จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณอดอาหาร 5 วัน 120 hrs. ดื่มแต่น้ำและเกลือแร่
* สมอง: เพิ่มความสามารถในการโฟกัสและการเรียนรู้
* การเผาผลาญไขมัน: กระตุ้นการสร้างคีโตน (Ketones) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานชั้นดี
* ออโตฟาจี (Autophagy): ร่างกายเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลส่วนที่เสียหายและสร้างเซลล์ใหม่
* ระบบภูมิคุ้มกัน: เกิดการรีเซ็ตระบบภูมิคุ้มกัน โดยมีการสร้างเม็ดเลือดขาวใหม่และเสริม Stem cells
* Growth Hormone: เพิ่มระดับ Growth Hormone ช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
* ลดการอักเสบ: ช่วยล้างสารพิษในร่างกายและลดการอักเสบ
สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
* วันที่ 1: ร่างกายใช้ไกลโคเจนที่สะสมไว้ ทำให้น้ำหนักลดลงจากน้ำ และระดับอินซูลินลดลง
* วันที่ 2: เริ่มเข้าสู่ภาวะคีโตซิส (Ketosis) อย่างจริงจัง และเริ่มกระบวนการออโตฟาจี
* วันที่ 3: ภาวะคีโตซิสเข้มข้นขึ้น สมองปลอดโปร่ง BDNF (Brain-Derived Neurotrophic Factor) เพิ่มขึ้นถึง 400% และระบบภูมิคุ้มกันเริ่มรีเซ็ต
* วันที่ 4: การเผาผลาญไขมันสูงสุด ความหิวลดลง และกระบวนการออโตฟาจีทำงานเต็มที่
* วันที่ 5: เป็นการต่อยอดจากประโยชน์ทั้งหมดที่ได้รับ และเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มกินอาหารใหม่ (refeed)
คำแนะนำ
* ดื่มน้ำและเกลือแร่: ควรเสริมด้วยเกลือทะเล, โพแทสเซียม, แมกนีเซียม และแคลเซียม
* เครื่องดื่มที่อนุญาต: ชาไม่มีคาเฟอีน, กาแฟดำ, น้ำมะนาว
* สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล (ACV), คอลลาเจน, และอาหารทุกชนิด
* กิจกรรมเสริม: รับแสงแดด, เดินในธรรมชาติ, อาบน้ำร้อนสลับเย็น
* การเริ่มกินอาหารใหม่ (Refeed): ควรเริ่มด้วยอาหารเบาๆ เช่น ไข่ 1 ฟอง หรือซุปอะโวคาโด แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณ
ผลลัพธ์สุดท้ายและข้อควรระวัง
หลังจากอดอาหารครบ 5 วัน ร่างกายจะได้รับการฟื้นฟูครั้งใหญ่ในระดับเซลล์ ทำให้ผิวหนัง, กล้ามเนื้อ, ข้อต่อ, และสมองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงมีการเปิดใช้งานยีนที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องดีเอ็นเอและไมโทคอนเดรีย
แนะควรเริ่มจาก Intermittent Fasting ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาในการอดอาหาร
เครดิต : ลอย ชุนพงษ์ทอง เรียบเรียง 19 กันยายน 2025
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออดอาหาร 5 วัน
* สมอง: เพิ่มความสามารถในการโฟกัสและการเรียนรู้
* การเผาผลาญไขมัน: กระตุ้นการสร้างคีโตน (Ketones) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานชั้นดี
* ออโตฟาจี (Autophagy): ร่างกายเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลส่วนที่เสียหายและสร้างเซลล์ใหม่
* ระบบภูมิคุ้มกัน: เกิดการรีเซ็ตระบบภูมิคุ้มกัน โดยมีการสร้างเม็ดเลือดขาวใหม่และเสริม Stem cells
* Growth Hormone: เพิ่มระดับ Growth Hormone ช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
* ลดการอักเสบ: ช่วยล้างสารพิษในร่างกายและลดการอักเสบ
สิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน
* วันที่ 1: ร่างกายใช้ไกลโคเจนที่สะสมไว้ ทำให้น้ำหนักลดลงจากน้ำ และระดับอินซูลินลดลง
* วันที่ 2: เริ่มเข้าสู่ภาวะคีโตซิส (Ketosis) อย่างจริงจัง และเริ่มกระบวนการออโตฟาจี
* วันที่ 3: ภาวะคีโตซิสเข้มข้นขึ้น สมองปลอดโปร่ง BDNF (Brain-Derived Neurotrophic Factor) เพิ่มขึ้นถึง 400% และระบบภูมิคุ้มกันเริ่มรีเซ็ต
* วันที่ 4: การเผาผลาญไขมันสูงสุด ความหิวลดลง และกระบวนการออโตฟาจีทำงานเต็มที่
* วันที่ 5: เป็นการต่อยอดจากประโยชน์ทั้งหมดที่ได้รับ และเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มกินอาหารใหม่ (refeed)
คำแนะนำ
* ดื่มน้ำและเกลือแร่: ควรเสริมด้วยเกลือทะเล, โพแทสเซียม, แมกนีเซียม และแคลเซียม
* เครื่องดื่มที่อนุญาต: ชาไม่มีคาเฟอีน, กาแฟดำ, น้ำมะนาว
* สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล (ACV), คอลลาเจน, และอาหารทุกชนิด
* กิจกรรมเสริม: รับแสงแดด, เดินในธรรมชาติ, อาบน้ำร้อนสลับเย็น
* การเริ่มกินอาหารใหม่ (Refeed): ควรเริ่มด้วยอาหารเบาๆ เช่น ไข่ 1 ฟอง หรือซุปอะโวคาโด แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณ
ผลลัพธ์สุดท้ายและข้อควรระวัง
หลังจากอดอาหารครบ 5 วัน ร่างกายจะได้รับการฟื้นฟูครั้งใหญ่ในระดับเซลล์ ทำให้ผิวหนัง, กล้ามเนื้อ, ข้อต่อ, และสมองดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงมีการเปิดใช้งานยีนที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องดีเอ็นเอและไมโทคอนเดรีย
แนะควรเริ่มจาก Intermittent Fasting ก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาในการอดอาหาร
เครดิต : ลอย ชุนพงษ์ทอง เรียบเรียง 19 กันยายน 2025