
.
ชยพล แจงดราม่าไส้ไก่ ข้องใจ ขอให้ใช้ของมีคุณภาพจะห้ามทำไม ชี้กองทัพควรช่วยกันส่งเสียงด้วยซ้ำ
.
จากกรณี เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2-3 โดยตอนหนึ่ง นาย
ชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม พรรคประชาชน (ปชน.) ได้กล่าวถึง งบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์เข้าใจว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัด แต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า และยังไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ .
.
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นาย
ชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม พรรคประชาชน (ปชน.) ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ไส้ไก่ โดยระบุข้อความว่า
.
“ว่าด้วยเรื่องไส้ไก่
.
ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สนใจในประเด็นที่ผมได้อภิปรายเรื่องงบประมาณกระทรวงกลาโหมปี 2569 ในวาระที่ 2 ซึ่งประเด็นที่ผมได้พูดถึงคือเรื่องความเหมาะสมของการจัดงบประมาณในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่ได้มีแค่เรื่องไส้ไก่เท่านั้น แต่เดี๋ยวมาตอบเรื่องไส้ไก่กันก่อนก็ได้ ทุกคนจะได้ช่วยกันตอบคนที่ยังมีคำถามในใจกันอยู่
.
Q1. ไส้ไก่ใช้งานได้ ใช้ไม่เป็นเองรึเปล่า
.
A1. หนังยางก็ใช้ได้ เชือกร้องเท้าก็ใช้ได้ ผ้าพันคอก็ใช้ได้ เหมือนม้าก็ใช้เดินทางได้ แล้วจะใช้รถทำไม คือถ้าจะคิดแบบนี้ มนุษย์คงไม่จำเป็นพัฒนาความคิดไปใช้อะไรที่ดีกว่าแล้ว ผมเสนอให้ใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ที่มีประโยชน์มากกว่า ปลอดภัยกว่า ได้ประสิทธิภาพมากกว่า แล้วจะห้ามทำไม ไม่สนใจคุณภาพชีวิตของทหารที่ปฏิบัติงานจริงบ้างเลยเหรอ
.
อ่านเติมความรู้ได้ https://www.facebook.com/share/p/15mueQ5yPY/
.
Q2. ด้อยค่าไส้ไก่ทำไม
.
A2. แม้แต่ทหารก็เอาไส้ไก่ออกไปจากคุณลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์ปฐมพยาบาลบุคคลแล้ว เปลี่ยนเป็น tourniquet แบบที่ผมเสนอเรียบร้อย แล้วทำไมถึงยังไม่มีงบจัดซื้ออุปกรณ์ให้ถูกต้อง จนเจ้าหน้าที่ต้องหาซื้อกันเอง ขอบริจาคกันเอง ขอให้เขาไปเสี่ยงชีวิตแล้วยังต้องให้เขาเสียเงินเพื่อรักษาชีวิตตัวเองอีกเหรอ
.
(ภาพ 1) https://backend.rtamed.com/storage/allSpec_2/68/rta-68-032.pdf
.
Q3. โรงพยาบาลก็ใช้
.
A3. โรงพยาบาลเขาใช้เพื่อเจาะเลือด ฉีดยา แล้วก็ต้องมีคนช่วยทำให้เพราะไม่งั้นมันจะหลุด เขาก็ไม่ได้ใช้เพื่อห้ามเลือด อยู่ในสถานการณ์ท่ามกลางระเบิดและกระสุน บาดเจ็บทีต้องรีบห้ามเลือดให้เร็วที่สุดเพราะทุกวินาทีคือโอกาสรอดชีวิตของเขา การได้อุปกรณ์ที่ดีมันไม่ควรตรงไหน แม้แต่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ท่านยังเห็นความสำคัญของการรักษาชีวิตของลูกศิษย์ ของกำลังพล และท่านก็ทราบถึงความจำเป็นและความขาดแคลนจนต้องบริจาคให้เอง
.
(ภาพ 2) https://www.facebook.com/share/p/1D3hcAYFZG/
.
Q4. tourniquet แพง ไส้ไก่ถูก
.
A4. ชีวิตคนมีค่าแค่ไส้ไก่เหรอครับ เงินค่ารถนายพล เงินค่า concert hall ค่าอุปกรณ์ผ่าตัดม้า และค่าอื่นๆ มากมายที่ใส่มาในงบ แต่กลับไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์พื้นฐานให้ทหารที่ทำหน้าที่ทหารอยู่เนี่ยนะ มันถึงต้องตรวจสอบการใช้งบของกลาโหมอย่างเข้มข้นเหมือนเดิม เพราะถ้ามีงบถึง 2 แสนล้านแต่ไม่สามารถบริหารให้มีอุปกรณ์พื้นฐานของการปฏิบัติหน้าที่หลักของตัวเองได้ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่ากองทัพเรามีปัญหาจริงๆ
.
ส่วนคำถามอื่นๆ ผมว่าคงไม่จำเป็นต้องตอบอะไรมาก เพราะมันไม่ได้มีเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้ว คลิปทั้งหมดยาว 7 นาทีกว่าๆ ผมไล่ให้เห็นถึงการโหนกระแสความขัดแย้งเพื่อขวางการตรวจสอบงบ เพราะมีงบประมาณหลายส่วนที่ไม่จำเป็นเลย แม้แต่อุปกรณ์ฟิตเนสให้บ้านทูตทหารไทยประจำกัมพูชายังใส่มาในงบได้ แต่กลับไม่สามารถใส่งบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่คุณพยายามจะโหน โดยเฉพาะอุปกรณ์สำคัญอย่างชุดปฐมพยาบาล
.
การอภิปรายครั้งนี้ กองทัพและบุคลากรที่เกี่ยวข้องควรต้องออกมาช่วยกันส่งเสียงด้วยซ้ำ ว่าทำไมอุปกณ์ถึงยังไม่พอใช้ แล้วมันเสี่ยงต่อชีวิตขนาดไหนกับการไม่มีอุปกรณ์ที่ถูกต้อง เพื่อให้นายพลทั้งหลายได้ฟังว่าสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนกว่าคืออุปกรณ์รักษาชีวิตพื้นฐานที่ดี ไม่ใช่หอดนตรีหรือเตียงผ่าตัดม้า เลิกโหนความขัดแย้งเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง เพราะเสียงที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นเสียงที่เบาที่สุด คือเสียงของกำลังพลที่อยู่ที่ชายแดนนั่นเอง ผมเปิดให้แล้ว ส่งเสียงกันออกมา
.
https://www.facebook.com/ChayaphonSatondee/posts/pfbid02qpSyT7jH9cZPLkvnNt5EvVpiVn3f8MCn2XwEXsV37zkarBS4w6DeEBku8r3kNW4Tl
.
.
ปชน. แถลงคว่ำงบ’69 ศิริกัญญา ซัดไม่สอดรับสถานการณ์ ไขมันเยอะ ไม่ตัดทิ้งพร้อมรับวิกฤต
https://www.matichon.co.th/politics/news_5324172
.
ปชน. แถลงคว่ำงบ’69 ศิริกัญญา ซัดไม่สอดรับสถานการณ์ ไขมันผิดปกติ ชี้รบ.ไม่ยอมแก้แม้แต่มาตราเดียว
.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่รัฐสภา น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) แถลงถึงทิศทางการโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ในวาระ 3 ว่า พรรคประชาชนมีมติการลงคะแนนไม่เห็นชอบในวาระ 3 หรือคือการคว่ำ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 โดยมีจุดยืนดังนี้ เนื่องจากหากเราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ และมีการให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเตรียมความพร้อมของงบฯ 69 ที่จะรองรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมาโดยตลอด แต่ทางรัฐบาลหรือกรรมาธิการเสียงข้างมากเองก็ดี ไม่ได้นำเอาข้อเสนอแนะหรือข้อสังเกตไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
.
น.ส.
ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า หากประชาชนติดตามการอภิปรายตลอดสองวันที่ผ่านมา รวมถึงช่วงเช้าของวันนี้ จะเห็นว่ามีจุดที่ผิดปกติที่เป็นไขมัน เป็นงบประมาณที่ไม่จำเป็นซึ่งสามารถที่จะลด ละ เลื่อน โครงการต่างๆ เหล่านั้นออกไปได้ เพื่อเตรียมงบประมาณเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินจำเป็น และเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ แต่ว่าท้ายที่สุดเรายังเป็นเสียงข้างน้อยในสภาฯ ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขงบประมาณได้แม้แต่มาตราเดียว จึงเป็นเหตุผลที่ในวาระ 3 พรรคประชาชนยืนยันคว่ำ ไม่เห็นชอบกับงบประมาณปี 2569
.
.
วีระ เตือน วิกฤตการคลังกำลังมา แฉ รบ.ตั้งจ่ายนอกงบประมาณรสก.คงค้างพุ่ง 1 ล้านล. ธกส.รายเดียว 9 แสนล.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5324705
.
วีระ เตือน วิกฤตการคลังกำลังมา แฉ รบ.ตั้งงบจ่ายรายการนอกงบประมาณ รสก.คงค้างพุ่ง 1 ล้านล. ธกส.รายเดียว 9 แสนล. แนะเลิกนโยบายกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ทั้งธกส.-ออมสิน-บสย.ได้แล้ว
.
ต่อมาเวลา 16.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นาย
ไชยา พรหมา รองประธานสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายบประจำปีงบประมาณ 2569 วาระ 2 มีมติเห็นชอบมาตรา 28 งบประมาณรายจ่ายจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และพิจารณามาตรา 29 งบประมาณรัฐวิสาหกิจ โดย นาย
วีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ อภิปรายว่า รัฐวิสาหกิจ 21 แห่ง ได้ของบประมาณมารวมกันเป็นเงินทั้งสิ้น 74,409.44 ล้านบาท ในบรรดารัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบมา ส่วนใหญ่ไม่ติดใจ เพราะจำนวนหนึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ หรือมีหนี้สินรุงรังไม่รู้จะแก้อย่างไร เช่น ขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.), การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นปัญหาข้ามทศวรรษ แต่สิ่งที่ควรต้องฝากถึงคนที่เกี่ยวข้อง รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหา รัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า จะให้คงอยู่ในสภาพนั้น หรือจะแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคต เช่น บทเรียนจากการฟื้นฟูการบินไทย
.
นาย
วีระกล่าวต่อว่า ส่วนที่ตนติดใจคือ รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะ คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.), ธนาคารพัฒนาอุตสหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SMEs Bank และรัฐวิสาหกิจอีก 3 แห่ง คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งมีตัวเลขคำของบประมาณที่ไม่ควรมองข้าม
.
นาย
วีระกล่าวว่า ธ.ก.ส. เป็นรัฐวิสาหกิจที่ของบประมาณสูงที่สุด 20,203 ล้านบาท, บยส. 8,834.64 ล้านบาท, ธนาคารออมสิน 1,517 ล้านบาท ธนาคาร SMEs 278 ล้านบาท คำถามคือมาของบประมาณทำไม ในเมื่อต่างมีผลประกอบการและกำไรเป็นกอบเป็นกำ คำตอบที่เราอาจไม่ทราบกันคือ นี่คือรายการตั้งงบประมาณชำระคืนตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เกิดจากการที่หน่วยงานของรัฐดำเนินกิจกรรม มาตรการ และโครงการ โดยที่รัฐบาลรับปากว่า จะชดเชยค่าใช้จ่ายการสูญเสียรายได้ให้ในอนาคต แต่รัฐบาลกลับเอางบประมาณที่จัดสรรให้รัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆ ที่มีลักษณะแตกต่างกัน มาไว้ในที่เดียวกัน
.
“
ผมอยากจะบอกว่า แบบนี้ไม่ควรทำ เพราะเป็นการใช้เล่ห์เหลี่ยมในการจัดทำงบประมาณ เพื่อปกปิดการดำเนินการของรัฐบาลที่ใช้เงินนอกงบประมาณ ด้วยนโยบายกึ่งการคลังที่ไม่สามารถตรวจสอบได้” นาย
วีระกล่าว
.
นาย
วีระกล่าวอีกว่า ส่วนรัฐวิสาหกิจอีก 2 แห่ง คือ รฟม. และการทางพิเศษฯ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเช่นเดียวกันนี้ ซึ่งรัฐวิสาหกิจ 2 แห่งนี้ มีผลประกอบการที่มีกำไร ไม่ควรจะมาของบประมาณแบบนี้อีกต่อไป เรื่องนี้กระทรวงการคลังต้องไปคิด ล่าสุด รัฐบาลจะใช้งบประมาณ 47,000 ล้านบาท เพื่อให้ ธ.ก.ส.จ่ายสำรองไปก่อนเพื่อช่วยเหลือชาวนาสำหรับข้าวนาปรังและข้าวนาปีที่จะเกิดขึ้นต่อไป ก็ทำให้ ธ.ก.ส.ต้องมาแบกรับภาระเพิ่มเติม ข้อมูลที่น่าตกใจคือ ระเบิดเวลาลูกใหญ่ ที่เป็นรายการนอกงบประมาณด้วยนโยบายกึ่งการคลังในขณะนี้ มียอดคงค้างทั้งสิ้น 1,028,279 ล้านบาท และตัวเลขล่าสุด 107,700 ล้านบาท
.
“
พูดง่ายๆ คือสมาชิกไม่มีสิทธิจะไปพิจารณารายการนอกงบประมาณรายจ่าย มูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท ตรงนี้เป็นจุดที่ควรต้องปรับ ที่น่าตกใจมากกว่านั้น ธ.ก.ส. ธนาคารเดียว ต้องทำตามนโยบายของรัฐ มียอดคงค้างที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณจ่ายมากถึง 9 แสนล้านบาท เป็นเงินที่ต้องจ่ายตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังประมาณ 742,000 ล้านบาท แม้จะมีรายการที่โอนเข้าเป็นหนี้สาธารณะไปแล้ว 160,207 ล้านบาท แล้วก็ตามที ยังไม่นับรวม บสย. ธนาคารออมสิน ที่มีรายการลักษณะเดียวกันรวมอยู่อีก 1 แสนล้านบาท” นาย
วีระกล่าว
JJNY : 5in1 ชยพลแจงดราม่าไส้ไก่│ปชน.แถลงคว่ำงบ’69│วีระเตือนวิกฤตการคลังกำลังมา│ก่อสร้างกระทบหนัก│ไต้หวันซุ่มพัฒนามิสไซล์
https://www.matichon.co.th/politics/news_5324885
.
ชยพล แจงดราม่าไส้ไก่ ข้องใจ ขอให้ใช้ของมีคุณภาพจะห้ามทำไม ชี้กองทัพควรช่วยกันส่งเสียงด้วยซ้ำ
.
จากกรณี เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระ 2-3 โดยตอนหนึ่ง นายชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม พรรคประชาชน (ปชน.) ได้กล่าวถึง งบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์เข้าใจว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัด แต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า และยังไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ .
.
ล่าสุด เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม นายชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม พรรคประชาชน (ปชน.) ได้ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ไส้ไก่ โดยระบุข้อความว่า
.
“ว่าด้วยเรื่องไส้ไก่
.
ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่สนใจในประเด็นที่ผมได้อภิปรายเรื่องงบประมาณกระทรวงกลาโหมปี 2569 ในวาระที่ 2 ซึ่งประเด็นที่ผมได้พูดถึงคือเรื่องความเหมาะสมของการจัดงบประมาณในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่ได้มีแค่เรื่องไส้ไก่เท่านั้น แต่เดี๋ยวมาตอบเรื่องไส้ไก่กันก่อนก็ได้ ทุกคนจะได้ช่วยกันตอบคนที่ยังมีคำถามในใจกันอยู่
.
Q1. ไส้ไก่ใช้งานได้ ใช้ไม่เป็นเองรึเปล่า
.
A1. หนังยางก็ใช้ได้ เชือกร้องเท้าก็ใช้ได้ ผ้าพันคอก็ใช้ได้ เหมือนม้าก็ใช้เดินทางได้ แล้วจะใช้รถทำไม คือถ้าจะคิดแบบนี้ มนุษย์คงไม่จำเป็นพัฒนาความคิดไปใช้อะไรที่ดีกว่าแล้ว ผมเสนอให้ใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ที่มีประโยชน์มากกว่า ปลอดภัยกว่า ได้ประสิทธิภาพมากกว่า แล้วจะห้ามทำไม ไม่สนใจคุณภาพชีวิตของทหารที่ปฏิบัติงานจริงบ้างเลยเหรอ
.
อ่านเติมความรู้ได้ https://www.facebook.com/share/p/15mueQ5yPY/
.
Q2. ด้อยค่าไส้ไก่ทำไม
.
A2. แม้แต่ทหารก็เอาไส้ไก่ออกไปจากคุณลักษณะเฉพาะของอุปกรณ์ปฐมพยาบาลบุคคลแล้ว เปลี่ยนเป็น tourniquet แบบที่ผมเสนอเรียบร้อย แล้วทำไมถึงยังไม่มีงบจัดซื้ออุปกรณ์ให้ถูกต้อง จนเจ้าหน้าที่ต้องหาซื้อกันเอง ขอบริจาคกันเอง ขอให้เขาไปเสี่ยงชีวิตแล้วยังต้องให้เขาเสียเงินเพื่อรักษาชีวิตตัวเองอีกเหรอ
.
(ภาพ 1) https://backend.rtamed.com/storage/allSpec_2/68/rta-68-032.pdf
.
Q3. โรงพยาบาลก็ใช้
.
A3. โรงพยาบาลเขาใช้เพื่อเจาะเลือด ฉีดยา แล้วก็ต้องมีคนช่วยทำให้เพราะไม่งั้นมันจะหลุด เขาก็ไม่ได้ใช้เพื่อห้ามเลือด อยู่ในสถานการณ์ท่ามกลางระเบิดและกระสุน บาดเจ็บทีต้องรีบห้ามเลือดให้เร็วที่สุดเพราะทุกวินาทีคือโอกาสรอดชีวิตของเขา การได้อุปกรณ์ที่ดีมันไม่ควรตรงไหน แม้แต่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ท่านยังเห็นความสำคัญของการรักษาชีวิตของลูกศิษย์ ของกำลังพล และท่านก็ทราบถึงความจำเป็นและความขาดแคลนจนต้องบริจาคให้เอง
.
(ภาพ 2) https://www.facebook.com/share/p/1D3hcAYFZG/
.
Q4. tourniquet แพง ไส้ไก่ถูก
.
A4. ชีวิตคนมีค่าแค่ไส้ไก่เหรอครับ เงินค่ารถนายพล เงินค่า concert hall ค่าอุปกรณ์ผ่าตัดม้า และค่าอื่นๆ มากมายที่ใส่มาในงบ แต่กลับไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์พื้นฐานให้ทหารที่ทำหน้าที่ทหารอยู่เนี่ยนะ มันถึงต้องตรวจสอบการใช้งบของกลาโหมอย่างเข้มข้นเหมือนเดิม เพราะถ้ามีงบถึง 2 แสนล้านแต่ไม่สามารถบริหารให้มีอุปกรณ์พื้นฐานของการปฏิบัติหน้าที่หลักของตัวเองได้ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่ากองทัพเรามีปัญหาจริงๆ
.
ส่วนคำถามอื่นๆ ผมว่าคงไม่จำเป็นต้องตอบอะไรมาก เพราะมันไม่ได้มีเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้ว คลิปทั้งหมดยาว 7 นาทีกว่าๆ ผมไล่ให้เห็นถึงการโหนกระแสความขัดแย้งเพื่อขวางการตรวจสอบงบ เพราะมีงบประมาณหลายส่วนที่ไม่จำเป็นเลย แม้แต่อุปกรณ์ฟิตเนสให้บ้านทูตทหารไทยประจำกัมพูชายังใส่มาในงบได้ แต่กลับไม่สามารถใส่งบเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ที่คุณพยายามจะโหน โดยเฉพาะอุปกรณ์สำคัญอย่างชุดปฐมพยาบาล
.
การอภิปรายครั้งนี้ กองทัพและบุคลากรที่เกี่ยวข้องควรต้องออกมาช่วยกันส่งเสียงด้วยซ้ำ ว่าทำไมอุปกณ์ถึงยังไม่พอใช้ แล้วมันเสี่ยงต่อชีวิตขนาดไหนกับการไม่มีอุปกรณ์ที่ถูกต้อง เพื่อให้นายพลทั้งหลายได้ฟังว่าสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนกว่าคืออุปกรณ์รักษาชีวิตพื้นฐานที่ดี ไม่ใช่หอดนตรีหรือเตียงผ่าตัดม้า เลิกโหนความขัดแย้งเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง เพราะเสียงที่สำคัญที่สุด แต่กลับเป็นเสียงที่เบาที่สุด คือเสียงของกำลังพลที่อยู่ที่ชายแดนนั่นเอง ผมเปิดให้แล้ว ส่งเสียงกันออกมา
.
https://www.facebook.com/ChayaphonSatondee/posts/pfbid02qpSyT7jH9cZPLkvnNt5EvVpiVn3f8MCn2XwEXsV37zkarBS4w6DeEBku8r3kNW4Tl
.
.
ปชน. แถลงคว่ำงบ’69 ศิริกัญญา ซัดไม่สอดรับสถานการณ์ ไขมันเยอะ ไม่ตัดทิ้งพร้อมรับวิกฤต
https://www.matichon.co.th/politics/news_5324172
.
ปชน. แถลงคว่ำงบ’69 ศิริกัญญา ซัดไม่สอดรับสถานการณ์ ไขมันผิดปกติ ชี้รบ.ไม่ยอมแก้แม้แต่มาตราเดียว
.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) แถลงถึงทิศทางการโหวตร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 ในวาระ 3 ว่า พรรคประชาชนมีมติการลงคะแนนไม่เห็นชอบในวาระ 3 หรือคือการคว่ำ ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 69 โดยมีจุดยืนดังนี้ เนื่องจากหากเราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนรอบคอบ และมีการให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเตรียมความพร้อมของงบฯ 69 ที่จะรองรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตมาโดยตลอด แต่ทางรัฐบาลหรือกรรมาธิการเสียงข้างมากเองก็ดี ไม่ได้นำเอาข้อเสนอแนะหรือข้อสังเกตไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
.
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า หากประชาชนติดตามการอภิปรายตลอดสองวันที่ผ่านมา รวมถึงช่วงเช้าของวันนี้ จะเห็นว่ามีจุดที่ผิดปกติที่เป็นไขมัน เป็นงบประมาณที่ไม่จำเป็นซึ่งสามารถที่จะลด ละ เลื่อน โครงการต่างๆ เหล่านั้นออกไปได้ เพื่อเตรียมงบประมาณเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินจำเป็น และเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ แต่ว่าท้ายที่สุดเรายังเป็นเสียงข้างน้อยในสภาฯ ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขงบประมาณได้แม้แต่มาตราเดียว จึงเป็นเหตุผลที่ในวาระ 3 พรรคประชาชนยืนยันคว่ำ ไม่เห็นชอบกับงบประมาณปี 2569
.
.
วีระ เตือน วิกฤตการคลังกำลังมา แฉ รบ.ตั้งจ่ายนอกงบประมาณรสก.คงค้างพุ่ง 1 ล้านล. ธกส.รายเดียว 9 แสนล.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5324705
.
วีระ เตือน วิกฤตการคลังกำลังมา แฉ รบ.ตั้งงบจ่ายรายการนอกงบประมาณ รสก.คงค้างพุ่ง 1 ล้านล. ธกส.รายเดียว 9 แสนล. แนะเลิกนโยบายกึ่งการคลังผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ทั้งธกส.-ออมสิน-บสย.ได้แล้ว
.
ต่อมาเวลา 16.00 น. วันที่ 15 สิงหาคม ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มี นายไชยา พรหมา รองประธานสภาคนที่หนึ่ง เป็นประธานที่ประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายบประจำปีงบประมาณ 2569 วาระ 2 มีมติเห็นชอบมาตรา 28 งบประมาณรายจ่ายจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และพิจารณามาตรา 29 งบประมาณรัฐวิสาหกิจ โดย นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ อภิปรายว่า รัฐวิสาหกิจ 21 แห่ง ได้ของบประมาณมารวมกันเป็นเงินทั้งสิ้น 74,409.44 ล้านบาท ในบรรดารัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบมา ส่วนใหญ่ไม่ติดใจ เพราะจำนวนหนึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ หรือมีหนี้สินรุงรังไม่รู้จะแก้อย่างไร เช่น ขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.), การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งเป็นปัญหาข้ามทศวรรษ แต่สิ่งที่ควรต้องฝากถึงคนที่เกี่ยวข้อง รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหา รัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า จะให้คงอยู่ในสภาพนั้น หรือจะแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคต เช่น บทเรียนจากการฟื้นฟูการบินไทย
.
นายวีระกล่าวต่อว่า ส่วนที่ตนติดใจคือ รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะ คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), ธนาคารออมสิน, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.), ธนาคารพัฒนาอุตสหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SMEs Bank และรัฐวิสาหกิจอีก 3 แห่ง คือ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.), การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ซึ่งมีตัวเลขคำของบประมาณที่ไม่ควรมองข้าม
.
นายวีระกล่าวว่า ธ.ก.ส. เป็นรัฐวิสาหกิจที่ของบประมาณสูงที่สุด 20,203 ล้านบาท, บยส. 8,834.64 ล้านบาท, ธนาคารออมสิน 1,517 ล้านบาท ธนาคาร SMEs 278 ล้านบาท คำถามคือมาของบประมาณทำไม ในเมื่อต่างมีผลประกอบการและกำไรเป็นกอบเป็นกำ คำตอบที่เราอาจไม่ทราบกันคือ นี่คือรายการตั้งงบประมาณชำระคืนตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ เกิดจากการที่หน่วยงานของรัฐดำเนินกิจกรรม มาตรการ และโครงการ โดยที่รัฐบาลรับปากว่า จะชดเชยค่าใช้จ่ายการสูญเสียรายได้ให้ในอนาคต แต่รัฐบาลกลับเอางบประมาณที่จัดสรรให้รัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆ ที่มีลักษณะแตกต่างกัน มาไว้ในที่เดียวกัน
.
“ผมอยากจะบอกว่า แบบนี้ไม่ควรทำ เพราะเป็นการใช้เล่ห์เหลี่ยมในการจัดทำงบประมาณ เพื่อปกปิดการดำเนินการของรัฐบาลที่ใช้เงินนอกงบประมาณ ด้วยนโยบายกึ่งการคลังที่ไม่สามารถตรวจสอบได้” นายวีระกล่าว
.
นายวีระกล่าวอีกว่า ส่วนรัฐวิสาหกิจอีก 2 แห่ง คือ รฟม. และการทางพิเศษฯ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเช่นเดียวกันนี้ ซึ่งรัฐวิสาหกิจ 2 แห่งนี้ มีผลประกอบการที่มีกำไร ไม่ควรจะมาของบประมาณแบบนี้อีกต่อไป เรื่องนี้กระทรวงการคลังต้องไปคิด ล่าสุด รัฐบาลจะใช้งบประมาณ 47,000 ล้านบาท เพื่อให้ ธ.ก.ส.จ่ายสำรองไปก่อนเพื่อช่วยเหลือชาวนาสำหรับข้าวนาปรังและข้าวนาปีที่จะเกิดขึ้นต่อไป ก็ทำให้ ธ.ก.ส.ต้องมาแบกรับภาระเพิ่มเติม ข้อมูลที่น่าตกใจคือ ระเบิดเวลาลูกใหญ่ ที่เป็นรายการนอกงบประมาณด้วยนโยบายกึ่งการคลังในขณะนี้ มียอดคงค้างทั้งสิ้น 1,028,279 ล้านบาท และตัวเลขล่าสุด 107,700 ล้านบาท
.
“พูดง่ายๆ คือสมาชิกไม่มีสิทธิจะไปพิจารณารายการนอกงบประมาณรายจ่าย มูลค่าประมาณ 1 ล้านล้านบาท ตรงนี้เป็นจุดที่ควรต้องปรับ ที่น่าตกใจมากกว่านั้น ธ.ก.ส. ธนาคารเดียว ต้องทำตามนโยบายของรัฐ มียอดคงค้างที่รัฐบาลต้องตั้งงบประมาณจ่ายมากถึง 9 แสนล้านบาท เป็นเงินที่ต้องจ่ายตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังประมาณ 742,000 ล้านบาท แม้จะมีรายการที่โอนเข้าเป็นหนี้สาธารณะไปแล้ว 160,207 ล้านบาท แล้วก็ตามที ยังไม่นับรวม บสย. ธนาคารออมสิน ที่มีรายการลักษณะเดียวกันรวมอยู่อีก 1 แสนล้านบาท” นายวีระกล่าว