สภาวะตื่นรู้จากวัฏสงสาร
ถ้าปฏิบัติไปถึงโคตรภูญาณ เห็นบิกแบงค์ เห็นโลกธาตุแตกสลาย สัมผัสกระแสพระนิพพาน ตื่นรู้จากวัฏสงสาร
โลกที่เราคิดว่ามีอยู่จริงมันไม่มีจริง ล้วนเกิดจากการปรุงแต่งของจิตที่เคลือบด้วยอวิชชา
เราอยู่ในโลกความฝันที่เราหลับมายาวนานเมื่อตื่นรู้จากวัฏสงสาร จะรู้ว่าเราโดนหลอกให้อยู่ในโลกจำลองแห่งวัฏสงสารนี้มาตลอด
จะเห็นว่าแท้จริงเราเป็นใคร คือ อะไร พระพุทธเจ้า พระอรหันต์แท้จริงคืออะไร
ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเรา ตถาคต” จะได้เห็นกันวันตื่นรู้นั้นเลย จะไม่สงสัยอีกเลยว่าแท้จริงพระพุทธเจ้า คืออะไร ไม่ใช่พระพุทธเจ้าในรูปแบบเนื้อหนังมังสา ที่เราเห็นในละคร นั่นคือสมมุติ แต่เป็นพุทธะที่แท้จริง
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
‘ท่านผู้เจริญ เราถูกจิตนี้ล่อลวงมานาน เมื่อยึดมั่นก็ยึดมั่นแต่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เท่านั้น เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ เพราะชาติจึงมีชรา มรณะ โศกเศร้า รำพัน ทุกข์โทมนัส ความคับแค้นต่าง ๆ การเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ย่อมมีด้วยประการฉะนี้’
“เราตถาคตเคยแสวงหานายช่างเรือน (คือตัณหา) อยู่นานเที่ยวไปในสังสารวัฏเกิดแล้วเกิดเล่า ความเกิดนั้นเป็นทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่บัดนี้ เราพบนายช่างเรือนแล้ว (คือตัณหาถูกกำหนดรู้)เจ้าจะไม่ต้องสร้างเรือนนี้อีกต่อไปซี่โครงเรือนเราหักแล้ว ยอดเรือนเราทลายแล้วจิตของเราถึงนิพพาน อันปราศจากสังขารแล้วเราบรรลุความสิ้นแห่งตัณหาแล้ว”
นี่คือ คาถาอุทานของพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ตรัสรู้
สภาวะตื่นรู้จากวัฏสงสาร
ถ้าปฏิบัติไปถึงโคตรภูญาณ เห็นบิกแบงค์ เห็นโลกธาตุแตกสลาย สัมผัสกระแสพระนิพพาน ตื่นรู้จากวัฏสงสาร
โลกที่เราคิดว่ามีอยู่จริงมันไม่มีจริง ล้วนเกิดจากการปรุงแต่งของจิตที่เคลือบด้วยอวิชชา
เราอยู่ในโลกความฝันที่เราหลับมายาวนานเมื่อตื่นรู้จากวัฏสงสาร จะรู้ว่าเราโดนหลอกให้อยู่ในโลกจำลองแห่งวัฏสงสารนี้มาตลอด
จะเห็นว่าแท้จริงเราเป็นใคร คือ อะไร พระพุทธเจ้า พระอรหันต์แท้จริงคืออะไร
ตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า “ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเรา ตถาคต” จะได้เห็นกันวันตื่นรู้นั้นเลย จะไม่สงสัยอีกเลยว่าแท้จริงพระพุทธเจ้า คืออะไร ไม่ใช่พระพุทธเจ้าในรูปแบบเนื้อหนังมังสา ที่เราเห็นในละคร นั่นคือสมมุติ แต่เป็นพุทธะที่แท้จริง
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
‘ท่านผู้เจริญ เราถูกจิตนี้ล่อลวงมานาน เมื่อยึดมั่นก็ยึดมั่นแต่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เท่านั้น เพราะอุปาทานเป็นปัจจัยจึงมีภพ เพราะภพเป็นปัจจัยจึงมีชาติ เพราะชาติจึงมีชรา มรณะ โศกเศร้า รำพัน ทุกข์โทมนัส ความคับแค้นต่าง ๆ การเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ย่อมมีด้วยประการฉะนี้’
“เราตถาคตเคยแสวงหานายช่างเรือน (คือตัณหา) อยู่นานเที่ยวไปในสังสารวัฏเกิดแล้วเกิดเล่า ความเกิดนั้นเป็นทุกข์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่บัดนี้ เราพบนายช่างเรือนแล้ว (คือตัณหาถูกกำหนดรู้)เจ้าจะไม่ต้องสร้างเรือนนี้อีกต่อไปซี่โครงเรือนเราหักแล้ว ยอดเรือนเราทลายแล้วจิตของเราถึงนิพพาน อันปราศจากสังขารแล้วเราบรรลุความสิ้นแห่งตัณหาแล้ว”
นี่คือ คาถาอุทานของพระพุทธเจ้า เมื่อพระองค์ตรัสรู้