JJNY : 5in1 ปริญญาแนะ 2 ที่มา│ปชน.สำรวจน้ำท่วม│เผยพบโดรนสวนทางแถลงมาลี│ธปท.ปรับเกณฑ์ปลดล็อกบัญชี│รัสเซียขู่ไล่ล่าทุกปท.

ปริญญา แนะ 2 ที่มา ผู้ร่างรธน.ฉบับใหม่ ให้ประชาชนเลือกตั้ง ‘คณะผู้เลือกสสร.’ แก้ลำคำวินิจฉัยศาล 
https://www.matichon.co.th/politics/news_5369159
.
.
ปริญญา แนะ 2 ที่มา ผู้ร่างรธน.ฉบับใหม่ ให้ประชาชนเลือกตั้ง ‘คณะผู้เลือกส.ส.ร.’ แก้ลำคำวินิจฉัยเกินรัฐธรรมนูญ  
.
สสร. – เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก เรื่อง [ เลือกตั้งโดยตรงไม่ได้ ก็ต้อง #เลือกตั้งโดยอ้อม : ประเด็นพิจารณา เรื่องที่มาของผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ] แสดงความคิดเห็นถึงกรณีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ภายหลังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า
.
แม้ว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 จะทำให้การทำประชามติ สามารถทำเหลือ 2 ครั้งได้ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้ตอบในเรื่องที่รัฐสภาไม่ได้ถามมาหนึ่งเรื่อง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก คือ “รัฐสภาไม่อาจให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้โดยตรง” ทำให้เรื่องการที่จะมีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยตรง ก็กลายเป็นหมันไปในทันที
.
1. คำถามในทางวิชาการคือศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจอะไร มาห้ามไม่ให้รัฐสภาให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงเช่นนี้ ? เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้ แล้วรัฐสภาก็ไม่ได้ขอให้วินิจฉัยในเรื่องนี้ ที่สำคัญคือ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ตามมาตรา 3 ทำไม จึงห้ามไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง? คราวก่อนศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่ให้พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะให้มี ส.ส.ร. โดยให้เหตุผลว่า ต้องถามประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยก่อน พอรัฐสภายอมที่จะไปถามประชาชนก่อน ก็มาห้ามไม่ให้ประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยเป็นเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญโดยตรง ซึ่งเป็นการวินิจฉัยที่ขัดกันเองอย่างยิ่ง
.
การวินิจฉัยเกินรัฐธรรมนูญ และโดยที่รัฐสภาไม่ได้ถาม เป็นการตอกย้ำถึงสถานะของศาลรัฐธรรมนูญไทยที่ยกตัวเองขึ้นไปอยู่เหนือรัฐธรรมนูญ และทำให้ประเทศไทยไม่อยู่ใต้หลักรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด หรือ ความสูงสุดของรัฐธรรมนูญ (Supremacy of the Constitution) แต่อยู่ใต้หลัก ความสูงสุดของศาลรัฐธรรมนูญ (Supremacy of the Constitutional Court) ซึ่งเป็นปัญหาอย่างยิ่ง เพราะไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตีความรัฐธรรมนูญจนเลยเถิดไปอย่างไร ก็มีผลเป็น “เด็ดขาด” และผูกพันองค์กรอื่นทั้งหมดตามมาตรา 211 โดยที่ไม่ทราบว่าจะตรวจสอบถ่วงดุลได้อย่างไรเลย
.
2. เมื่อประชาชนเลือกตั้งผู้ร่างรัฐธรรมนูญ “โดยตรง” ไม่ได้ ก็ต้องให้ประชาชนเลือกตั้งผู้ร่างรัฐธรรมนูญ โดยอ้อม การเลือกตั้งโดยอ้อม หรือเลือกตั้งทางอ้อม (indirect election) ก็คือให้ประชาชนเลือกตั้งคนที่จะไปเลือกผู้ดำรงตำแหน่ง หรือผู้มีอำนาจหน้าที่อีกที ตัวอย่างเช่น การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ประชาชนเลือกคณะผู้เลือกตั้ง (electoral college) แล้วคณะผู้เลือกตั้งก็จะไปเลือกประธานาธิบดี ตัวอย่างของประเทศไทยคือการเลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม ที่ประชาชนเลือก ส.ส. แล้ว ส.ส. ก็จะไปเลือกนายกรัฐมนตรี
.
3. นอกจากการเลือกนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยก็ยังเคยมีการเลือกตั้ง ส.ส. ทางอ้อมมาแล้ว คือในการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งแรกของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2475 ที่เป็นการเลือกตั้งทางอ้อม คือให้ประชาชนแต่ละตำบลเลือกตั้งผู้แทนตำบล แล้วผู้แทนตำบลก็จะไปเลือก ส.ส. ของแต่ละจังหวัด (พรบ. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ฯ พ.ศ. 2475 – ภาพประกอบ 3)
.
4. ดังนั้น ถ้าให้ ส.ส.ร. หรือผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม ก็คือให้ประชาชนเลือกตั้ง “คณะผู้เลือก ส.ส.ร.” (หรืออาจจะเป็นชื่ออื่นใดทำนองนี้) โดยอาจแบ่งเขตการเลือกตั้งเป็นระดับอำเภอหรือจังหวัด แล้วคณะผู้เลือก ส.ส.ร. ก็มาเลือก ส.ส.ร. หรือผู้ร่างรัฐธรรมนูญอีกที จากนั้นคณะผู้เลือก ส.ส.ร. ก็อาจจะทำหน้าที่ติดตามการร่าง และเสนอแนะประเด็นต่างๆ ให้กับผู้ร่างรัฐธรรมนูญ
.
5. หรืออีกวิธีคือให้ ส.ส. ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน เป็นผู้เลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็จะเท่ากับเป็นการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ทางอ้อม โดยให้พรรคการเมืองต่างๆ แถลงแนวทางการเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ เป็นนโยบายในการเลือกตั้งที่จะมาถึง (ถ้ายุบสภาภายใน 4 เดือนหลังคณะรัฐมนตรีใหม่แถลงนโยบาย การเลือกตั้งจะมีขึ้นประมาณปลายเดือนมีนาคม 2569)
.
6. สำหรับ ส.ว. นั้น แม้รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จะกำหนดว่าเป็น “ผู้แทนปวงชนชาวไทย” เช่นเดียวกับ ส.ส. แต่เนื่องจากไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงดังเช่น ส.ส. ถ้าให้ ส.ว. ร่วมเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญด้วย ก็จะมีข้อวิจารณ์ว่า ส.ว. ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน จึงไม่ควรจะมาเลือก ส.ส.ร.
.
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญจำต้องมี ส.ว. เห็นชอบอย่างน้อย 1 ใน 3 ซึ่งก็คือ 67 คนจาก 200 คน ถ้าไม่ให้ ส.ว. เลือก ส.ส.ร. ร่วมกับ ส.ส. ก็คงไม่ง่ายที่จะได้เสียง เห็นชอบ 1 ใน 3 จาก ส.ว.
.
ถ้าให้ ส.ว. ร่วมกับ ส.ส. ในการเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญ ก็จะเหมือนกับ ส.ส.ร. ในปี พ.ศ. 2491 (ผลลัพธ์คือรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2492) และ ส.ส.ร. ปี พ.ศ. 2539 (ผลลัพธ์คือรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540) ที่รัฐสภาเป็นผู้เลือก ส.ส.ร.ทั้งสองครั้ง (อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าสู่กระบวนการเลือกทั้ง 2 ครั้งมีความแตกต่างกัน ซึ่งจะยังไม่ขอกล่าวถึงในขณะนี้)
.
7. การเลือกตั้งผู้ร่างรัฐธรรมนูญทางอ้อม จึงสรุปได้ว่ามี 3 แบบ คือ หนึ่ง ให้ประชาชนเลือกคณะผู้เลือก ส.ส.ร. โดยตรง หรือ สอง ให้ ส.ส. เลือก หรือ สาม ให้รัฐสภาเลือก (ยังอาจมีแบบอื่นได้อีกแต่จะซับซ้อนเกินไป)
.
ความเห็นของผมคือ ผมเห็นว่า แบบที่หนึ่งคือ ให้ประชาชนเลือกตั้ง “คณะผู้เลือก ส.ส.ร.” โดยตรงจะดีที่สุด เพราะจะยึดโยงกับประชาชนมากกว่า และมีความใกล้เคียงกับการเลือก ส.ส.ร. โดยตรงมากที่สุด ดีรองลงมาคือแบบที่สองคือให้ ส.ส. เลือก แต่แบบที่สองไม่น่าสำเร็จ และถ้าจะเอาแบบที่สอง สุดท้ายจะได้แบบที่สามคือรัฐสภาเลือกครับ
.
8. สำหรับในประเด็นว่าทำประชามติสองครั้งจะต้องทำอย่างไร ตอบสั้นๆว่า ก็ต้องเสนอ ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้มีผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้งทางอ้อม ในแบบหนึ่งแบบใดพร้อมด้วยกรอบและกระบวนการร่าง ให้รัฐสภาพิจารณา เมื่อผ่าน 3 วาระแล้ว ก็จะต้องนำไปทำประชามติให้ประชาชนเห็นชอบครับ
.
ทั้งนี้ โดยให้ประชาชนตอบคำถามก่อนว่า (ประชามติครั้งที่ 1) เห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ถ้าเห็นชอบ จึงค่อยมาตอบคำถามว่า เห็นชอบหรือไม่กับรูปแบบที่รัฐสภาเสนอ ที่ผ่านรัฐสภามา 3 วาระแล้ว (ประชามติครั้งที่ 2) เมื่อประชามติผ่านทั้งสองข้อ จึงจะนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ขึ้นทูลเกล้า เมื่อประกาศใช้ก็จะดำเนินการให้มีผู้ร่างรัฐธรรมนูญ และการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ตามนั้นต่อไป
.
ซึ่งก็คือการทำให้ประชามติครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ทำไปด้วยกันได้ โดยไม่เสียเวลาและงบประมาณ ซึ่งถ้าทำได้ในวันเลือกตั้ง ส.ส. ที่กำลังจะมาถึงก็จะดีมากครับ
.
ประเด็นตอนนี้จึงอยู่ที่ตัวร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะเสนอต่อรัฐสภา (ใช้เสียง ส.ส. 1 ใน 5 คือ 99 คน) ซึ่งตอนนี้มีแค่พรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่มี ส.ส. ถึงจำนวนนี้ ถ้าต่างคนต่างเสนอก็คงจะไปขัดแย้งกันในสภาแน่
.
ดังนั้น ถ้าพรรคประชาชนร่วมกันเสนอ กับพรรคภูมิใจไทย หรือ ถ้าจะยิ่งดีคือชวนพรรคเพื่อไทยมาร่วมด้วย โดยหาข้อยุติหลักๆ ระหว่างทั้ง 3 พรรคที่ยังเห็นต่างกันแล้ว เสนอร่างร่วมกัน โอกาสที่จะทำสำเร็จ คือได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาแทนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งได้สร้างปัญหาให้เราไว้มาก ก็มีแน่นอนครับ
.
https://www.facebook.com/prinya.thaewanarumitkul/posts/pfbid027V6UhBFU3KYGVRiJxGCXpbufuE25XvWou9sSNweDkCzme5XS8iJyj5wcddE8tSuEl
.

.
ปชน. สำรวจความเสียหายน้ำท่วมพุทธมณฑล พบหลายชุมชนกระทบหนัก เล็งใช้ดินขุดเจาะงานก่อสร้างปรับปรุงสภาพ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5369401
.
ปชน. สำรวจความเสียหายน้ำท่วมพุทธมณฑล พบหลายชุมชนกระทบหนัก เล็งใช้ดินขุดเจาะงานก่อสร้างปรับปรุงสภาพ
.
เมื่อวันที่ 15 กันยายน นายสิริน สงวนสิน ส.ส.กทม. พรรคประชาชน เปิดเผยว่า ช่วงนี้ กทม.เจอฝนตกหนักติดต่อกันหลายวันทำให้น้ำระบายไม่ทัน เกิดน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ปัญหานี้เป็นปัญหาซ้ำซากที่ต้องอาศัยการวางแผนทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เนื่องจากเกี่ยวกับระบบเส้นทางการระบายน้ำ การวางผังเมือง การวิศวะกรรม และสภาพพื้นที่ของกรุงเทพฯเป็นที่ราบลุ่มปากแม่น้ำที่เป็นพื้นที่น้ำท่วมมาตั้งแต่สมัยอดีต โดยล่าสุดตนและทีมงานพรรคประชานได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายบริเวณ พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 36 ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ยังมีน้ำท่วมขังทำให้ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามปกติได้ จึงได้รวบรวมข้อมูลเพื่อประสานงานในการเยียวยาและฟื้นฟูในระยะต่อไป
.
ปัญหาที่เราพบไม่ใช่แค่น้ำท่วมชั่วคราวแต่เป็นน้ำท่วมซ้ำซากและเกือบถาวร เพราะเป็นชุมชนดั้งเดิมที่กลายแอ่งกระทะโดยไม่ตั้งใจ เนื่องจากมีหมู่บ้านหรือสิ่งปลูกสร้างใหม่เกิดขึ้นโดยรอบซึ่งจะมีการถมดินขึ้นสูงแทบจะถึงหลังคาชั้น 2 ทำให้เวลาฝนตกจะมีมวลน้ำไหลมารวมกันเกิดน้ำขังเป็นเดือนๆ บางทีก็ยาวไป 3-4 เดือน บางบ้านท่วมไปถึงห้องนอน ยังไม่นับเรื่องเชื้อโรค ปลิง ตะขาบ หรือไฟฟ้าที่อาจช็อตได้สร้างความลำบากอย่างยิ่งให้ผู้อยู่อาศัย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้มีรายได้มากนัก ขอเครื่องสูบน้ำไปยังหน่วยงานต่างๆก็ยากและต้องมีค่าน้ำมัน จะซื้อเองก็มีราคาสูง ตัวหนึ่งตกราว 880,000 บาท “ นายสิรินกล่าว
.
นายสิริน กล่าวว่า นอกจากปัญหาการถมที่ เรื่องนี้ยังเกี่ยวข้องกับการจัดการผังเมืองซึ่งปล่อยให้มีการปลูกสร้างปิดทางน้ำ อย่างชุมชนนี้เคยมีทางระบายน้ำหลายที่ มีกระทั่งทางสัญจรโดยโดยเรือที่ทำให้น้ำระบายได้ แต่สุดท้ายทางคลองก็ถูกปิดไป เรื่องนี้ผมจะรับไปดูกฎหมายเกี่ยวกับผังเมืองและการบังคับใช้กฎหมายว่าจะทำอะไรได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้การปลูกสร้างในกรุงเทพฯเกิดขึ้นแบบปล่อยปละละเลยสะเปะสะปะ สร้างปัญหาให้กับคนเล็กคนน้อยและกระทบสิ่งแวดล้อม เรื่องนี้ควรมีการแก้ไขอย่างจริงจัง ในเบื้องต้นผมได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอเครื่องสูบน้ำมาก่อน ส่วนในอนาคตผมคิดว่าอาจต้องช่วยปรับสภาพพื้นที่เช่นการถมดินให้สูงขึ้นไม่กลายเป็นแอ่งกระทะ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าดินที่ได้จากการขุดเจาะก่อสร้างงานกรุงเทพมหานครบางส่วนจะนำมาใช้เพื่อปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ให้ประชาชน
.
นายสิริน กล่าวต่อไปว่า เราได้ช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการมอบถุงยังชีพและประสานไปยังเขตเรื่องกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำท่วมระลอกต่อไปหากฝนยังตกหนัก อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ยังต้องจับตาเพราะยังไม่พ้นหน้าฝน หากช่วงไหนไม่มีภารกิจในสภา ตนและทีมงานก็จะลงพื้นที่เพื่อสำรวจความเสียหายและช่วยคลี่คลายให้ได้มากที่สุด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่