JJNY : กว่า 59% ต้องการให้ยุบสภาเร็วที่สุด│ครูผวาสายปริศนาจี้ถาม│จีนไม่พอใจเรือรบผ่าน│เตือนกทม.-ปริมณพลและตอ.เจอฝนตกหนัก

นิด้าโพลเผยผลสำรวจ กว่า 59% ต้องการให้ยุบสภาเร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอ 4 เดือน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5358203
.
.
นิด้าโพลเผยผลสำรวจ กว่า 59% ต้องการให้ยุบสภาเร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอ 4 เดือน
.
เมื่อวันที่ 7 กันยสยน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “ยุบสภาในสี่เดือนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-5 กันยายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมจำนวนทั้งสิ้น 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อเสนอให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรภายในสี่เดือน การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความคลาดเคลื่อนไม่เกิน 0.05 ที่ระดับความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0

จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับข้อเสนอให้ยุบสภาผู้แทนราษฎรภายในสี่เดือนพบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.24 ระบุว่า ควรยุบสภาฯ โดยเร็วที่สุด ไม่ต้องรอสี่เดือน รองลงมา ร้อยละ 27.17 ระบุว่า เห็นด้วยกับการยุบสภาฯ ภายในสี่เดือน ร้อยละ 9.54 ระบุว่า ไม่ควรยุบสภาฯ แต่ควรรอให้สภาฯ ชุดนี้หมดวาระในปี 2570 ร้อยละ 2.52 ระบุว่า ควรยุบสภาฯ ภายในหกเดือน ร้อยละ 0.92 ระบุว่า ควรยุบสภาฯ ภายในหนึ่งปี และร้อยละ 0.61 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ด้านความต้องการของประชาชนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 37.56 ระบุว่า ต้องการมาก รองลงมา ร้อยละ 28.17 ระบุว่า ไม่ต้องการเลย ร้อยละ 21.76 ระบุว่า ค่อนข้างต้องการ ร้อยละ 9.99 ระบุว่า ไม่ค่อยต้องการ และร้อยละ 2.52 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
.
ท้ายที่สุดเมื่อสอบถามความคิดเห็นของผู้ที่ระบุว่าต้องการมากและค่อนข้างต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (จำนวน 777 หน่วยตัวอย่าง) เกี่ยวกับรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนต้องการ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 74.39 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา รองลงมา ร้อยละ 24.71 ระบุว่า ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และร้อยละ 0.90 ระบุว่า ไม่ตอบ
.
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 18.70 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง ร้อยละ 17.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.28 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก โดยตัวอย่าง ร้อยละ 47.94 เป็นเพศชาย และร้อยละ 52.06 เป็นเพศหญิง
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.13 อายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.79 อายุ 26-35 ปี ร้อยละ 17.94 อายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.34 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 25.80 อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยตัวอย่าง ร้อยละ 95.04 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 3.66 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 1.30 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่น ๆ
ตัวอย่าง ร้อยละ 35.27 สถานภาพโสด ร้อยละ 62.29 สมรส และร้อยละ 2.44 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ โดยตัวอย่าง ร้อยละ 0.53 ไม่ได้รับการศึกษา ร้อยละ 13.82 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 35.27 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 11.76 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 34.43 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.19 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.39 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 18.47 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 23.13 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 9.54 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 16.18 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 17.87 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.42 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
.
ตัวอย่าง ร้อยละ 17.56 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 3.05 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท ร้อยละ 14.89 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท ร้อยละ 34.81 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 11.45 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 5.11 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 2.37 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท ร้อยละ 1.37 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท ร้อยละ 0.38 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ 0.61 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.02 ไม่ระบุรายได้
.

.
ครูสังคมบุรีรัมย์ ผวา สายปริศนาอ้างเป็น ตร. จี้ถามเคลื่อนไหวการเมืองเหมือน 2-3 ปีก่อน?
https://www.matichon.co.th/local/education/news_5358105
.
ครูสังคมบุรีรัมย์ ผวา สายปริศนาอ้างเป็น ตร. จี้ถามเคยเคลื่อนไหวทางการเมือง 2-3 ปีก่อน?
.
เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR) รายงานว่า “แฮร์รี่” ครูกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม โรงเรียนในจังหวัดบุรีรัมย์แห่งหนึ่ง เปิดเผยข้อมูลกับศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 ส.ค. 2568) ในขณะกำลังปฏิบัติงานที่โรงเรียนในช่วงเช้า ประมาณ 10.00 น. ได้รับสายโทรศัพท์คุกคามจากบุคคลที่อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์
.
บทสนทนาเริ่มต้นด้วยการสอบถามข้อมูลส่วนตัว รวมถึงชื่อ อาชีพ และสถานที่ทำงาน ก่อนจะเข้าสู่คำถามหลักที่ว่า ได้เคลื่อนไหวทางการเมืองเหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อน ก่อนหรือไม่ ครูแฮร์รี่รู้สึกประหลาดใจและถามกลับว่าทำไมต้องถามคำถามนี้ ผู้โทรมายังคงกดดันด้วยคำถามเกี่ยวกับที่อยู่ปัจจุบัน ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและตั้งคำถามเกี่ยวการโทรมาติดตาม
.
คุณไม่รู้หรือว่า สิ่งที่คุณถามเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง การละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทำไมไม่นัดที่ สภ.เมืองบุรีรัมย์ จะได้ไปคุยกันดี ๆ” ครูแฮร์รี่กล่าวกับผู้โทรศัพท์มา
.
ก่อนที่ผู้โทรมาจะมีน้ำเสียงฉุนเฉียวเมื่อถูกตั้งคำถาม และตอบกลับด้วยการนัดให้มาพบที่สถานีตำรวจ แต่การสนทนาก็จบลงโดยที่ครูแฮรี่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้โทรมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ ก่อนจะเล่าว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างมาก “เรารู้สึกแพนิก ปกติจะไม่มีอะไรแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่โทรมาถามแบบนี้ ก็กังวลและรู้สึกไม่ปลอดภัย” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงสภาพความเป็นอยู่ที่ต้องอาศัยอยู่คนเดียว
.
เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการทำงานด้านการศึกษา ในฐานะครูสังคมที่มีประสบการณ์การสอนมา 15 ปี แฮรี่เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน รวมถึงการจัดงานไพรด์และการสอนเรื่องความหลากหลายทางเพศ
.
อาจเป็นช่วงที่เราสอนเรื่องสิทธิมนุษยชน เป็นสิ่งที่สอนปกติ ตั้งแต่เป็นครูมา 15 ปี สอนรัฐศาสตร์ เนื้อหาสังคมมีอยู่แล้ว เรามีกิจกรรมในชุมนุม ส่งเสริมนักเรียน ชื่อชุมนุมรัฐศาสตร์และความหลากหลายทางเพศ อันนี้ก็สอนมาทุกปี” แฮร์รี่อธิบาย
.
ก่อนย้อนเล่าปัญหาความกดดันเริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่ช่วงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนหน้านี้กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนสามารถจัดได้ปกติ แม้กระทั่งมีองค์กรอย่างแอนเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกับการบูรณาการวิชาศาสนาสากล แต่หลังรัฐประหารเริ่มมีการพยายามส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาในโรงเรียนเพื่อสอบถามและตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ
.
เวลาเกิดเหตุการณ์การเมือง เขาชอบโยงมาว่าเราไปปลุกปั่นเด็ก ตลกมาก มักมีคนว่าเราแบบนี้ เวลาเกิดเหตุอะไรขึ้น ก็มองเราเป็นคนแรกที่ไปปั่นหัวเด็ก หรือไปสั่งให้เด็กทำอะไร ซึ่งจริง ๆ เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย
.
เรามีหน้าที่สอนนักเรียน ตอนนี้ไม่ได้สอนวิชาเกี่ยวกับหน้าที่พลเมือง ไม่ได้สอนประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนแล้ว ต้องมาสอนประวัติศาสตร์แทน
.
ครูสังคมอธิบายต่อว่า “เรามองว่าเราสอนแนวนี้มันต้องมี จะไปปิดกั้นเด็กทำไม ทำไมไม่อยากให้ทำตรงนี้ ทำไมเขากลัวเรื่องสิทธิมนุษยชนมากขนาดนั้น เราไม่ได้ไปทำร้ายใครด้วยซ้ำ”
.
แม้จะยังไม่ได้รายงานเหตุการณ์ต่อผู้บังคับบัญชา แต่แฮร์รี่วางแผนที่จะกลับไปตรวจสอบกับ สภ.เมืองบุรีรัมย์ว่าเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของใคร และจะแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้ว่าถูกคุกคาม
.
แฮรรี่ยังมองว่าการคุกคามครูด้านการศึกษาเป็นการขัดต่อหลักการศึกษาขั้นพื้นฐาน “มันเป็นพื้นฐานการศึกษา โดยเฉพาะวิชาด้านสังคม ตามหลักสูตรส่งเสริมให้เด็กแสดงความคิดเห็น กล้าแสดงออก มีจิตสาธารณะ มีความคิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ ถ้ามีเรื่องพวกนี้เกิดขึ้น ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการก็จะไม่มี เพราะพวกนี้เป็นอุปสรรคแรก ๆ ของการทำลายเรื่องความคิดสร้างสรรค์
.
ครูแฮร์รี่ยังเรียกร้องให้ผู้ที่ทำงานด้านการศึกษา ทั้งผู้บริหารและครู เข้าใจและไม่จำกัดสิทธิเสรีภาพ “เพราะมันย้อนแย้งกับนโยบายการศึกษา อยากให้คนที่ทำงานด้านการศึกษา ทั้งผู้บริหารหรือครูเข้าใจในส่วนนี้ด้วย
.
https://tlhr2014.com/archives/78179
.

.
จีนไม่พอใจ “เรือรบแคนาดา-ออสเตรเลีย” ล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน
https://www.dailynews.co.th/news/5090317/
.
จีนแสดงความไม่พอใจ ต่อการที่เรือรบของแคนาดาและออสเตรเลีย ล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน
.
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ว่ามณฑลทหารภาคตะวันออกของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ( พีแอลเอ ) ออกแถลงการณ์ ว่าการที่เรือฟริเกต “ควิเบก” ของกองทัพเรือแคนาดา และเรือพิฆาต “บริสเบน” ของกองทัพเรือออสเตรเลีย ล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ร้างปัญหาและถือเป็นการยั่วยุ อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยง
.
ทั้งนี้ พีแอลเอจัดการให้กองกำลังทั้งทางอากาศและทางทะเลสังเกตการณ์ และกำกับดูแลการล่องผ่านช่องแคบไต้หวันของเรือรบต่างชาติทั้งสองลำ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
.
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังเรือ “ยูเอสเอส ราล์ฟ จอห์นสัน” ซึ่งเป็นเรือพิฆาตติดตั้งระบบขีปนาวุธชั้นอาร์ลีห์-เบิร์ก และ “ยูเอสเอ็นเอส โบว์ดิช” ซึ่งเป็นเรือสำรวจชั้นพาธไฟน์เดอร์ ล่องผ่านช่องแคบไต้หวัน เมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา โดยนับเป็นครั้งแรกที่เรือรบของสหรัฐเดินทางผ่ายบริเวณนี้ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐ เมื่อเดือนม.ค.ผ่านมา
.
https://twitter.com/CTVNews/status/1964468684396593177
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่