7 ธนาคาร ออกมาตรการช่วยเหลือ ผู้รับผลกระทบชายแดน

7 สถาบันการเงินออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้ง โดยเน้นการ พักหนี้, ลดดอกเบี้ย และให้สินเชื่อใหม่ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้ประชาชน

1. ธนาคารออมสิน (GSB)
เน้นการพักหนี้และให้สินเชื่อใหม่ดอกเบี้ยต่ำ
พักชำระหนี้ : พักชำระเงินต้นจนถึงเดือนธันวาคม 2568
สินเชื่อเพื่อรายย่อย (2 โครงการ) 
     - สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือ : ผ่อนชำระ 12 เดือน ปลอดชำระเงินงวด 3 เดือนแรก ดอกเบี้ยคงที่ 0.60% ต่อเดือน
     - สินเชื่อเพื่อประกอบอาชีพ : ผ่อนชำระ 60 เดือน ดอกเบี้ยคงที่ 0.75% ต่อเดือน
สินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ SMEs : วงเงินสูงสุด 5 ล้านบาท ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด     7 ปี ปลอดชำระเงินงวดไม่เกิน 1 ปี

2. ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
จัดทำมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ
    สินเชื่อฉุกเฉิน : วงเงินไม่เกิน 50,000 บาท/ราย สำหรับใช้จ่ายในสิ่งจำเป็น ปลอดดอกเบี้ย 6 เดือนแรก
    สินเชื่อฟื้นฟู : วงเงินไม่เกิน 500,000 บาท/ราย ใช้ในการซ่อมแซมบ้านและเครื่องมือการเกษตร เวลากู้ไม่เกิน 15 ปี

3. ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
    ให้ความช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารจากเหตุการณ์ชายแดน ด้วยวงเงินโครงการ 200 ล้านบาท ดังนี้
กรณีผู้กู้เจ็บสาหัส/บ้านเสียหาย : จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0.01% ต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี
กรณีผู้กู้ได้รับบาดเจ็บจนพิการ/เสียชีวิต/บ้านเสียหายทั้งหลัง : จะได้รับอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.01 ต่อปี ตลอดอายุสัญญา
กรณีกู้เพื่อสร้างบ้านใหม่แทนบ้านเดิม : จะได้รับอัตราดอกเบี้ย 0% ใน 6 เดือนแรก

4. ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมฯ (ธพว.)
ใช้มาตรการ "พัก ลด ขยาย เติม" ให้ผู้ประกอบการ SME 
    พักชำระเงินต้น
    ลดค่างวดผ่อนชำระ
    ขยายระยะเวลาชำระหนี้
    เติมสินเชื่อใหม่ดอกเบี้ยต่ำ คงที่ 3% ต่อปี ใน 3 ปีแรก เวลากู้สูงสุด 10 ปี
รวมไปถึง สินเชื่อ SME Refinance ลดต้นทุนธุรกิจ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 2.99% ต่อปี

5. ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ (ธสน.)
ช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ
    มาตรการเร่งด่วน : ขยายเวลาชำระหนี้สูงสุด 1 ปี, ลดดอกเบี้ยสูงสุด 20%
    มาตรการเสริมสภาพคล่อง : เงินทุนหมุนเวียน เพื่อออกงานแสดงสินค้า ดอกเบี้ย  6.15% ต่อปี , เงินทุนหมุนเวียนก่อนและหลังการส่งออก อัตราดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี เป็นต้น

6. ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ( ธอท. ) 
มีมาตรการไอแบงก์เราไม่ทิ้งกัน เพื่อช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
พักชำระหนี้ : พักทั้งเงินต้นและกำไรสูงสุด 6 เดือน
ให้วงเงินเพิ่ม สำหรับ
    1. ที่อยู่อาศัย: วงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.99% ในปีแรก ผ่อนนานสูงสุด 20 ปี 
    2. ธุรกิจ: วงเงินกู้ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อราย ดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.25% ในปีแรก ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 5 ปี

7. บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และลูกค้าเดิมของ บสย. ด้วย 2 มาตรการ คือ
    มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และลูกค้าเดิมของ บสย. ที่อยู่ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ โดยผ่อนผันการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกัน และค่าจัดการค้ำประกันโดยพักชำระออกไปอีก 6 เดือน
    มาตรการเสริมสภาพคล่อง ภายใต้ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” 2 โครงการหลัก 1. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Power Trade & Biz วงเงินค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย 500,000 – 10 ล้านบาท และ 2. โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Micro Biz วงเงินค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย 10,000 – 500,000 บาท

8. ธนาคารกรุงไทย
ออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้า โดย มุ่งลดภาระทางการเงิน  ครอบคลุม  การลดดอกเบี้ย และลดค่างวดชำระหนี้  พร้อมเสริมสภาพคล่อง
สำหรับหนี้เดิม :
    ลดค่างวด 75% (นาน 1 ปี)
    ดอกเบี้ย 0% (นาน 3 เดือน) สำหรับสินเชื่อบ้าน/ธุรกิจเล็ก
    SME ใหญ่: ช่วยเหลือตามเคส (ลดดอก/พักหนี้)
    สำหรับกู้ใหม่ (เพื่อฟื้นฟู) : ดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้น 0% นาน 3 เดือน (สำหรับกู้ซ่อมบ้าน)
สินเชื่อบุคคลและ SME ได้ดอกเบี้ยคงที่เรทพิเศษ นานสูงสุด 3 ปี
    อีกทั้ง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังให้ความช่วยเหลือและติดตามการดูแลพนักงานของธนาคารพาณิชย์ และนำพนักงานคนไทยในกัมพูชากลับประเทศเพื่อความปลอดภัย รวมถึงมีการปิดสาขาชั่วคราวในพื้นที่ชายแดน แต่ประชาชนยังใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตามปกติ และยังไม่มีรายงานความเสียหายต่อสาขาของธนาคาร
ที่มา : Thairath Money

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่