออรวมถึงธงมาตั้งไว้ ยอมรับว่าส่วนตัวกลัว และกังวล ว่าจะเกิดเหตุเหมือนบริเวณถนนสามเสน แต่ถ้าหากเกิดเหตุรุนแรงก็ได้เตรียมพร้อมในเรื่องของน้ำและไฟไว้เบื้องต้นแล้ว แต่ถ้าถึงขั้นรุนแรงกว่านั้นก็ต้องย้ายออกเพื่อความปลอดภัย
.
https://x.com/GarnPatsarin/status/1971055176858714621
.

.
ภาวะหนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง เพิ่ม 22% แตะ 7.4 แสนบาท สูงสุดรอบ 4 ปี แนะรัฐเร่งกระตุ้นจีดีพี
https://www.matichon.co.th/economy/news_5382968
.
ภาวะหนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง ปีเดียวเพิ่ม 22% แตะ 7.4 แสนบาท สูงสุดรอบ 4 ปี  แนะรัฐเร่งกระตุ้นจีดีพี
.
วันที่ 25 กันยายน นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยปี 2568 สำรวจประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,716 ราย ระหว่างวันที่ 15-22 กันยายน พบว่า ครัวเรือนไทยส่วนใหญ่ 30.9% มีรายเฉลี่ย 5,0001-100,000 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่ 46.3 % ไม่เคยเก็บออมเงินไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน
.
ส่วนกลุ่มคนมีการเก็บออมก็เก็บออมได้ลดลง ทั้งนี้ เปรียบเทียบสถานะทางการเงินของครัวเรือนปี 2568 กับปี 2567 ส่วนใหญ่ 44.5% ระบุมีสถานะเหมือนเดิม
.
ขณะที่ 28.4% ระบุแย่ลง 20.7% ระบุแย่ลงมาก เพียง 6.4 % ระบุดีขึ้นถึงดีมาก ส่วนสถานะรายได้เทียบกับรายจ่าย ส่วนใหญ่ 47.3% ระบุมีเงินเหลือเก็บ แต่ 22.2% ระบุเงินไม่เพียงพอใช้จ่าย กลุ่มนี้ 39.9 % แก้ปัญหาด้วยการกู้ยืม อันดับแรกคือกดเงินสดจากบัตรเครดิต ตามด้วย กู้ธนาคารพาณิชย์ กู้จากธนาคารเฉพาะกิจ เป็นต้น โดยรวม 38.2% ระบุค่าครองชีพสูงเป็นสาหตุหลักทำให้ความเป็นอยู่แย่ลง
.
เมื่อถามถึงภาวะหนี้ของครัวเรือนในปี 2568 ว่า เพียง 4.9% ระบุไม่มีหนี้ ส่วนใหญ่ 95.1 % ระบุว่ามีหนี้ และเป็นหนี้เฉลี่ย 740,596.94 บาทต่อครัวเรือน ต้องผ่อนชำระ 22,022.08 บาทต่อเดือน ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในระบบสัดส่วน 65.0% และ ผ่อนชำระ 20,330บาท/เดือน อีก 35%เป็นหนี้นอกระบบ และผ่อนชำระ 8,023/เดือน ส่วนใหญ่ 46.8 % เป็นหนี้บัตรเครดิต รองลงมา คือ หนี้ที่อยู่อาศัย และ ยานพาหนะ การก่อหนี้นั้น พบว่า อาชีพราชการก่อหนี้ยานพาหนะมากสุด อาชีพรับจ้างก่อหนี้สินเชื่อบัครเครดิต เจ้าของกิจการก่อหนี้ที่อยู่อาศัย พนักงานเอกชนก่อหนี้บัตรเครดิต และเกษตกรก่อหนี้สินเชื่อเพื่อการเกษตร เมื่อแยกเฉพาะหนี้บัตรเครดิต พบว่า ส่วนใหญ่ใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภค รองลงมาคือซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส ประกอบธุรกิจ และซื้อสินค้าคงทน
.
เมื่อด้านความสามารถในการชำระหนี้ในปัจจุบัน พบว่า ส่วนใหญ่ 59.3 % ระบุว่าสามารถชำระได้ตามกำหนด อีก 24.3 % ชำระได้ไม่เกิน6เดือน ส่วน 15.6% ชำระได้ไม่เกิน 3 เดือน และ 0.8% ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ทั้งนี้ ช่วง 1 ปีที่ผ่านมา 74.4% ระบุเคยผิดนัดชำระหนี้ เพิ่มจากปีก่อนอยู่ที่ 71.6% ขณะที่ 25.6 % ระบุไม่เคยผิดนัด สาเหตุผิดนัดชำระหนี้ คือ รายได้ลดลง เศรษฐกิจไม่ดี มียอดชำระหนี้เพิ่มขึ้น และตกงาน ตามลำดับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่