[CR] No.166 The Other Half : หนังสั้น-ขั้นกลาง โดย Ictsilpakorn , Lorem Ipsum , Pakk Taii Design Week 2025



Program 1


1.) ดารารัตน์ The City of Stars (2566) กำกับโดย อินปภา ปิ่นประภา
- ดูจบรอบ 2 หลังจากเคยดูตอนโปรแกรม Thai Short Films & Videos มาแล้วเมื่อปี 2566 ในหัวก็ได้นึกถึงเรื่อง Jenny I Love you (2568) ในมุมที่ว่าพูดถึงความเหลื่อมล้ำของระบบชนชั้นที่มีตัวละครนำเป็นสาวบ้านนาออกมาหางานทำในเมืองหลวงเหมือนกันแต่ต่างกันตรงที่สเกลของหนังและความซื่อตรงของบทที่มุ่งไปทางเดียวไม่ได้วอกแวกที่ไหนเลยทำให้เรื่องนี้ทำงานกับความรู้สึกของผมได้ดีกว่าแถมซื้อใจตั้งแต่เปิดตัวด้วยเสียงเพลงลูกทุ่งดังไล่มาตามทัศนียภาพการเจรจาในเมืองหลวงที่เร่งรีบและแออัด จากนั้นภาพก็ได้เลื่อนไปที่โรงแรมแห่งหนึ่งแล้วเสียงเพลงที่ยังคงดังต่อไปกลับขับออกมาจากเสียงร้องของ อิง สาวบ้านนาที่ทำงานเป็นแม่บ้านในโรงแรมแห่งนี้ ตลอดเวลาที่ดูไปราว 26 นาที ส่วนใหญ่จะสาละวนอยู่แต่ในโรงแรมด้วยบรรยากาศที่นิ่งติงแต่แฝงนัยยะซ่อนอยู่แถมเวลาส่วนใหญ่ก็อยู่ในช่วงกลางคืน เราเลยแทบไม่ได้เห็นตัวละครอย่าง อิง หรือตัวละครอื่นที่มีหยิบมือออกไป Outdoor หรือใช้ชีวิตส่วนตัว นอกจากทำงานท่ามกลางแสงไฟสลัวจากหลอดนีออนที่มีเสียงเพลงและกลิ่นควันแอลกอฮอลอยู่เป็นเพื่อนคลายเหงาแต่สิ่งที่เห็นผ่านตัวของเธอ คือความฝันที่อยากจะเป็นนักร้องด้วยความอาหวังลึก ๆ จากการร้องเพลงไป ทำงานไปว่าสักวันนึงจะบินออกไปจากกรงที่ไม่ทราบวันเวลาเลยว่าจะถึงกี่โมง ? ถ้าไม่ได้ยินข่าวประกาศจากโทรทัศน์ว่าจะมีการประกวดร้องเพลงขึ้น ? แล้วผนวกกับ ภูผา ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมยื่นข้อเสนอให้เธอมาเป็นนักร้องในร้านอาหารของโรงแรมเลยทำให้ทั้ง อิง และ คนดูอย่างผมเริ่มเห็นแสงที่ส่องผ่านความมืดอย่างร่ำไร แต่เมื่อบรรยากาศในหนังที่ปูมาเทา ๆ แต่ต้นจนเริ่มมองไม่เห็นแสงที่ส่องมาแล้วจึงทำให้บทสรุปก่อนจากกลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายได้สะท้อนชีวิตโลกของคนกลางคืนที่บางทีคนหาเช้ากินค่ำก็ยากจะเข้าถึงทั้งหมด
 

2.) ต่อคำรักถึงใจเธอ (2566) กำกับโดย ชนวัตร จันทมงคล
- เป็นอีกเรื่องที่เคยดูมาแล้วตอนโปรแกรม Thai Short Films & Videos เมื่อปี 2566 เช่นกันและบ่งตรงว่าลืมเนื้อเรื่องที่เคยดูไป 85% ส่วนอีก 15% ยังพอจำได้ลาง ๆ เป็นบาง Shot จนพอมาดูอีกครั้งในระยะเวลาราว 49 นาทีความทรงจำก็เลยย้อนกลับมาวิ่งอยู่ในหัวด้วยความรวดไวอีกครั้งว่าตัวเรื่องมันมีความละมุนที่ไม่ได้โชว์ความเป็น LGBTQ เอาใจขา Y จากการ Feat ระหว่างหนุ่มรุ่นน้องหน้าละอ่อนที่อยากเข้าร่วมสภานักเรียนเพื่ออยากมีที่ยืนให้คนสนใจกับหนุ่มรุ่นพี่หน้าใสที่มีดีกรีเป็นถึงเซียนเกมส์ต่อคำ หรือ Crosswords ของโรงเรียนท่าเดียว แต่ระหว่างทางมันมี Details อื่นให้ใส่ใจด้วย เพราะตั้งแต่เปิดเรื่องที่รุ่นน้องได้รับ Mission ลับจากประธานสภานักเรียนสาวหน้านิ่งว่าให้พาตัวรุ่นพี่หน้าใสคนนี้กลับมาแข่งเกมส์ต่อคำที่กำลังจะจัดขึ้นในไม่กี่วันข้างหน้าให้ได้ ถ้าทำได้จะได้เข้าตามวาจาสัตย์ก็ซื้อใจผมให้ติดตามต่อได้อยู่ ขณะเดียวกันรู้สึกว่าตัวหนังเทเวลาไปที่การจู๋จี๋ของ 2 หน่อที่กำลัง Continue โดยใช้เกมส์ต่อคำเป็นสื่อกลางที่เริ่มจะก่อตัวเป็นรูปค่อนข้างนานเหมือนเพิ่งผ่านไป 1 นาทีแต่เอ๊ะใจกับตนเองเหมือนกันว่าทำไมกูไม่วูบ คงเพราะมีการออกไปหาอะไรทำอย่างอื่น อาทิ ออกไปกินเตี๋ยวไก่เจ้าประจำ , แวะไปดริ้งค์จนเกือบจะโดนนายรวบคาผับ หรือ แวะไปรายงานความคืบหน้ากับประธานสภาสาวก็ดี จึงทำให้เห็นแง่มุมอื่นที่ไม่ได้มุ่งแต่เรื่องรักใคร่นายกับเราเพราะอย่าลืมว่ายังมีเรื่องของการแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นอีก ขณะที่ความสัมพันธ์ของ 2 หน่อกำลังไปได้ด้วยดี จู่ ๆ ได้คลายปมกลางฟ้าผ่าก่อนจะถึงเวลาจากจนผมตะลึงด้วยความตกใจ แต่พอได้สติแล้วไล่ทวนความจำแต่ต้นดูมันมีมูลให้เอะใจกับการวาง Status ตัวละครบางคนอยู่ว่ามันแอบมีความซ่อนกลนิด ๆ
 

3.) Not The Same Anymore (2566) กำกับโดย ชัยมงคล สวัสดิ์
- ดูจบ ขอชมตัวผู้กำกับคุณชัยมงคลจากใจที่สามารถทำให้ผมปวดกบาลสะสมอยู่หลายวันจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้จะสรรหาและเรียบเรียงคำมาบรรยายยังไงให้ได้ใจความดีว่าตลอดเวลาที่ดูไปราว 25 นาทีเศษจะหยิบอะไรมาเขียนความในใจก่อน ด้วยเพราะตัวหนังเล่าแบบเขว้ไปเขว้มาแต่ทำทรงน้ำนิ่งไหลติงทั้งที่เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรซับซ้อนมันเลยทำให้ Details ในหนังที่มีตัวละครเล่นกันอยู่แค่ 2 คนภายในห้อง 4 เหลี่ยมแคบ ๆ กลับมีความคลุมเครือในแง่ของการนำเสนอเต็มไปหมดตั้งแต่เปิดหัวด้วยปัญหารุมเร้าที่ เต้ (ไม่รู้ว่าชื่อนี้หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัย) กำลังประสบปัญหาเหมือนนักกันมา ทั้งตกงานแบบฟ้าผ่า ทั้งเงินขาดมือถึงขั้นแอบขโมยเงินเพื่อน แล้วไหนจะ โอม รูมเมดของเต้มาตุยกระทันหันทั้งที่วันก่อนเพิ่งทะเลาะกันแหมบ ๆ  ระหว่างดูก็เกิดไม่แน่ใจกับตนเองที่กำลังเรียบเรียงข้อมูลเป็นระยะว่าไอ้สิ่งที่เต้ประสบปัญหาอยู่แต่ในห้องจนแทบจะปิดตุยขังตนเอง หรือเห็น โอม โผล่หน้ามา หลังจากเพิ่งจุดธูปเรียกไปวันก่อนไปจะใช่อย่างที่คิดที่คาดการณ์หรือเปล่า ? ซึ่งพอรู้ตนเองว่าสับสนจนคลำทางลำบากเหมือนตนเองกลายเป็น เต้ แล้วมันทำให้บทสรุปก่อนจากที่จบลงแบบนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความคลุมเครือในการนำเสนอก็ดีหรือสารที่ส่งมาก็ตามเข้าไปอีก
 
Program 4


4.) Change for Love (2566) กำกับโดย นริศรา รัตนเพ็ชร
- แม้ Plot ลักษณะนี้จะเห็นจนเอือนตาจนจำ Dialogue ตั้งแต่ต้นจนจบได้ทั้งเรื่องแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นก่อน ? แต่การเพิ่งเข้ามาดูตอนที่ตัวเอกสาว (จำชื่อไม่ได้) คุยกับเพื่อนสาวอยู่หน้า Chat ที่ไม่ทราบว่าตัวหนังได้ Run ไปแล้วกี่นาทีก็พอประติดประต่อจากบทสนทนาได้คลับคลาอยู่ว่ากำลังพูดถึงอะไร ? ซึ่งเดาไม่ยากเพราะ Topic ที่จ่าก็เป็นสิ่งแรก ๆ ที่คนทุกวัยไม่ใช่คนหนุ่มสาวจะนึกถึง ถ้าไม่ใช่เรื่องความรักแต่การที่มีตัวละครอื่นแวะเวียนเข้ามาเม้ามอยหาสู่ทั้งที่เกือบทั้งเรื่องก็สิงอยู่แต่หน้า Chat มันทำให้ผมเกิดความสับสนว่าใครเป็นใคร ? มีความสัมพันธ์อย่างไรกับตัวเอกสาวที่อยู่ในสภาวะว้าวุ้นอย่างหนักว่ากูจะลงเอยกับใครดี ? จะไปต่อกับผู้บ่าวหน้าตี๋ที่เพิ่งคุยกันหรือจะพอกับกิ๊กที่เหลือแค่นี้ ในเมื่อกูดันหาทำตัวเป็นคาสโนวี่จนมีผู้มีสาวมาติดหล่มจนหลงแล้วสร้างโลกไว้หลายใบให้แต่ละคนพักพิงใน Collection จนเริ่มรู้ตัวแล้วว่าสับรางไม่ทันเพราะรางที่วางไว้กูพันมั่วซั่วเกินการ Control แถมผมที่ดูอยู่ก็พลอยจะปวดกบาลกับการแวะไปคุยคนโน้นเวียนไปเม้าคนนี้ทีว่าทำไมมันม่วนซึ่นจังเลยวะ ? แล้วเพิ่งมารู้ว่าเพื่อนสาวที่ตัวเอกปรึกษามาตลอดก็เป็น 1 ใน โลก 4 ใบของคุณเธอในช่วงท้ายที่ตัวเธอนัดกิ๊กทั้ง 4 ประชุมออนไลน์เพื่อหาทางยุติความสัมพันธ์ 5 เส้าสุดอลวงที่เธอเป็นคนก่อจนผมพอคาดการณ์ได้ลาง ๆ ว่าหวยจะออกมาเลขอะไร ? ซึ่งพอออกมาเลขนี้ก็เป็นที่พึงพอใจแก่ผมที่อย่างน้อยการเลือกหนทางนี้ก็มีเหตุผลรองรับตรรกะเบียว ๆ ของตัวละครไว้แต่เนื่อง ๆ


 
5.) Every Letter I Sent You (2566) กำกับโดย อนัณญา เจริญวรรณยิ่ง
- เปิดเรื่องมาเห็นตัวเอกสาวนั่งอ่านจดหมายที่ถูกเขียนขึ้นจากการว่าจ้างจากเพื่อนสาวในห้องที่กำลัง In Love กับหนุ่มนักบอลของโรงเรียนในห้องนอนของเธอที่ครอบคลุมด้วยสีชมพูฟรุ้งฟริ้งปุ๊ป ภาพในหัวก็ได้นึกถึงละครเรื่อง เงาอโศก ขึ้นมาในมุมที่ตัวละครนำถูกใช้เป็นแม่สื่อในการระบายความนัยใจของตัวโกงที่มีต่อพระเอกที่ผมดูไปก็เอะใจไปว่ายุคสมัยนี้ยังมีคนใช้วิธีนี้อยู่อีกหรือ ? ทั้งที่คอมพิวเตอร์ก็มี อินเตอร์เน็ตก็พร้อม แต่ก็ไม่ปฏิเสธเช่นกันว่า วิธี Manual นี้มันจริงใจต่อการสื่อความหมายที่ถูกจริตคนส่วนใหญ่แล้วความเชยนี่แหล่ะที่เข้าใจคนที่ชอบความ Romance ความบริบูรณ์ด้วยไม่ต้องคิดหาความนัยอะไรให้ปวดกบาลแต่ดูไม่ใช่กับเรื่องนี้ที่ทำเอาผมเข็มขัดสั้นว่าจะฉีกมา way นี้ ทั้งที่ช่วงแรก ๆ ยังปูกลิ่นแอบรักเธอข้างเดียวผ่านการเป็นร่างทรงเขียนจดหมายแม่สื่ออยู่เลย ขณะเดียวกันก็เริ่มเอะใจในตัวของตัวเอกสาวเป็นระยะว่าจะพอใจกับการตกอยู่ใน Status นี้ทั้งที่ก็เอาใจลงไปเล่นจากการเขียนความรู้สึกของตนเองลงไป Joint เนียน ๆ แล้วไหลตามน้ำที่เพื่อนสาวแต่ตานี้จ้องมองแทบจะกินไส้อยู่แล้วจริงเหรอ ? เมื่อเก็บทรงไม่อยู่จึงทำให้บทสรุปก่อนจากกลายเป็นความลักแบบตลกแดกที่จิกกัดความปรารถนาในใจคนได้เจ็บแสบถึงทรวงอกแล้วท่องให้ขึ้นใจว่าอย่าเล่นกับอารมณ์ของคนโดยเฉพาะคนที่กำลังมีความรัก

ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
ชื่อสินค้า:   Review By EMistique
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่