เราควรเห็นใจเด็กสมาธิสั้นจริงไหม เด็กเหล่านี้น่าสงสารจริงหรือ

​​ส่วนตัวเคยได้มีโอกาสเข้าไปทำงานในโรงเรียน และมีโอกาสได้พบเห็นกับเด็กที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นสมาธิสั้นอยู่เกือบ 3 ปี เด็กมีอาการซุกซนอยู่นิ่งไม่ได้ฉุนเฉียวก้าวร้าวฝ่าฝืนกติกาต่างๆของสังคม ทำร้ายผู้อื่น ต่อต้านกฎเกณฑ์กติกาต่าง​ๆ  ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมากมายในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นปัญหากับครูกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน สร้างความเดือดร้อนไปมากมาย เดิมที เรารู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นโรคและไม่สามารถควบคุมได้ แต่หลายๆครั้งดูเหมือนว่าเขาควบคุมตนเองได้ ที่จะไม่ทำผิดกติกา หรือทำอะไรที่สังคมไม่ยอมรับและทำสิ่งนี้ไปเหมือนกับว่าเพื่อระบายอารมณ์ส่วนตัวหรือทำเพราะความเคยชิน  เข้าใจว่าหลายๆคนคงจะบอกว่ามันเป็นโรค แต่เด็กก็ได้รับโอกาสในการกลับตัวหลายครั้ง เมื่อกระทำความผิด โดยรวมตลอดระยะเวลา 2 ปีที่เราเห็นมาน้องถูกให้อภัยและกลับมาปรับปรุงตัวใหม่ไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง แต่ก็ยังสร้างปัญหารายวันฝ่าฝืนกติกาเดิมๆ  ทั้งที่เขาจำกฎเกณฑ์กติกาต่างๆได้ และรู้ด้วยว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้และมีความผิด แต่ก็ยังทำผิดซ้ำๆ.   ​ เพราะตัวเด็กเกิดเรื่องหรือสร้างประเด็นปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นในโรงเรียน ก็จะมีข้ออ้างว่าน้องยังเป็นเด็ก น้องถูกวินิจฉัยว่าเป็นสมาธิสั้น ทำให้โรงเรียนทำอะไรไม่ได้ และผู้ปกครองคนอื่นก็ต้องมารับเคราะห์ รูปของผู้ปกครองคนอื่นต้องมารับเพราะ ไม่ว่าจะเป็นการโดนผลักโดนแกล้งหรือโดนอะไรต่างๆ ถึงแม้มีครูประกบเข้ามาดูแลในโรงเรียน แต่เมื่อเผลอน้องก็ยังจงใจทำพฤติกรรมเหล่านั้น หลังจากทำพฤติกรรมเสร็จดูไม่มีความสำนึกในพฤติกรรมเหล่านั้นเลย ​ ส่วนตัวเป็นคนรักรักเด็กนะ แต่เห็นเคสนี้ รู้สึกรับไม่ได้กับพฤติกรรมของเด็กจริงๆ  อยากทราบว่ามีใครพอจะมีความรู้ หรือเคยมีประสบการณ์ได้สอนเด็กเหล่านี้บ้างไหม ควรมีการปรับพฤติกรรมขั้นเด็ดขาด เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ว่าเขาไม่สามารถทำสิ่งเหล่านั้นได้หรือไม่อย่างไร  ตนนั้นที่เคยเจอน้องยุป.3ค่อนข้างเริ่มโตแล้ว เห็นพฤติกรรมเหล่านี้มาตั้งแต่ป.1 แม้จะมีคุณครูช่วยฝึกสอนส่วนตัว แต่เด็กก็ยังมีพฤติกรรมเดิมๆ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 23
ขอตอบในฐานะที่ลูกเป็นสมาธิสั้น และลูกมีอาการใกล้เคียงกับที่จขกท.เล่าครับ
ปัจจุบันหาหมอประจำ กินยาประจำ มีปรับพฤติกรรม และปรับสมาธิ ฝึกพูดอย่างต่อเนื่อง
มีพฤติกรรมที่โรงเรียนมาตลอดทั้งทำร้ายข้าวของ ทำร้ายเพื่อน ตั้งแต่อนุบาล แต่มีครูประกบตลอดเวลาเลยเอาอยู่ และมีคุยกันเรื่องเข้าประถม ได้คุยกับผู้บริหารโรงเรียน เขาก็ชี้แจงว่าเขามีวิธีจัดการรับมือกับเด็กสมาธิสั้น จนเป็นเหตุผลให้เราเรียนต่อที่เดิม
พอขึ้นประถมไม่มีครูคอยตามประกบ ลูกก็ยังคงมีพฤติกรรมเหมือนเดิมเหมือนไม่ดีขึ้นเลย
แถมยังรุนแรงขึ้นถึงขั้นมีเรื่องกับเพื่อนทุกวัน เพราะลูกเรามีปัญหาในการควบคุมอารมณ์ ควบคุมตนเอง และทุกครั้งมักเกิดช่วงพักกลางวัน หรือช่วงเย็นที่ไม่มีครูคุมจนแทบจะคุมไม่อยู่
แต่ในเวลาเรียนลูกทำได้ดี ให้ความร่วมมือในการเรียน และผลการเรียนก็ออกมาดีค่อนข้างดีมาก (ครูบอกติด Top ของห้อง)
แม้ในเวลาเรียนจะมีการกวนเพื่อนและยุกยิกอยู่บ้าง ซึ่งครูเล่าว่าเป็นช่วงเช้า และช่วงใกล้เลิกเรียน

เรื่องที่ได้ยินมามักจากเพื่อนลูกเล่า แม่ของเพื่อนลูกเล่า ว่าลูกเราทำร้ายร่างกาย
เหตุเกิด คนที่ 1 ขอสมมติชื่อ A คือลูกเราอยากเล่นกันคนอื่น แต่ A ไม่ให้เล่นด้วยและคอยกันไม่ให้คนอื่นมาเล่นกับลูกเรา เพราะ A ไม่ชอบลูกเรา จึงเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย A เราก็ได้แต่สอนว่าเขาไม่อยากเล่นกับเรา ก็ให้ไปเล่นกับคนอื่น แต่ลูกก็พยายามทำร้าย A เมื่อพบเจอ เพราะเขาฝังใจว่า A เป็นคนทำให้เขาไม่มีเพื่อน จนเราสั่งห้ามเข้าใกล้ A ก็แล้ว แต่ก็จะยังเกิดเหตุการณ์ทำร้าย A มาให้ได้ยินเรื่อยๆ

เหตุเกิด คนที่ 2 ขอสมมติชื่อ B คล้ายกับเหตุการณ์ A เลย เพราะ B แบนไม่ให้ลูกเราเข้ากลุ่ม และใครมาเล่นกับลูกเราจะโดนแบนด้วย ก็มีเหตุการณ์ทำร้ายอยู่เล็กน้อย แต่คนนี้สั่งให้เลิกยุ่งด้วยได้ แต่กลายเป็นเสียเพื่อนไปทั้งกลุ่ม
กลายเป็นลูกเราโดนแบนจากเพื่อนทุกกลุ่ม ไม่มีเพื่อนเล่น

เหตุเกิด คนที่ 3 ขอสมมติชื่อ C ตอนแรกจะให้มาเป็นเพื่อนเล่นกันเนื่องจากลูกเราโดนแบนจากทุกกลุ่ม แต่ C มักเล่นในสิ่งที่ลูกเราไม่ชอบ เช่นทำเสียงดังให้ตกใจ จนเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกาย C เขามักชอบมาฟ้องเรา และมักดีใจที่เห็นลูกของเราโดนดุ (เคยเห็นทำท่าสะใจอยู่หลายครั้ง) กลายเป็นลูกเราก็หันมาทำร้าย C บ่อยขึ้น เพราะกลัวว่า C จะมาฟ้องอะไรอีก คือยิ่งฟ้องยิ่งทำ จนเราบอกถ้าเล่นกับ C ได้ดีจะให้รางวัล แต่ C ก็เล่นในสิ่งที่ลูกเราไม่ชอบเหมือนเดิม โดยให้เหตุผลว่านึกว่าลูกเราหายแล้ว และเล่นแบบนี้ได้แล้ว เราก็สอนว่าถ้าเพื่อนเล่นอีกก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ยังคงเกิดเหตุการณ์เดิมๆ และทำร้ายกันเหมือนเดิม จนห้ามไม่อยู่ทำร้ายกันทุกวัน

แล้วเราจัดการอย่างไร
ปกติอยู่บ้านก็มีทะเลาะกับน้องบ่อยมาก เราจะแยกออกมาให้ต่างคนต่างอยู่ พอสงบแล้วค่อยไปเล่นด้วยกันใหม่ แต่ที่โรงเรียนเราไม่สามารถเข้าไปแยกเขาได้ ได้แต่หวังพึ่งครูจะช่วยกันลูกเราออกมาจนกว่าจะสงบ แต่เหตุการณ์มักเกิดช่วงพัก และหลังเลิกเรียนที่ครูไม่ได้ดู ปรึกษาหมอก็ได้แต่บอกว่าครูมีวิธีจัดการอย่างไร ถ้าครูจัดการไม่ได้ก็ได้แต่ต้องย้ายโรงเรียน แต่ก็กังวลว่าย้ายไปที่โรงเรียนใหม่จะจัดการได้ไหมได้แต่ต้องเข้าโรงเรียนทางเลือก

คอยสอนลูกตลอดว่าให้จัดการอย่างไร ให้ไปเล่นกับคนอื่น ให้ไปทำอย่างอื่น ให้ฝึกเล่นแบบที่เพื่อนเล่น แต่การที่สอนตอนช่วงยาหมดฤทธิ์มันยากมากและเหนื่อยมาก เพราะเขาจะไม่เข้าใจและไม่ยอมรับอะไรแล้วทั้งสิ้น ได้แค่บางช่วงที่เขาอารมณ์ดีแล้วคุยกับเขา ซึงเขาก็เข้าใจ? เขารู้หมดว่าอะไรผิด รู้หมดว่าต้องทำอย่างไร แต่ทำไม่ได้ เคยปรึกษาหมอและนักจิตเรื่องนี้แล้ว ก็ได้ความว่ามันเป็นเรื่องของสารสื่อประสาทในสมองของเขาผิดปกติ เข้ารู้หมด แต่พอถึงเวลาเกิดเหตุการณ์จริง อารมณ์จะพุ่งขึ้นทันที และอารมณ์จะนำเหตุผลเสมอ ลูกเราไม่ปกติ ควบคุมตนเองไม่ได้ ทำให้ถึงเวลาเขารู้ว่าผิด แต่เขาก็ทำไปแล้ว

เหตุการณ์เล่นจอ ต้องยอมรับว่าผิดเองที่ปล่อยให้ดูการ์ตูนแต่เด็ก เราก็ไม่อยากให้ดู แต่อากงอยากอุ้มหลาน และหลานไม่ยอมให้อุ้ม จนต้องเปิดการ์ตูนให้หลานนิ่งเพื่อจะได้อุ้ม จน 2 ขวบลูกไม่พูด และงดจอตั้งแต่นั้นมา และ 4 ขวบถูกวินิจฉัยว่าเป็นสมาธิสั้น เราก็พยายามห้ามจอแล้ว แต่ก็มีเหตุการณ์ที่คุยและเล่นกับเพื่อนไม่รู้เรื่องเพราะเราห้ามจอ เพื่อนคุยเรื่องเกม คุยเรื่องตัวการ์ตูน AI ซึ่งลูกเราไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะเราห้ามจอ และด้วยความไม่รู้ทำให้ลูกโดนล้อ จนเล่นกับเพื่อนไม่ได้ เข้ากลุ่มไม่ได้ตามข้างต้น

อีกหนึ่งที่เป็นเรื่องยากคือ ที่บ้านเป็นครอบครัวใหญ่ เราทำตามระเบียบหมอแล้ว สุดท้ายอากงอาม่าก็หยวนๆให้อยู่ดีๆ กฎที่ตั้งไม่ได้เป็นกฎ เพราะอากงอาม่าช่วยแหกกฎให้ ตอนนี้ก็หนักถึงขั้นลูกไม่เชื่อฟังเรา ถ้าเราสั่งจะไม่ฟัง เพราะรู้ว่าอากงอาม่าจะหยวนๆให้อยู่ดี เคยคุยเรื่องนี้หลายรอบแล้ว หมอคุยอย่างไรก็มาเล่าให้ที่บ้านฟังตลอด แต่เขาก็ไม่ยอมเชื่อด้วยเหตุผลที่ว่า เลี้ยงเรามาอย่างนี้ แล้วทำไมเลี้ยงหลานแบบนี้ไม่ได้ เถียงจนทะเลาะทุกครั้งที่หยิบเรื่องหมอสอนมา สุดท้ายก็พยายามเท่าที่จะทำได้ ถ้าถามว่าทำไมไม่ยอมย้ายบ้านออก เพราะอากงป่วยต้องมีคนดูแล และอาม่าดูแลคนเดียวไม่ไหว

หาหมอประจำ ปรับยาตลอด แต่หมอพยายามจะไม่ปรับยาเพิ่ม เพราะยามีผลข้างเคียงทำให้ไม่อยากอาหาร และน้องน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์มากแล้ว
การปรับยาเพิ่มอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ และยาที่กินอยู่ก็ครอบคลุมได้ไม่ทั้งหมด กว่ายาจะออกฤทธิ์ ประมาณ 9 โมง และยาหมดฤทธิ์เร็ว ประมาณบ่าย 2

เอาจริงๆ ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับลูกแล้ว เพราะทำมาทุกอย่างแล้ว ทุกวันนี้แทบจะเลาะกันเพราะเลี้ยงลูก เกี่ยงกันเลี้ยงลูก เพราะเราจัดการเขาไม่ได้ เหนื่อยมาก เราเข้าใจลูก หมอเข้าใจลูก ครูเข้าใจลูก แต่สังคมรอบข้างยังไม่เข้าใจ ถามว่าลูกเราผิดไหมก็ผิด กำหนดกฎเกณฑ์ให้รางวัลก็แล้ว บางครั้งก็อดทนไม่ไหวจนต้องตีลูก พอรู้สึกตัวก็มารู้สึกผิดทุกครั้ง ต้องบอกว่าคนที่ไม่เคยเลี้ยงลูกสมาธิสั้นไม่เข้าใจหรอก เพราะเรามีลูก 2 คน แล้วอีกเข้าไม่เป็นนี่เข้าใจเลยว่าเลี้ยงง่ายกว่าเยอะ หากท่านใดมีข้อแนะนำเชิญได้เลยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่