4 น้ำที่ใครๆ ก็ว่าดี แต่น้อยคนจะรู้ว่า "ดื่มมากไป" กลับกลายเป็นภัยเงียบ ก่อโรคร้ายตามมา!



เตือน 4 เครื่องดื่มที่เคยว่าดี แต่ถ้าดื่มมากไปอาจกลายเป็นโทษ
แม้ว่าเครื่องดื่มบางประเภทจะถูกยกให้เป็น "ดีต่อสุขภาพ" แต่หากบริโภคเกินขนาดก็อาจกลายเป็นภัยต่อร่างกายได้โดยไม่รู้ตัว ตามคำเตือนของ แพทย์หญิงซวี จื้ออวี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจากไต้หวัน ที่ระบุว่า แม้แต่ของดี ถ้าใช้ผิดวิธีก็กลายเป็นโทษได้
ในรายการสุขภาพออนไลน์รายการหนึ่ง แพทย์หญิงซวีได้เปิดเผยรายชื่อ 4 ประเภทเครื่องดื่มที่หลายคนคิดว่าดีต่อร่างกาย แต่หากดื่มมากเกินไปกลับเสี่ยงเกิดโรค พร้อมคำแนะนำวิธีบริโภคอย่างเหมาะสม ดังนี้
1. น้ำผลไม้
แม้จะเป็นเครื่องดื่มจากธรรมชาติ แต่น้ำผลไม้โดยเฉพาะแบบคั้นสดหรือบรรจุกล่องนั้น มีปริมาณน้ำตาลสูง และ สูญเสียไฟเบอร์ ที่มีประโยชน์ไปในกระบวนการคั้น โดยเฉพาะน้ำผลไม้กล่องที่มักมีสารปรุงแต่งและน้ำตาลเพิ่ม
มีงานวิจัยพบว่า การดื่มน้ำผลไม้วันละ 1 แก้วขึ้นไป อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ถึง 21% และในเด็กเล็กยังเสี่ยงต่ออาการท้องเสียจากการไม่สามารถย่อยน้ำตาลฟรุกโตสได้ดี
คำแนะนำ: เด็กอายุมากกว่า 7 ปีและผู้ใหญ่ ควรจำกัดการดื่มไม่เกิน 240 มิลลิลิตรต่อวัน และควรเลือกกินผลไม้สดแทนการดื่มน้ำผลไม้จะดีกว่า
2. นมวัวและนมแพะ
นมสัตว์ อย่างนมวัวหรือนมแพะมีคุณค่าทางโภชนาการสูง แต่การดื่มมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน โดยเฉพาะการดื่มมากกว่า 3 แก้วต่อวัน
งานวิจัยจากสวีเดนพบว่า ผู้ที่ดื่มนมมากกว่า 3 แก้วต่อวันมีความเสี่ยงเสียชีวิตสูงกว่าผู้ที่ดื่มเพียง 1 แก้ว นอกจากนี้ การดื่มนมมากเกินไปยังอาจทำให้ อ้วนง่าย, ท้องอืด, แน่นท้อง, และระบบย่อยอาหารผิดปกติ อีกทั้งยังมีการเชื่อมโยงกับ ปัญหาฮอร์โมนและสิว
คำแนะนำ: ผู้ใหญ่ควรดื่มนมวันละ 200 - 300 มิลลิลิตร และไม่ควรเกิน 500 มิลลิลิตรต่อวัน
3. ชา
ชาเขียว ชาอู่หลง หรือชาชนิดอื่น มักถูกมองว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพเพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ถ้าดื่มมากเกินไป โดยเฉพาะเกิน 5 แก้วต่อวัน อาจทำให้เกิด อาการนอนไม่หลับ, กระสับกระส่าย, ปวดท้อง, ความดันโลหิตสูง, หรือภาวะโลหิตจาง
ในบางกรณี การบริโภคสารสกัดจากชาเขียวในปริมาณสูงอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อตับ และชาเขียวอาจมีปฏิกิริยากับยาบางชนิด เช่น ยาลดไขมันในเลือด ยาปฏิชีวนะ และยาลดความดันโลหิต
คำแนะนำ: ดื่มชาอย่างเหมาะสม ไม่เกิน 2-3 แก้วต่อวัน และหลีกเลี่ยงระหว่างตั้งครรภ์ เพราะแทนนินในชายังขัดขวางการดูดซึมกรดโฟลิกด้วย
4. เครื่องดื่มเกลือแร่/เครื่องดื่มกีฬา
แม้จะมีโฆษณาว่าสามารถเพิ่มพลังงานหรือฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายได้ แต่เครื่องดื่มเกลือแร่ มักมีปริมาณน้ำตาลสูง จนอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจ
ข้อมูลยังระบุว่า เด็กและวัยรุ่นบางกลุ่มดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่แม้ไม่ได้ออกกำลังกายเลย ซึ่งยิ่งเพิ่มภาระให้กับระบบการเผาผลาญของร่างกายโดยไม่จำเป็น
คำแนะนำ: ควรดื่มเฉพาะหลังการออกกำลังกายแบบหนักหรือใช้พลังงานมาก เช่น วิ่งมาราธอน หรือเล่นกีฬาหนักๆ ไม่ควรดื่มเกิน 1.5 ลิตรต่อวัน และไม่ควรใช้แทนน้ำเปล่าในชีวิตประจำวัน
ไม่ใช่แมงลัก! เมล็ดเล็กกว่ามด แต่สารอาหาร "มหาศาล" กินบำรุงครบ สมอง-หัวใจ-หุ่น-ผิว
ไม่ต้องผสมน้ำผึ้ง! กูรูต่างชาติแนะ 2 เครื่องดื่ม "ของดียามเช้า" ช่วยลำไส้สะอาด บำรุงตับ-ไต
แม้เครื่องดื่มเหล่านี้จะมีประโยชน์ในตัวเอง แต่หากดื่มเกินขนาดหรือใช้ผิดวัตถุประสงค์ อาจกลายเป็นภัยเงียบที่ทำร้ายร่างกายโดยไม่รู้ตัว การบริโภคอย่างพอดี และเหมาะสมกับกิจกรรมในแต่ละวันคือหัวใจของการมีสุขภาพดีในระยะยาว

https://www.sanook.com/news/9841774/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่