ขอออกตัวก่อนเลยว่าเป็นแฟนคลับของหมอป๊อบ และได้ตามดูคลิปต่างๆ ของคุณหมอจนเห็นว่ามีเหตุผลที่เชื่อถือได้
เพราะคุณหมอมักจะอ้างงานวิจัยต่างๆ ให้เห็นในคลิปต่างๆ
สำหรับบางท่านที่อาจจะเห็นต่างออกไปก็เคารพในการตัดสินใจนะครับ เพราะขนาดคุณหมอเอง พูดเรื่องนี้มาสามสี่ปีแล้ว
ช่วงแรกๆ ก็ยังเห็นต่างเลย จนปัจจุบันทางการแพทย์เริ่มยอมรับในเรื่องเบาหวานชนิดที่สองสามารถหายได้จริง
คงต้องออกตัวเหมือนคุณหมอว่า เป็นแค่การให้ความรู้ ไม่ได้บอกว่าดีไม่ดี ควรทำไม่ควรทำ ทั้งนี้ต้องประเมินจากร่างกายของแต่ละคนเอง
แค่หวังว่าคลิปความรู้ของคุณหมอจะทำให้ผู้คนลดความอ้วน ลดโรคเรื้อรังได้สำเร็จ
อันนี้สรุปจากคลิปนี้นะครับ ว่าเมื่อเราเว้นการกินเป็นช่วงๆ ร่างกายเกิดอะไรขึ้น ทำไมไขมันถึงถูกใช้เป็นพลังงาน
5 ระยะของการเข้าสู่ Fasted
1. หลังจากหยุดกินคำสุดท้าย ร่างกายจะอยู่ในสภาวะ Feeding stage ประมาณ 4 ชั่วโมง ร่างกายจะยังใช้พลังงานและเก็บพลังงานจากกลูโคสและกรดไขมันอยู่ เป็นช่วงที่กลูโคสยังสูงอยู่ เซลทุกเซลและสมองยังคงใช้กลูโคสเป็นพลังงานหลัก
2. หลังจาก 4-16 ชั่วโมง อินซูลินลดลง The mammalian target of rapamycin (mTOR) จะถูกกระตุ้นลดลง ในช่วงนี้น้ำตาลในเลือดจะมาจาก 2 แหล่ง หนึ่งคือไกลโครเจนที่เก็บไว้ที่ตับ สองคือเริ่มต้นกระบวนการ gluconeogenesis เป็นกระบวนการที่เอาสารอาหารอื่นมาสร้างเป็นกลูโคส ในขั้นนี้ร่างกายยังคงใช้น้ำตาลแต่จะลดการใช้ลง และฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ตรงกันข้ามกับอินซูลินคือฮอร์โมนที่เป็น Counter regulatory hormone ต่ออินซูลิน ได้แก่ กลูกากอน, cortisol, glucagon, noradrenaline, Catecholamines, growth hormoneฮอร์โมนเหล่านี้จะเริ่มบอกร่างกายให้กระตุ้นการสลายไกลโคเจน การสร้างกลูโคสที่ตับ และการใช้ พลังงานจากกรดไขมันและคีโคนบอดีที่ตับ รวมทั้งกระตุ้นการสลายไขมันที่เซลล์ไขมันเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานในร่างกาย ดังนั้นถ้าต้องการป้องกันโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดัน คุณต้องอดอาหารให้ถึงช่วงที่สองนี้ให้ได้
3. หลังจาก 16 ชั่วโมงจะเข้าสู่กระบวนการ gluconeogenesis อย่างจริงจัง ไกลโครเจนที่ตับ 100 กรัมปกติจะเก็บไว้ใช้ได้ 12-24 ชั่วโมง ส่วนไกลโครเจนที่กล้ามเนื้อ 300 กรัม ร่างกายจะไม่นำมาใช้ถ้าไม่จำเป็น ร่างกายจะสงวนไว้เช่นสมมติต้องหนีเสือ ร่างกายต้องการใช้พลังงานอย่างรวดเร็วก็จะนำมาใช้ได้ทันที ช่วงนี้ร่างกายจะเกิดกระบวนการที่เรียกว่า autophagy ขึ้น คือเมื่อไม่มีสารอาหารจากภายนอก ร่างกายจะเก็บเอาโปรตีนในร่างกายที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มารีไซเคิลใหม่ ซึ่งไม่ได้ไปแตะต้องเซลที่ดีเลย ผลที่ได้คือ anti aging คนอ้วนจะมีโปรตีนในร่างกายมากกว่าคนปกติ 20-50% กระบวนการ autophagy จะสลายโปรตีนส่วนเกินลงเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน คนลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ผิวหนังจึงไม่ย้วย ตอนนี้เซลทุกเซลและสมองจะได้พลังงานจากกระบวนการ gluconeogenesis นี้
4. ระยะที่เลย 24-30 ชั่วโมง จะเข้าสู่กระบวนการ ketosis คือร่างกายเริ่มจะเอากรดไขมันจากเซลไขมันมาสร้างเป็นคีโตน เมื่อสมองเริ่มรับรู้ว่าน้ำตาลเริ่มจะไม่เพียงพอ ก็จะส่งสัญญาณให้ร่างกายเริ่มเอาไขมันมาสลายเป็นคีโตน เนื่องจากสมองไม่สามารถใช้พลังงานจากกรดไขมันได้โดยตรง แต่คีโตนสามารถเข้าได้ สมองใช้คีโตนได้ดีกว่าน้ำตาล ทำให้มีความจำ มีสมาธิดีกว่า จึงมีการนำคีโตเจนิคไดเอ็ดไปใช้ในการรักษาโรคลมชักในเด็ก
5. ระยะ Protein Conservation เมื่อร่างกายพร่องสารอาหารต่างๆ แล้ว ซึ่งมักจะเลยวันที่สาม กลูโคสจะใช้พลังงานจากกลีเซอรอลจากไตรกลีเซอไรด์ โกรธ์ฮอร์โมนจะสูงมาก ร่างกายจะใช้ไขมันเป็นพลังงานหลักอย่างสมบูรณ์
IF เหตุและผลว่าทำไมถึงเป็นการลดน้ำหนักที่ได้ผล
เพราะคุณหมอมักจะอ้างงานวิจัยต่างๆ ให้เห็นในคลิปต่างๆ
สำหรับบางท่านที่อาจจะเห็นต่างออกไปก็เคารพในการตัดสินใจนะครับ เพราะขนาดคุณหมอเอง พูดเรื่องนี้มาสามสี่ปีแล้ว
ช่วงแรกๆ ก็ยังเห็นต่างเลย จนปัจจุบันทางการแพทย์เริ่มยอมรับในเรื่องเบาหวานชนิดที่สองสามารถหายได้จริง
คงต้องออกตัวเหมือนคุณหมอว่า เป็นแค่การให้ความรู้ ไม่ได้บอกว่าดีไม่ดี ควรทำไม่ควรทำ ทั้งนี้ต้องประเมินจากร่างกายของแต่ละคนเอง
แค่หวังว่าคลิปความรู้ของคุณหมอจะทำให้ผู้คนลดความอ้วน ลดโรคเรื้อรังได้สำเร็จ
อันนี้สรุปจากคลิปนี้นะครับ ว่าเมื่อเราเว้นการกินเป็นช่วงๆ ร่างกายเกิดอะไรขึ้น ทำไมไขมันถึงถูกใช้เป็นพลังงาน
5 ระยะของการเข้าสู่ Fasted
1. หลังจากหยุดกินคำสุดท้าย ร่างกายจะอยู่ในสภาวะ Feeding stage ประมาณ 4 ชั่วโมง ร่างกายจะยังใช้พลังงานและเก็บพลังงานจากกลูโคสและกรดไขมันอยู่ เป็นช่วงที่กลูโคสยังสูงอยู่ เซลทุกเซลและสมองยังคงใช้กลูโคสเป็นพลังงานหลัก
2. หลังจาก 4-16 ชั่วโมง อินซูลินลดลง The mammalian target of rapamycin (mTOR) จะถูกกระตุ้นลดลง ในช่วงนี้น้ำตาลในเลือดจะมาจาก 2 แหล่ง หนึ่งคือไกลโครเจนที่เก็บไว้ที่ตับ สองคือเริ่มต้นกระบวนการ gluconeogenesis เป็นกระบวนการที่เอาสารอาหารอื่นมาสร้างเป็นกลูโคส ในขั้นนี้ร่างกายยังคงใช้น้ำตาลแต่จะลดการใช้ลง และฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ตรงกันข้ามกับอินซูลินคือฮอร์โมนที่เป็น Counter regulatory hormone ต่ออินซูลิน ได้แก่ กลูกากอน, cortisol, glucagon, noradrenaline, Catecholamines, growth hormoneฮอร์โมนเหล่านี้จะเริ่มบอกร่างกายให้กระตุ้นการสลายไกลโคเจน การสร้างกลูโคสที่ตับ และการใช้ พลังงานจากกรดไขมันและคีโคนบอดีที่ตับ รวมทั้งกระตุ้นการสลายไขมันที่เซลล์ไขมันเพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานในร่างกาย ดังนั้นถ้าต้องการป้องกันโรคเรื้อรังเช่น เบาหวาน ความดัน คุณต้องอดอาหารให้ถึงช่วงที่สองนี้ให้ได้
3. หลังจาก 16 ชั่วโมงจะเข้าสู่กระบวนการ gluconeogenesis อย่างจริงจัง ไกลโครเจนที่ตับ 100 กรัมปกติจะเก็บไว้ใช้ได้ 12-24 ชั่วโมง ส่วนไกลโครเจนที่กล้ามเนื้อ 300 กรัม ร่างกายจะไม่นำมาใช้ถ้าไม่จำเป็น ร่างกายจะสงวนไว้เช่นสมมติต้องหนีเสือ ร่างกายต้องการใช้พลังงานอย่างรวดเร็วก็จะนำมาใช้ได้ทันที ช่วงนี้ร่างกายจะเกิดกระบวนการที่เรียกว่า autophagy ขึ้น คือเมื่อไม่มีสารอาหารจากภายนอก ร่างกายจะเก็บเอาโปรตีนในร่างกายที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มารีไซเคิลใหม่ ซึ่งไม่ได้ไปแตะต้องเซลที่ดีเลย ผลที่ได้คือ anti aging คนอ้วนจะมีโปรตีนในร่างกายมากกว่าคนปกติ 20-50% กระบวนการ autophagy จะสลายโปรตีนส่วนเกินลงเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน คนลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ผิวหนังจึงไม่ย้วย ตอนนี้เซลทุกเซลและสมองจะได้พลังงานจากกระบวนการ gluconeogenesis นี้
4. ระยะที่เลย 24-30 ชั่วโมง จะเข้าสู่กระบวนการ ketosis คือร่างกายเริ่มจะเอากรดไขมันจากเซลไขมันมาสร้างเป็นคีโตน เมื่อสมองเริ่มรับรู้ว่าน้ำตาลเริ่มจะไม่เพียงพอ ก็จะส่งสัญญาณให้ร่างกายเริ่มเอาไขมันมาสลายเป็นคีโตน เนื่องจากสมองไม่สามารถใช้พลังงานจากกรดไขมันได้โดยตรง แต่คีโตนสามารถเข้าได้ สมองใช้คีโตนได้ดีกว่าน้ำตาล ทำให้มีความจำ มีสมาธิดีกว่า จึงมีการนำคีโตเจนิคไดเอ็ดไปใช้ในการรักษาโรคลมชักในเด็ก
5. ระยะ Protein Conservation เมื่อร่างกายพร่องสารอาหารต่างๆ แล้ว ซึ่งมักจะเลยวันที่สาม กลูโคสจะใช้พลังงานจากกลีเซอรอลจากไตรกลีเซอไรด์ โกรธ์ฮอร์โมนจะสูงมาก ร่างกายจะใช้ไขมันเป็นพลังงานหลักอย่างสมบูรณ์