Program 5
1.) Glam Dangerous (2567) กำกับโดย ณัฐกฤษ ธาริธรรม
- ทันทีที่เพิ่งเข้ามาเห็นว่า ริม สาว Transgender กับ เจมส์ ผู้บ่าวหน้ามึนได้ Featuring อะไรกันเสร็จก่อนที่ฝ่ายชายจะหายศีรษะไปไม่นาน คุณเธอจึงได้กรี๊ดลั่นคาห้องออกมาในเมื่อ เงิน ที่คุณเธอตั้งใจเก็บออมไว้ไปทำนมที่เกาหลีหายไปต่อหน้าต่อตา เพียงเท่านี้ก็สัมผัสได้ถึงความบรรลัยที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ด้วยการออกตามล่าหาคนที่ขโมยของ ๆ เธอ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือตัวผู้บ่าว เจมส์ ที่เพิ่ง Some กับคุณเธอไปหยก ๆ ระหว่างที่ ริม กับ เพื่อนสาว ออกตามล่าผู้บ่าว เจมส์ ในยามราตรีทำให้ผมนึกถึงเรื่อง Tangerine (2015) ด้วยสไตล์การเล่าที่มีลักษณะเสียดสีสังคมแบบจริตจก้านได้เจ็บแสบปวดคันโดยที่เราไม่ต้องเสียเวลานั่งลุ้นหน้างานว่าจะเจอคู่กรณีกี่โมง ? ในเมื่อทั้งคู่เดินมาป๊ะเข้ากับคู่กรณีที่ทำเนียนนั่งโซ้ยเตี๋ยวอยู่ข้างทางแล้วทำพรี่หน้ามึนสวนกลับว่าไม่ได้เอาไป ทั้ง ๆ ที่ดูหน้าก็รู้แล้วว่า
ในเมื่อไม่ยอมรับแถมยังโดนป้าที่ไหนไม่รู้ถีบหัวไล่ส่งจนไปแจ้งความที่โรงพักแทนที่จะได้เรื่องแต่กลับถูกปฏิเสธแถมยังพูดจา Bully ไล่ส่งอีกกระทง ในเมื่อตำรวจพึ่งอะไรไม่ได้เลยทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจเป็นศาลเตี้ยด้วยแผนการเอาคืนสุดเสวที่นอกจากขำเขรี้แตกกับวิธีการสุดเดือดที่แต่ละอย่างก็ช่างสรรหาคิดซะเหลือเกินแล้วยังกระแทกหน้าต่อสังคมชายเป็นใหญ่แล้วจำใส่ไว้ในกระโหลกด้วยว่าอย่าคิดหาทำกับคนติดแกลมแบบ กู
Program 6
2.) October (No) Longer (2567) กำกับโดย วนัสพร สนิทน้อย
- หนังพาเราไปสู่จุดแตกหักสู่ความด่ำดิ่งอันไกลโพ้นได้ไวทันตาโดยไม่ทันเตรียมใจการมาของสัญญาณอารมณ์นี้เลยว่าจะให้รับมือตอนกี่โมง ? หลังจากที่ สอง ได้บอกเลิก ตุลา แฟนสาวที่นั่งข้าง ๆ กลางฟ้าผ่า ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันสัพเพเหระอยู่แหมบ ๆ มันเลยเกิดฉุกคิดขึ้นด้วยความอยากรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายชายตัดสินใจพูดไปอย่างนั้น ? ซึ่งตลอดที่ดูจะเล่าเป็น 2 Parts ระหว่าง Part อดีตในช่วงที่ทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันในห้องสมุดตอนวัยเรียน กับ Part ปัจจุบันในช่วงที่ทั้งคู่กำลังจะเลิกรากันในวัยผู้ใหญ่จากการที่ฝ่ายชายขอบอกเลิกจนฝ่ายหญิงมาเก็บของตนเองกลับที่บ้านฝ่ายชายสลับไปมาโดยมีเสียงเพลงที่คุ้นหูหลายเพลงเป็นตัวเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวเป็นรูปรวมถึงเส้นเรื่องที่ร้อยเรียงผ่านบรรยากาศเรียบนิ่งแต่แฝงกลิ่นความคิดถึงและอาลัยกับสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ในเมื่อแก้วมันร้าวไปแล้วไม่นานก็คงจะแตกมันเลยทำให้ผมพอคาดการณ์ได้อยู่ว่าบทสรุปจะออกมาอย่างไร ? ในเมื่อคนนึงต้องการจะไปกับอีกคนที่ยังจะรั้งไว้ทั้งที่ตนเองเป็นคนเตะปลั๊กหรือใจเราเองตังหากที่เปลี่ยนไปทั้งที่เราก็เคยมีช่วงเวลาดี ๆ ให้ระลึกถึงกัน
Program 7
3.) Twisted Bonds (2567) กำกับโดย ภาคภูมิ ชำนาญพฤกษา
- เพียงแค่เห็น Poster ก็สัมผัสถึงความ จิต ลาง ๆ ว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลกระตุกต่อมอยากเผือกแน่นอน พอดูจบก็เป็นไปตามที่คาดการณ์แต่มันไม่ได้จู่โจมใส่อารมณ์คนดูตรง ๆ แต่ค่อย ๆ เลี้ยงบรรยากาศไปตามราวหลังจากที่ โซล ชายหนุ่มที่พักอยู่ในหอนี้ได้ทำปล่อยเช่าห้องให้ มายด์ หญิงสาวที่กำลังจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยการต้อนรับขับสู้อย่างเป็นมิตรกระทั่งมีการ Deal อะไรกันเสร็จปั๊ปเท่านั้นแหล่ะตัวหนังก็ได้พาเราเข้าสู่โหมดความจิตที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะชมแผนการถ้ำมองของชายหนุ่มผ่านกล้อง CCTV ในห้องส่วนตัวไปอย่างเรียบง่ายบ่งตรงว่าได้เผลอวูบหลับไปดื้อ ๆ ตอนไหนจำไม่ได้ ด้วยเพราะกำลังอยู่ในโหมดซึมซับสภาวะในจิตใจของตัวละครที่เล่นกันอยู่แค่ 2 คนอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่คนนึงกำลังถูกจับตามองความเป็นส่วนตัวกับอีกคนกำลังจะถลำลึกสู่ด้านมืดในกิเลสตัณหาเข้าไปทุกทีแต่ด้วยความใจร้อนของผมที่คิดนำเหตุการณ์ไปล่วงหน้าก็เลยรู้สึกว่ามันสาละวนอยู่แต่การถ้ำมองในห้องลับนานไปหน่อยแถมยังไม่มีชนวนเหตุให้เกิดความตื่นเต้นก็เลยวูบตามที่กล่าวไปจนมาตื่นเอาตอนที่หญิงสาวชวนชายหนุ่มมาโซ้ยมาม่าที่ห้องพร้อมกับถามไถ่สารทุกข์ความในใจกระทั่งล้างจานด้วยกันเท่านั้นแหล่ะตัวหนังก็ได้เลี้ยวหักศอกใส่คนดูอย่างผมจะ ๆ อย่างฉับพลันและเข็มขัดสั้นว่าจะมา way นี้ ถ้าไม่รีบเตะปลั๊กในรหะว่างที่เคมีของทั้งคู่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มจวนจะร้อง ซี๊ด อยู่แค่เอื้อมไปซะก่อนก็คงจะได้เห็นอะไร Dark ๆ มากกว่านี้
- Program 8
4.) Twigs and Gum (2567) กำกับโดย ภาวินี ม่วงปรางนา
- เรียบนิ่งแต่เจ็บลึก เป็นคำนิยามที่ผุดเข้ามาในหัวหลังจากดูจบด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำที่ตัวของ ไต้หวัน เด็กหนุ่มผู้เป็นออทิสติกได้เผชิญจากการถูก Bully จากเพื่อนชายในห้องและครูที่ตามกระแสกับเขาด้วยในช่วง Timeline เดือนมีนาคม ปี 2565 เพียงเพราะเขาไม่เหมือนกับคนปกติ ซึ่งการมี มี่ เพื่อนสาวที่สนิทเพียงคนเดียวคอยช่วยเหลือประคับประคองในยามมีปัญหาแล้วยังเป็นแสงสว่างนำทางให้ ไต้หวัน ได้พบกับความสุขตามที่ปรารถนาจากสังคมที่เลวร้ายเกินจะเยียวยา ถึงแม้ตลอดทั้งเรื่องจะปูทางด้วยบรรยากาศสดใสจนแทบจะมองไม่ค่อยเห็น Details ที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็ไม่อาจปกปิดความโสมมทางศีลธรรมที่เลือกปฏิบัติกับคนอีกกลุ่มด้วยชุดความคิดคร่ำครึที่ถูกส่งต่อกันอย่างรุนแรงเข้าไปทุกทีมันเลยนำไปสู่บทสรุปที่กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่นอกจากทำให้ทุกสิ่งพลิกผันอย่างเข็มขัดสั้นแล้วยังสามารถเล่นงานความรู้สึกของผมได้จุกอกจนแตกสลายตามไปกับความในใจในเชิงกวีเป็นภาษาอังกฤษที่ตัว มี กำลังพรรณนาก็เกือบน้ำตาคลออกมาอยู่เหมือนกัน
5.) Where the Blow Winds (2567) กำกับโดย จิดาภา แก้วประเสริฐ
- ระหว่างดูในหัวก็นึกถึงตนเองที่เคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ด้วยชุดคำถามสิ้นคิดที่คนชอบถามเหมือนนัดกันมาว่าจบแล้วจะไปเรียนต่อที่ไหน ? หรือ จบแล้วจะไปทำงานอะไร ? ถึงเป็นคำถามง่าย ๆ แต่สำหรับคนที่ยังค้นหาเป้าหมายในชีวิตอย่างผมหรือภู นักเรียนชั้น ม.5 กลับเป็นคำถามที่ตอบยาก
ในเมื่อตนเองก็ยังสับสนกับชีวิตที่ขณะนี้เหลืออยู่ในรั้วโรงเรียนเพียงแค่ปีเดียวยังไม่รู้เลยว่าหนทางข้างหน้าของกูจะเป็นยังไง ? นับประสาอะไรกับผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ที่ยังรู้สึกว้าเหว้กับชีวิตวัยกลางคนในเมื่อสังคมที่เป็นอยู่มักเลือกปฏิบัติและให้โอกาสเฉพาะกับคนที่มีเงินมีแสงส่องมากกว่า ระหว่างดู ภู ซ้อมเป่าแตรหรือเปล่าไม่แน่ใจกับรุ่นพี่สาว ม.6 กัน 2 ต่อ 2 จนโดนติก็สัมผัสถึงความนอยด์ในตัว ภู ได้ทันทีว่าเป็นวัยรุ่นในยุคที่อุดมด้วยสิ่งยั่วยุทันสมัยนี้ก็ลำบากเหมือนกันว่ะ ขนาดว่าเดินไปถามเพื่อนคนโน้นที ขอปรึกษารุ่นพี่วงโยคนเดิม หรือ ตอนถูกครูซักถามถึงความฝันในห้องปกครองตัวต่อตัวก็ตอกย้ำถึงความเคว้งสะสมที่ไม่รู้จะเริ่มหาทางไปต่อยังไงดี ? กับสภาพสังคมที่หวยคัวไม่เลิกอยู่แบบนี้ ถึงแม้จะเล่นจบใส่คนดูดื้อ ๆ ทั้งที่ยังสามารถขยายความต่อไปได้อีกซักหน่อยก็ไม่ว่ากันเพราะสารที่ส่งมาเข้าไปอยู่ในใจผมเป็นที่เรียบร้อย
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
[CR] No.168 The Other Half : หนังสั้น-ขั้นกลาง 2 โดย Ictsilpakorn , Lorem Ipsum , Pakk Taii Design Week 2025
Program 5
1.) Glam Dangerous (2567) กำกับโดย ณัฐกฤษ ธาริธรรม
- ทันทีที่เพิ่งเข้ามาเห็นว่า ริม สาว Transgender กับ เจมส์ ผู้บ่าวหน้ามึนได้ Featuring อะไรกันเสร็จก่อนที่ฝ่ายชายจะหายศีรษะไปไม่นาน คุณเธอจึงได้กรี๊ดลั่นคาห้องออกมาในเมื่อ เงิน ที่คุณเธอตั้งใจเก็บออมไว้ไปทำนมที่เกาหลีหายไปต่อหน้าต่อตา เพียงเท่านี้ก็สัมผัสได้ถึงความบรรลัยที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ด้วยการออกตามล่าหาคนที่ขโมยของ ๆ เธอ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนก็คือตัวผู้บ่าว เจมส์ ที่เพิ่ง Some กับคุณเธอไปหยก ๆ ระหว่างที่ ริม กับ เพื่อนสาว ออกตามล่าผู้บ่าว เจมส์ ในยามราตรีทำให้ผมนึกถึงเรื่อง Tangerine (2015) ด้วยสไตล์การเล่าที่มีลักษณะเสียดสีสังคมแบบจริตจก้านได้เจ็บแสบปวดคันโดยที่เราไม่ต้องเสียเวลานั่งลุ้นหน้างานว่าจะเจอคู่กรณีกี่โมง ? ในเมื่อทั้งคู่เดินมาป๊ะเข้ากับคู่กรณีที่ทำเนียนนั่งโซ้ยเตี๋ยวอยู่ข้างทางแล้วทำพรี่หน้ามึนสวนกลับว่าไม่ได้เอาไป ทั้ง ๆ ที่ดูหน้าก็รู้แล้วว่า
Program 6
2.) October (No) Longer (2567) กำกับโดย วนัสพร สนิทน้อย
- หนังพาเราไปสู่จุดแตกหักสู่ความด่ำดิ่งอันไกลโพ้นได้ไวทันตาโดยไม่ทันเตรียมใจการมาของสัญญาณอารมณ์นี้เลยว่าจะให้รับมือตอนกี่โมง ? หลังจากที่ สอง ได้บอกเลิก ตุลา แฟนสาวที่นั่งข้าง ๆ กลางฟ้าผ่า ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันสัพเพเหระอยู่แหมบ ๆ มันเลยเกิดฉุกคิดขึ้นด้วยความอยากรู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ฝ่ายชายตัดสินใจพูดไปอย่างนั้น ? ซึ่งตลอดที่ดูจะเล่าเป็น 2 Parts ระหว่าง Part อดีตในช่วงที่ทั้งคู่เพิ่งรู้จักกันในห้องสมุดตอนวัยเรียน กับ Part ปัจจุบันในช่วงที่ทั้งคู่กำลังจะเลิกรากันในวัยผู้ใหญ่จากการที่ฝ่ายชายขอบอกเลิกจนฝ่ายหญิงมาเก็บของตนเองกลับที่บ้านฝ่ายชายสลับไปมาโดยมีเสียงเพลงที่คุ้นหูหลายเพลงเป็นตัวเชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่กำลังก่อตัวเป็นรูปรวมถึงเส้นเรื่องที่ร้อยเรียงผ่านบรรยากาศเรียบนิ่งแต่แฝงกลิ่นความคิดถึงและอาลัยกับสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป ในเมื่อแก้วมันร้าวไปแล้วไม่นานก็คงจะแตกมันเลยทำให้ผมพอคาดการณ์ได้อยู่ว่าบทสรุปจะออกมาอย่างไร ? ในเมื่อคนนึงต้องการจะไปกับอีกคนที่ยังจะรั้งไว้ทั้งที่ตนเองเป็นคนเตะปลั๊กหรือใจเราเองตังหากที่เปลี่ยนไปทั้งที่เราก็เคยมีช่วงเวลาดี ๆ ให้ระลึกถึงกัน
Program 7
3.) Twisted Bonds (2567) กำกับโดย ภาคภูมิ ชำนาญพฤกษา
- เพียงแค่เห็น Poster ก็สัมผัสถึงความ จิต ลาง ๆ ว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลกระตุกต่อมอยากเผือกแน่นอน พอดูจบก็เป็นไปตามที่คาดการณ์แต่มันไม่ได้จู่โจมใส่อารมณ์คนดูตรง ๆ แต่ค่อย ๆ เลี้ยงบรรยากาศไปตามราวหลังจากที่ โซล ชายหนุ่มที่พักอยู่ในหอนี้ได้ทำปล่อยเช่าห้องให้ มายด์ หญิงสาวที่กำลังจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วยการต้อนรับขับสู้อย่างเป็นมิตรกระทั่งมีการ Deal อะไรกันเสร็จปั๊ปเท่านั้นแหล่ะตัวหนังก็ได้พาเราเข้าสู่โหมดความจิตที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะชมแผนการถ้ำมองของชายหนุ่มผ่านกล้อง CCTV ในห้องส่วนตัวไปอย่างเรียบง่ายบ่งตรงว่าได้เผลอวูบหลับไปดื้อ ๆ ตอนไหนจำไม่ได้ ด้วยเพราะกำลังอยู่ในโหมดซึมซับสภาวะในจิตใจของตัวละครที่เล่นกันอยู่แค่ 2 คนอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่คนนึงกำลังถูกจับตามองความเป็นส่วนตัวกับอีกคนกำลังจะถลำลึกสู่ด้านมืดในกิเลสตัณหาเข้าไปทุกทีแต่ด้วยความใจร้อนของผมที่คิดนำเหตุการณ์ไปล่วงหน้าก็เลยรู้สึกว่ามันสาละวนอยู่แต่การถ้ำมองในห้องลับนานไปหน่อยแถมยังไม่มีชนวนเหตุให้เกิดความตื่นเต้นก็เลยวูบตามที่กล่าวไปจนมาตื่นเอาตอนที่หญิงสาวชวนชายหนุ่มมาโซ้ยมาม่าที่ห้องพร้อมกับถามไถ่สารทุกข์ความในใจกระทั่งล้างจานด้วยกันเท่านั้นแหล่ะตัวหนังก็ได้เลี้ยวหักศอกใส่คนดูอย่างผมจะ ๆ อย่างฉับพลันและเข็มขัดสั้นว่าจะมา way นี้ ถ้าไม่รีบเตะปลั๊กในรหะว่างที่เคมีของทั้งคู่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มจวนจะร้อง ซี๊ด อยู่แค่เอื้อมไปซะก่อนก็คงจะได้เห็นอะไร Dark ๆ มากกว่านี้
- Program 8
4.) Twigs and Gum (2567) กำกับโดย ภาวินี ม่วงปรางนา
- เรียบนิ่งแต่เจ็บลึก เป็นคำนิยามที่ผุดเข้ามาในหัวหลังจากดูจบด้วยความรู้สึกเจ็บช้ำที่ตัวของ ไต้หวัน เด็กหนุ่มผู้เป็นออทิสติกได้เผชิญจากการถูก Bully จากเพื่อนชายในห้องและครูที่ตามกระแสกับเขาด้วยในช่วง Timeline เดือนมีนาคม ปี 2565 เพียงเพราะเขาไม่เหมือนกับคนปกติ ซึ่งการมี มี่ เพื่อนสาวที่สนิทเพียงคนเดียวคอยช่วยเหลือประคับประคองในยามมีปัญหาแล้วยังเป็นแสงสว่างนำทางให้ ไต้หวัน ได้พบกับความสุขตามที่ปรารถนาจากสังคมที่เลวร้ายเกินจะเยียวยา ถึงแม้ตลอดทั้งเรื่องจะปูทางด้วยบรรยากาศสดใสจนแทบจะมองไม่ค่อยเห็น Details ที่ซ่อนอยู่ในนั้นก็ไม่อาจปกปิดความโสมมทางศีลธรรมที่เลือกปฏิบัติกับคนอีกกลุ่มด้วยชุดความคิดคร่ำครึที่ถูกส่งต่อกันอย่างรุนแรงเข้าไปทุกทีมันเลยนำไปสู่บทสรุปที่กลายเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่นอกจากทำให้ทุกสิ่งพลิกผันอย่างเข็มขัดสั้นแล้วยังสามารถเล่นงานความรู้สึกของผมได้จุกอกจนแตกสลายตามไปกับความในใจในเชิงกวีเป็นภาษาอังกฤษที่ตัว มี กำลังพรรณนาก็เกือบน้ำตาคลออกมาอยู่เหมือนกัน
5.) Where the Blow Winds (2567) กำกับโดย จิดาภา แก้วประเสริฐ
- ระหว่างดูในหัวก็นึกถึงตนเองที่เคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้นมาจนถึงวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ด้วยชุดคำถามสิ้นคิดที่คนชอบถามเหมือนนัดกันมาว่าจบแล้วจะไปเรียนต่อที่ไหน ? หรือ จบแล้วจะไปทำงานอะไร ? ถึงเป็นคำถามง่าย ๆ แต่สำหรับคนที่ยังค้นหาเป้าหมายในชีวิตอย่างผมหรือภู นักเรียนชั้น ม.5 กลับเป็นคำถามที่ตอบยาก
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ : EMistique
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้