JJNY : ศิริกัญญามองหลังศาลรธน.│เปิดข้อสังเกต ทิชา ณ นคร ต่อกมธ.│ทบ.กังวลเหตุบ้านหนองจาน│นศ.อินโดนีเซียเดินหน้าประท้วง

ศิริกัญญา มอง หลังศาลรธน.ตัดสิน กระทบศก.ทั้ง 2 ทาง เคลียร์ปมสลับขั้ว ย้ำปชน. ไม่เป็นแกนนำตั้งรบ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5344900
.
.
ศิริกัญญา ประเมินหลังศาลรธน.ตัดสิน กระทบศก.ทั้ง 2 ทาง ย้ำปชน. ไม่เป็นแกนนำตั้งรบ.
.
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน วิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตัดสินคดีเกี่ยวกับคุณสมบัติการเป็นนายกรัฐมนตรีของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันนี้หรือไม่ว่า ไม่ว่าผลการตัดสินออกมาว่านายกรัฐมนตรีจะพ้นจากตำแหน่ง หรือไม่พ้นจากตำแหน่งนั้น ตนเองมองว่ามีผลต่อเศรษฐกิจไทยทั้งสองทางแน่นอน แต่การที่คำตัดสินของศาลออกมาว่าให้นายกฯ พ้นจากตำแหน่งนั้น จะมีผลทางเศรษฐกิจมากกว่า เนื่องจากไม่ได้ทำร้ายเพียงแค่เสถียรภาพของรัฐบาล แต่สะท้อนถึงหลักนิติธรรมของกฎหมาย ขององค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญ ว่าสามารถถอดถอนนายกรัฐมนตรี ในข้อหาจริยธรรมได้ถึงสองคนภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี
.
ส่วนตัวจึงมองว่าเรื่องนี้น่าจะกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยในแง่ของนักลงทุนแน่นอน ว่าประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบอะไรกันแน่ ถึงได้มีการแทรกแซงทางการเมืองกันได้อย่างง่ายดาย และอาจจะทำให้ในระยะยาวในอนาคต ไทยอาจจะไม่ใช่ประเทศที่ทำให้นักลงทุนตัดสินใจมาลงทุนต่อหรือเพิ่มขึ้นอีก เพราะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรทางการเมืองที่จะมา ที่จะเกิดขึ้น จนส่งผลกระทบต่อการลงทุน เนื่องจากเสถียรภาพทางการเมืองไทยนั้นคาดเดาได้ยากมาก
.
อย่างไรก็ตาม ถ้ามองในมุมความชอบธรรมทางการเมือง นางสาวศิริกัญญาระบุว่า เข้าใจดีว่านายกรัฐมนตรีก็มีปัญหาในเรื่องของความชอบธรรมแน่นอน เพียงแต่ว่าไม่อยากให้ใช้กลไกขององค์กรอิสระหรือว่าศาลรัฐธรรมนูญในการที่จะถอดถอนตัวนายกรัฐมนตรี และมีความคิดว่าสภา หรือว่าสภาไทยยังคงเป็นทางออกให้ได้ เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะรอด แต่ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าจะดำเนินการในการที่จะยื่นซักฟอกนายกรัฐมนตรีต่อไปเช่นเดียวกัน
.
เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ จะมาได้จากการที่สถานการณ์ต่าง ๆ มันสามารถที่จะคาดเดาได้ ไม่ใช่ว่าสถานการณ์ราบเรียบแล้วเป็น business as usual ไปวัน ๆ แต่ว่าถ้าทุกอย่างคาดการณ์ได้ ถ้านายกรัฐมนตรีกระทำความผิดแล้วก็มีกระบวนการเป็นไปตามขั้นตอน เช่น การให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือว่ายุบสภา หรือว่าถูกถอดถอนโดยสภา เป็นเรื่องที่ประเทศอื่น ๆ ในสากลเขาสามารถคาดเดากันได้อยู่แล้ว ดังนั้น เสถียรภาพอย่าเข้าใจผิด คิดว่าคือการมีรัฐบาลเดียวตลอดไป แต่คือการที่เราจะต้องสามารถคาดเดาสถานการณ์ข้างหน้าได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมากกว่า”
.
ส่วนกรณีที่หากว่านายกรัฐมนตรีรอดพ้นจากคดีนั้น หลายฝ่ายมีการตั้งข้อสังเกต ว่าอายุของรัฐบาลอาจจะสั้น การผลักดันนโยบายเศรษฐกิจรวมถึงนโยบายอื่น ๆ อาจจะไม่ต่อเนื่องตามความคาดหวัง นางสาวศิริกัญญากล่าวว่า เห็นตรงกันว่าในกรณีที่รอดก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถที่จะอยู่ในรัฐบาลต่อไปได้จนครบเทอม ด้วยคะแนนเสียงในสภาที่เห็นกันอยู่ว่า อยู่ในระดับที่ปริ่มน้ำมาโดยตลอด ก็มีโอกาสที่จะนำไปสู่การยุบสภาได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกัน
.
เพราะฉะนั้นถ้าจะคาดหวังให้มันเกิดความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบาย คิดว่าคงไม่มีโอกาสแล้ว ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคิดว่าถ้ารอด การยุบสภาให้เร็วที่สุดก็ยังคงเป็นทางออก เมื่อมีข้อสงสัยให้คืนอำนาจให้กับประชาชนตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง น่าจะเป็นทางออกที่ควรเป็นไปตามสามัญสำนึก และสุดท้ายน่าจะนำความปกติและเสถียรภาพให้กลับคืนมาสู่เศรษฐกิจ และสถานการณ์การเมืองไทยได้อย่างแท้จริง
.
ส่วนถ้านายกฯพ้นจากตำแหน่งและกลับเข้าสู่สภาใหม่นั้น จะมีโอกาสหรือไม่ที่จะมีการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองเกิดขึ้น หรือพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะเปลี่ยนไป นางสาวศิริกัญญากล่าวว่า ถ้าจะมีการสลับขั้ว ต้องขึ้นอยู่กับให้พรรคที่มีแคนดิเดตนายกฯ เป็นผู้ตัดสินใจ ทางพรรคประชาชนเองหลังจากที่ถูกยุบพรรค เราไม่เหลือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว เราคงจะไม่ได้ไปเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และยังเห็นเหมือนเดิมว่าตอนนี้หมดข้อกังวลแล้ว งบฯผ่านสภาแล้ว สถานการณ์ชายแดนเริ่มคลี่คลาย และเข้าสู่กระบวนการของสากลกับทางคณะ UN ต่าง ๆ แล้ว ก็น่าจะวางใจในการยุบสภาได้ เราก็ยังคิดว่าการยุบสภาให้เร็วที่สุดยังคงเป็นทางออก
.
แต่ในท้ายที่สุด เนื่องจากว่าพรรคประชาชนไม่ได้จะมีส่วนร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ต่อไป แต่ก็ยังยืนยันคำเดิมที่เราเคยได้ประกาศต่อสาธารณะไป ว่าเราจะเป็นคนที่จะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่สัญญาว่าจะยุบสภาภายในสิ้นปีนี้ และจัดให้มีการทำประชามติ พร้อมกับการเลือกตั้งใหญ่ภายในปลายปีหน้า ตามเดิมที่เคยประกาศไว้
.

.
เปิดข้อสังเกต ทิชา ณ นคร ต่อกมธ.เสริมสร้างสังคมสันติสุข ชี้ไม่ให้น้ำหนัก เยาวชนโดนคดี112
https://www.matichon.co.th/politics/news_5344658
.
เปิดข้อสังเกต ทิชา ณ นคร ต่อกมธ.เสริมสร้างสังคมสันติสุข ชี้ไม่ให้น้ำหนัก เยาวชนโดนคดี112
.
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน ผอ.บ้านกาญจนา ที่ปรึกษากมธ.พิจารณาร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/thicha.nanakorn.2025 Thicha Nanakorn ถึงการประชุม คณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข หรือ กฎหมายนิรโทษกรรม โดยว่า
.
“ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข หรือ กฎหมายนิรโทษกรรมนั่นแหละ
เห็นชื่อ “คณะกรรมาธิการ” หลายคนในพื้นที่สื่อ ในพื้นที่สาธารณะ “ความคิดดีนะ” ยิ่งรู้สึกดี
.
เห็นชื่อ “ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ” หลายคนก็รู้สึกดียิ่งขึ้น และยินดีรับเป็นหนึ่งในที่ปรึกษา
.
เข้าประชุมครั้งแรก “ส่วนตัวไม่โอเค” เหมือนไปผิดงาน คนที่ใช่ คือ ไม่ใช่ แต่ไม่เศร้า ไม่แปลกอะไร เข้าใจอยู่
.
เข้าประชุมครั้งแรก ในฐานะ “ที่ปรึกษาฯ” ตามระเบียบ คือ แสดงความคิดเห็นได้ แต่โหวตไม่ได้ จึงขอแสดงความคิดเห็น ตามที่เราเห็น เราคิด เรารู้ …
แต่ระหว่างแสดงความคิดเห็น กรรมาธิการบางคนแย้งว่า “ความคิดแบบนั้นมันทำให้การประชุมเสียบรรยากาศและมาไกลจากจุดนั้น“
จึงต้องบอกกลับไปว่า “มันก็ทำให้ฉันเสียเวลาที่ต้องมาประชุมเหมือนกัน หากมาแล้วไม่ส่งสาร ไม่สื่อสาร”
.
ครั้งที่ 2 ติดภารกิจเข้าประชุมไม่ได้ แต่ไม่ clear กับสิ่งที่ “ไม่ถูกให้น้ำหนัก ให้พื้นที่ นั่นคือ เด็ก เยาวชน ประชาชน คนหนุ่มสาว ในข้อกล่าวหา / ในความผิด มาตรา 112 ในร่างกฎหมายที่กำลังพิจารณานิรโทษกรรม”
.
ครั้งที่ 2 ขอส่งเอกสาร “ข้อสังเกตของนางทิชา ณ นคร”
.
พร้อมกันนี้ ยังได้แนบข้อสังเกตกรณีร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข 3 ข้อ หวังให้ลูกหลานได้อยู่ในสังคมที่ปลอดภัย ภายใต้ความคิดที่แตกต่าง ทั้งการยอมรับคนอื่น และ ถูกคนอื่นยอมรับ ซึ่งเป็นพัฒนาการที่มีคุณค่า มีพลัง มีอนาคตที่ปลอดภัยของทุกคนเป็นเดิมพัน
.
https://www.facebook.com/thicha.nanakorn.2025/posts/pfbid02wKTaTLpn2bFkyVkZM4eU1RupGG8D22oUfV11gK3kgvvL8AuqFvcVXGLFwYoazAfgl
.

.
ทบ.กังวลเหตุบ้านหนองจาน ลามจุดอื่น ชี้ถ้าผลทวิภาคีไม่คืบ จ่อใช้กำลังผลักดัน เห็นด้วยกองทัพสร้างรั้ว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5344845
.
โฆษก ทบ. รับกังวลเหตุบ้านหนองจาน หวั่นลามไปจุดอื่น ชี้หากถกทวิภาคีไม่คืบ เป็นไปได้ใช้กำลังผลักดัน เห็นด้วยสร้างรั้ว ย้ำยิงตอบโต้ทหารกัมพูชา ลอบวางทุ่นระเบิด ชี้มีโอกาสบานปลาย หากยิงสวนกลับมา ยันแม้อยู่ในห้วงหยุดยิง แต่ไม่ปิดโอกาสต้องการตัว
.
เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงข่าวสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว หลังมีการประกาศกฎอัยการศึกว่า ยังไม่ได้รับรายงานสิ่งผิดปกติ ซึ่งการประกาศกฎอัยการศึกเป็นมาตรการควบคุมพื้นที่ และรักษาความปลอดภัย เนื่องจากในพื้นที่มีแนวโน้มการเกิดเหตุจลาจล อาจจะมีความไม่เรียบร้อย ถือเป็นมาตรการดูแลการเข้าออกในพื้นที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะบุคคลที่เป็นประชาชน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกัมพูชาหรือฝ่ายไทย
.
อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเผชิญหน้าของประชาชนสองประเทศ ไม่มีใครอยากให้มีการเผชิญหน้าในลักษณะนั้น ซึ่งอาจจะพัฒนาไปยังจุดอื่น จึงค่อนข้างมีความน่ากังวล ขณะเดียวกัน ยืนยันว่ามวลชนฝ่ายไทย เช่น อินฟลูฯ ขอความร่วมมือได้ และปัจจุบันน่าจะมีการพูดคุยกันอยู่แล้ว ซึ่งฝั่งไทยไม่ได้มีความน่ากังวลอะไร ทุกคนอยู่ในกรอบ และยังสามารถเข้าออกในพื้นที่ได้ เพียงแต่ให้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย
.
พล.ต.วินธัยยังกล่าวถึงกรณีการสร้างรั้วชายแดน จ.สระแก้วว่า โดยหลักแล้ว หากเป็นพื้นที่ที่มีความเรียบร้อยแล้วสามารถสร้างรั้วได้ ขณะนี้อยู่ที่ว่าหน่วยไหนจะเป็นผู้ปฏิบัติ แต่ในพื้นที่ที่เป็นประเด็น ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจน ไม่มีการยอมรับเส้นปฏิบัติการของทั้งสองประเทศ
.
เมื่อถามว่า ในพื้นที่บ้านหนองจาน กรณีที่การประชุมทวิภาคีในระดับต่างๆ ไม่เป็นผล จะสามารถใช้กำลังผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้หรือไม่
.
พล.ต.วินธัยกล่าวว่า เป็นไปได้หมด พื้นที่ตรงนั้นมีความข้องเกี่ยวกับประชาชนต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง เพราะในภาพรวมกัมพูชาพยายามใช้เวทีต่างประเทศเป็นเครื่องมือกดดันฝ่ายไทย แต่ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งฝ่ายไทยก็มีความพร้อมในทุกเรื่อง และเราก็ชี้แจงในทุกเรื่องได้ว่าสิ่งที่ได้กระทำไปอยู่บนพื้นฐานของความชอบธรรม ยอมรับว่าฝ่ายทหารเองก็กังวล อยากให้การทำงานมีความสมบูรณ์มากที่สุด ไม่ถูกหยิบยกไปเป็นเงื่อนไขอื่นที่จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในอนาคต เพราะจะทำให้บริหารจัดการปัญหาต่างๆ ได้ยากขึ้น
.
โฆษก ทบ.กล่าวว่า ส่วนเรื่องการสร้างรั้วจะเป็นหน้าที่ของกองทัพบกหรือกองทัพไทยนั้น ตรงนี้ยังไม่มีข้อมูลรายละเอียด ซึ่งการสร้างรั้วน่าจะมีประโยชน์โดยเฉพาะการเข้าออกในพื้นที่ที่มีความชัดเจน แต่เท่าที่มีติดตามข่าวสารกับกองทัพไทยจะพูดถึงบริเวณพื้นที่ที่ตกลงกันได้แล้ว ก็จะได้ประโยชน์ในเรื่องอื่นๆ รวมถึงการกระทำผิดกฎหมายที่ใช้ช่องทางธรรมชาติก็พยายามไม่ทำให้มากที่สุด
.
พล.ต.วินธัยยังกล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้วยว่า ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 2 ยังต้องเฝ้าระวัง และกำลังพลยังคงมีความพร้อมในการรักษาอธิปไตย ไม่ต่างกับห้วงที่ผ่านมา แต่ในห้วงนี้ในพื้นที่ที่อยู่ในการควบคุมยังมีการลักษณะในการลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด หลังจากมีข้อตกลงหยุดยิงยังคงมีการใช้อาวุธทำร้ายฝ่ายไทยจำนวน 3 ครั้ง
.
ทั้งนี้ การลาดตระเวน แม้จะเป็นพื้นที่ที่เราควบคุมได้ แต่ก็ยังต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะงานด้านการข่าวยังพบว่าฝ่ายกัมพูชายังลอบเข้าพื้นที่เพื่อมาทำร้ายฝ่ายไทยด้วยการลอบวางทุ่นระเบิด นอกจากนี้ การคุกคามด้วยการใช้โดรนก็ยังคงมีอยู่ แต่มีความหนาแน่นน้อยลง ตลอดจนบิดเบือนข้อมูล
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่