ปัญหาคือยาวิเศษ อุปสรรคคือหินลับมีด
วิกฤตคือโอกาสทอง เมื่อเราทำงานไปแล้วเกิดปัญหาควรทำอย่างไรมีคนจำนวนมากเมื่อเจอปัญหาแล้วมักหนีปัญหา
ผู้เขียนเคยทุกข์เพราะไม่เก่งภาษาอังกฤษ เวลาเจอฝรั่งก็จะกลัวแสนกลัว กลัวว่าเขาจะมาคุยด้วย
อยู่มาวันหนึ่ง มีโยมนิมนต์ให้ไปเทศน์ที่ออสเตรเลีย
โดยออกค่าเครื่องบินให้ผู้เขียนเพียงรูปเดียว ไม่มีงบสำหรับผู้ติดตาม อย่างที่โบราณกล่าวไว้ว่า กลัวสิ่งไหนก็มักจะเจอสิ่งนั้น เพราะในระหว่างที่นั่งรอเครื่องบินขึ้น มีชายฝรั่ง
คนหนึ่งเดินหิ้วกระเป๋าตรงมานั่งข้างๆ ผู้เขียน ด้วยความกลัว เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้แต่นั่งภาวนาว่า “โยมอย่าชวนคุย นะ อาตมาเป็นพระ อาตมาต้องสํารวมเมื่อเครื่องบินบินไปได้ครึ่งฟ้า คนอื่นเขาหลับกันหมด แต่ฝรั่งคนนี้ไม่หลับ ยิ่งไปกว่านั้นยังชวนผู้เขียนคุย ตอนนั้น ผู้เขียนรวบรวมคําศัพท์เท่าที่มีในหัวทั้งหมด แล้วบอกเขา ไปว่า “ในวัฒนธรรมพุทธนั้น เราไม่เน้นการพูด ฝรั่งตอบมาคําเดียว “I see” (ผมเข้าใจ)ไหม"
พอได้ที่ ผู้เขียนจึงถามเขาต่อว่า “คุณอยากปฏิบัติ
เขาบอกว่า “ชอบมาก”“Close your eyes please” ผู้เขียนบอกให้เขาหลับตาทําสมาธิทันที“ต้องทํานานแค่ไหน” ฝรั่งหันมาถาม ผู้เขียนตอบนิ่งๆว่า “ตลอดไปเลย” จากนั้นฝรั่งก็นั่งหลับตาทําสมาธิจนเครื่องลง เที่ยว บินนั้นจึงเป็นเที่ยวบินที่ผู้เขียนมีความสุขที่สุดทีเดียว และด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงไปเล่าเรื่องความอ่อนด้อยทางภาษาให้อาจารย์แม่ท่านหนึ่งฟัง
ด้วยความหวังดี ท่านก็เปิดห้องเรียนพิเศษให้ ผู้เขียน จึงชวนเพื่อนพระไปอีกรูปหนึ่ง แต่ครั้นถึงวันเปิดเรียน ก็ พบว่าหน้าห้องเรียนมีรองเท้าเต็มไปหมดว่าใจฝ่อเลย
ตอนนั้นยอมรับถามไปถามมา อาจารย์แม่บอกว่าไปเชิญนักศึกษา มาเรียนเป็นเพื่อนพระ ซึ่งเป็นนักศึกษาหญิงเกือบ 20 คน ยิ่งไปกว่านั้น ในห้องเรียนยังตั้งกล้องวิดีโอด้วย อาจารย์แม่ บอกว่าจะเอาไว้ดูว่าพระลูกศิษย์ก้าวหน้าไหม พอผู้เขียน
ทราบเช่นนั้นก็คิดหนีทันทีที่ผ่านมาผู้เขียนไม่กล้าไปเรียนที่ไหนก็เพราะอายเขา โตแล้วยังพูดไม่ได้ จึงอยากเรียนเป็นการส่วนตัวมากกว่า ระหว่างที่เดินจะถึงหน้าห้อง ก็หันไปบอกกับพระที่มาด้วยกัน ว่า “หนีเถอะ เพราะเรามาเข้าห้องเรียนสาย พอหันหลังเดินกลับมาสัก 500 เมตร จู่ๆ สติก็แวบ เข้ามาสอนว่า “ถ้าเราถอย เราคงต้องถอยให้ภาษาอังกฤษ ไปทั้งชีวิต แต่ถ้าเราสู้ วันหนึ่งเราจะเก่งภาษาอังกฤษ เหมือนภาษาไทย
คิดได้ดังนั้น ผู้เขียนก็เดินจูงมือเพื่อนกลับไปลุยต่อ และนั่นเป็นเหมือนบทเรียนชีวิตที่สอนให้รู้ว่า ถ้าเราเจอ ความทุกข์ เราต้องสู้ และเมื่อเราก้าวผ่านมันไปได้ เราจะ เกิดทักษะในการดําเนินชีวิต หรือถึงเราจะก้าวไปไม่ผ่าน แก้ปัญหาไม่ได้ อย่างน้อยเราก็ได้บทเรียนกลับมา มันไม่มี คําว่าสูญเปล่าสําหรับความตั้งใจจะสู้ เพียงแต่ระหว่างที่สู้นั้น เราต้องมองโลกในแง่ดี
หากคนเรารู้จักมองมุมบวก ปัญหาต่างๆ ในชีวิตจะ ไม่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับการทํางาน ถ้าเจอปัญหาแล้วรู้จัก มองโลกในแง่ดี ไม่มองโลกในแง่ร้าย แน่นอนว่าความสุข รออยู่ไม่ไกล เช่น เจ้านายเรียกไปตําหนิหนึ่งชั่วโมง ถ้าเป็น คนที่มองโลกในแง่ร้าย พอกลับออกมาก็จะเขียนใบลาออก เลย แต่ถ้ารู้จักมองโลกในแง่ดี กลับออกมายิ้มได้เลย “เรียกเราไปตําหนิหนึ่งชั่วโมง เจ้านายไม่รู้หรอกว่าจริงๆ เราทนได้ตั้งสองชั่วโมง เพียงเปลี่ยนมุมมองความคิด นอกจากจะทําให้ชีวิต มีความสุขในการทํางานแล้ว ยังเปลี่ยนปัญหาต่างๆ ให้เป็นปัญญาได้ทั้งหมด
"สมัยหนึ่งเคยมีคนกล่าวหา หลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญ ว่าเป็นพระนอกรีต พระคอมมิวนิสต์ พระนอกคณะสงฆ์ แต่ท่านกลับบอกว่า 'ขอบคุณที่ด่าฉัน ถ้าพวกคุณไม่ด่าฉัน ฉันจะดังเหรอ'"
เพราะฉะนั้นใครที่ทำงานแล้วถูกคนด่า ขอให้ภูมิใจเถิดว่ามีผู้คนสนใจและจับตามองเราอยู่ แต่คนส่วนใหญ่เวลาเจอปัญหากลับนึกด่าว่า แทนที่จะบอกกับตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ กลับไปโทษโชคชะตา จากที่เจอทุกข์แล้วควรแก้ไข ก็กลายเป็นเวลาเจอทุกข์แล้วแก้เคล็ดแทน
ผู้เขียนเจอบ่อยมาก พวกที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหน้ากัน แต่พอมีปัญหาก็โทรถึงพระขึ้นมา ถือถึงสังฆทานมาทันที
"โยมเป็นอะไรมา"
'ช่วงนี้ทำอะไรไม่ดีเลยท่าน เลยมาถวายสังฆทาน 7 วัด และวัดท่านก็เป็นวัดสุดท้ายแล้ว"
คนไทยส่วนใหญ่มักใช้วิธีแก้เคล็ดก่อนแก้ไขปัญหา บางคนแก้เคล็ดแล้วไม่แก้ไขด้วย พอมีปัญหาไม่จบก็โทษพระว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์ บางคนพึ่งหมอดู เขาทักให้ไปขี่ชี้แมลงวันออก เลี่ยมฟันทองเสริมดวงก็ทำตาม บางคนถูกเจ้านายด่าบ่อย ไปหาสิงโตมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ปรากฏว่าเจ้านายเห็นสิงโตยิ่งด่าหนักกว่าเดิม"
ผู้เขียนเคยเจอคุณโยมท่านหนึ่ง เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่เพิ่งย้ายไปอยู่เชียงใหม่ หลังจากฟังเทศน์เสร็จก็เดินมากราบผู้เขียน
"พระอาจารย์เจ้าคะ หนูอยากมาเปลี่ยนชื่อ"
ผู้เขียนถามว่า "คิดอย่างไรจะเปลี่ยนชื่อ"
"หนูเปลี่ยนชื่อมา 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 มีโอกาสมาเจอท่านจึงอยากกราบขอปรารมีท่านให้ช่วย"
ผู้เขียนจึงถามว่า "ทำไมต้องเปลี่ยนอีก มีปัญหาอะไร"
เธอบอกว่า "หนูเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง ธุรกิจยังไม่ดีขึ้น ยิ่งเปลี่ยนยิ่งโดนโกง ที่สำคัญ ตอนนี้หนูรู้สึกผิดเวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แม่ เพราะตอนที่แม่เสียชีวิตนั้นหนูยังใช้ชื่อจันทร์เพ็ญ ซึ่งแม่เป็นคนตั้งให้ เวลาการอุทิศจึงกลายเป็นปัญหา"
ผู้เขียนก็ถามว่า "ปัญหาอะไร"
ตอนที่แม่เสียชีวิต แม่รู้จักหนูในชื่อ นางเพ็ญ หรือ จันทร์เพ็ญ พอเปลี่ยนชื่อใหม่ เวลากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แม่ ก็จะนึกในใจว่า 'แม่ พรรณฟิโลก็อุทิศเพ็ญคนเดียวกันนะ' และหนูก็ต้องวงเล็บแทรกเข้าไปทุกครั้ง พอทำบ่อยๆ หนูเริ่มรู้สึกผิดว่า ทำไมต้องมีปัญหาเรื่องชื่อด้วยนะ และทำไมต้องกลัวแม่ไม่รู้จัก จึงอยากถามท่านว่า หากหนูกลับไปใช้ชื่อเดิมจะถูกโฉลกไหมคะท่าน"
ผู้เขียนจึงบอกไปว่า
"โยมคิดถูกแล้ว ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นั้นประเสริฐที่สุดแล้ว"
หลังจากเปลี่ยนชื่อแล้ว การค้าขายก็ดีขึ้น โยมท่านนั้นก็ก้มงามทำบุญอีกครั้ง "พระอาจารย์ล้างมาเลยค่ะ หลังจากเปลี่ยนชื่อไป ธุรกิจเดือนที่แล้วมีทำไร้ร้อยล้านเลย"
แท้ที่จริงแล้ว นี่เป็นเพียงปรากฏการณ์หนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนชื่อเลย แต่ด้วยทัศนคติที่ดีต่อตัวเองที่ดีขึ้น ทำให้โยมท่านนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่โดยนิสัยคนไทยส่วนใหญ่มักจะเชื่อเรื่องดวงมากกว่าเชื่อตัวเอง บางคนทำงานเหนื่อยและหนักมาทั้งปี เจ้านายเห็นในความสามารถและความขยัน ให้เงินก้อนหนึ่งมาเป็นรางวัล แต่กลับไปยกความดีให้ดวง 'เอ่อ...วันนี้ดวงดี นายให้เงินเรา สงสัยใส่เสื้อสีนี้จะถูกโฉลก'"
คนที่เจอทุกข์ซับซ้อน ถ้าไม่แก้ไขให้ถูกวิธี บางทีมันกลายเป็นการสร้างทุกข์ชนิดใหม่มาทับตัวเอง ถ้าเราเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาซับซ้อนด้วยการมองปัญหาให้เป็น มนุษย์จำนวนมากที่เจอปัญหาซับซ้อนแล้วเดินเข้าหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด จะยิ่งสร้างปัญหาขึ้นมาทับถมตัวเอง
เพราะฉะนั้น ลองถามตัวเองว่า จะสร้างปัญหาขึ้นมาทับถม หรือจะฝ่าออกไปจากปัญหา
ปัญหาที่แสนซับซ้อนอยู่ที่ใด ปัญญาที่แสนคมคายก็อยู่ที่นั่น
ปัญหา...สร้างปัญญา โดย ว.วชิรเมธี
ปัญหาคือยาวิเศษ อุปสรรคคือหินลับมีด
วิกฤตคือโอกาสทอง เมื่อเราทำงานไปแล้วเกิดปัญหาควรทำอย่างไรมีคนจำนวนมากเมื่อเจอปัญหาแล้วมักหนีปัญหา
ผู้เขียนเคยทุกข์เพราะไม่เก่งภาษาอังกฤษ เวลาเจอฝรั่งก็จะกลัวแสนกลัว กลัวว่าเขาจะมาคุยด้วย
อยู่มาวันหนึ่ง มีโยมนิมนต์ให้ไปเทศน์ที่ออสเตรเลีย
โดยออกค่าเครื่องบินให้ผู้เขียนเพียงรูปเดียว ไม่มีงบสำหรับผู้ติดตาม อย่างที่โบราณกล่าวไว้ว่า กลัวสิ่งไหนก็มักจะเจอสิ่งนั้น เพราะในระหว่างที่นั่งรอเครื่องบินขึ้น มีชายฝรั่ง
คนหนึ่งเดินหิ้วกระเป๋าตรงมานั่งข้างๆ ผู้เขียน ด้วยความกลัว เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้แต่นั่งภาวนาว่า “โยมอย่าชวนคุย นะ อาตมาเป็นพระ อาตมาต้องสํารวมเมื่อเครื่องบินบินไปได้ครึ่งฟ้า คนอื่นเขาหลับกันหมด แต่ฝรั่งคนนี้ไม่หลับ ยิ่งไปกว่านั้นยังชวนผู้เขียนคุย ตอนนั้น ผู้เขียนรวบรวมคําศัพท์เท่าที่มีในหัวทั้งหมด แล้วบอกเขา ไปว่า “ในวัฒนธรรมพุทธนั้น เราไม่เน้นการพูด ฝรั่งตอบมาคําเดียว “I see” (ผมเข้าใจ)ไหม"
พอได้ที่ ผู้เขียนจึงถามเขาต่อว่า “คุณอยากปฏิบัติ
เขาบอกว่า “ชอบมาก”“Close your eyes please” ผู้เขียนบอกให้เขาหลับตาทําสมาธิทันที“ต้องทํานานแค่ไหน” ฝรั่งหันมาถาม ผู้เขียนตอบนิ่งๆว่า “ตลอดไปเลย” จากนั้นฝรั่งก็นั่งหลับตาทําสมาธิจนเครื่องลง เที่ยว บินนั้นจึงเป็นเที่ยวบินที่ผู้เขียนมีความสุขที่สุดทีเดียว และด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนจึงไปเล่าเรื่องความอ่อนด้อยทางภาษาให้อาจารย์แม่ท่านหนึ่งฟัง
ด้วยความหวังดี ท่านก็เปิดห้องเรียนพิเศษให้ ผู้เขียน จึงชวนเพื่อนพระไปอีกรูปหนึ่ง แต่ครั้นถึงวันเปิดเรียน ก็ พบว่าหน้าห้องเรียนมีรองเท้าเต็มไปหมดว่าใจฝ่อเลย
ตอนนั้นยอมรับถามไปถามมา อาจารย์แม่บอกว่าไปเชิญนักศึกษา มาเรียนเป็นเพื่อนพระ ซึ่งเป็นนักศึกษาหญิงเกือบ 20 คน ยิ่งไปกว่านั้น ในห้องเรียนยังตั้งกล้องวิดีโอด้วย อาจารย์แม่ บอกว่าจะเอาไว้ดูว่าพระลูกศิษย์ก้าวหน้าไหม พอผู้เขียน
ทราบเช่นนั้นก็คิดหนีทันทีที่ผ่านมาผู้เขียนไม่กล้าไปเรียนที่ไหนก็เพราะอายเขา โตแล้วยังพูดไม่ได้ จึงอยากเรียนเป็นการส่วนตัวมากกว่า ระหว่างที่เดินจะถึงหน้าห้อง ก็หันไปบอกกับพระที่มาด้วยกัน ว่า “หนีเถอะ เพราะเรามาเข้าห้องเรียนสาย พอหันหลังเดินกลับมาสัก 500 เมตร จู่ๆ สติก็แวบ เข้ามาสอนว่า “ถ้าเราถอย เราคงต้องถอยให้ภาษาอังกฤษ ไปทั้งชีวิต แต่ถ้าเราสู้ วันหนึ่งเราจะเก่งภาษาอังกฤษ เหมือนภาษาไทย
คิดได้ดังนั้น ผู้เขียนก็เดินจูงมือเพื่อนกลับไปลุยต่อ และนั่นเป็นเหมือนบทเรียนชีวิตที่สอนให้รู้ว่า ถ้าเราเจอ ความทุกข์ เราต้องสู้ และเมื่อเราก้าวผ่านมันไปได้ เราจะ เกิดทักษะในการดําเนินชีวิต หรือถึงเราจะก้าวไปไม่ผ่าน แก้ปัญหาไม่ได้ อย่างน้อยเราก็ได้บทเรียนกลับมา มันไม่มี คําว่าสูญเปล่าสําหรับความตั้งใจจะสู้ เพียงแต่ระหว่างที่สู้นั้น เราต้องมองโลกในแง่ดี
หากคนเรารู้จักมองมุมบวก ปัญหาต่างๆ ในชีวิตจะ ไม่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับการทํางาน ถ้าเจอปัญหาแล้วรู้จัก มองโลกในแง่ดี ไม่มองโลกในแง่ร้าย แน่นอนว่าความสุข รออยู่ไม่ไกล เช่น เจ้านายเรียกไปตําหนิหนึ่งชั่วโมง ถ้าเป็น คนที่มองโลกในแง่ร้าย พอกลับออกมาก็จะเขียนใบลาออก เลย แต่ถ้ารู้จักมองโลกในแง่ดี กลับออกมายิ้มได้เลย “เรียกเราไปตําหนิหนึ่งชั่วโมง เจ้านายไม่รู้หรอกว่าจริงๆ เราทนได้ตั้งสองชั่วโมง เพียงเปลี่ยนมุมมองความคิด นอกจากจะทําให้ชีวิต มีความสุขในการทํางานแล้ว ยังเปลี่ยนปัญหาต่างๆ ให้เป็นปัญญาได้ทั้งหมด
"สมัยหนึ่งเคยมีคนกล่าวหา หลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญ ว่าเป็นพระนอกรีต พระคอมมิวนิสต์ พระนอกคณะสงฆ์ แต่ท่านกลับบอกว่า 'ขอบคุณที่ด่าฉัน ถ้าพวกคุณไม่ด่าฉัน ฉันจะดังเหรอ'"
เพราะฉะนั้นใครที่ทำงานแล้วถูกคนด่า ขอให้ภูมิใจเถิดว่ามีผู้คนสนใจและจับตามองเราอยู่ แต่คนส่วนใหญ่เวลาเจอปัญหากลับนึกด่าว่า แทนที่จะบอกกับตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ กลับไปโทษโชคชะตา จากที่เจอทุกข์แล้วควรแก้ไข ก็กลายเป็นเวลาเจอทุกข์แล้วแก้เคล็ดแทน
ผู้เขียนเจอบ่อยมาก พวกที่ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นหน้ากัน แต่พอมีปัญหาก็โทรถึงพระขึ้นมา ถือถึงสังฆทานมาทันที
"โยมเป็นอะไรมา"
'ช่วงนี้ทำอะไรไม่ดีเลยท่าน เลยมาถวายสังฆทาน 7 วัด และวัดท่านก็เป็นวัดสุดท้ายแล้ว"
คนไทยส่วนใหญ่มักใช้วิธีแก้เคล็ดก่อนแก้ไขปัญหา บางคนแก้เคล็ดแล้วไม่แก้ไขด้วย พอมีปัญหาไม่จบก็โทษพระว่าไม่ศักดิ์สิทธิ์ บางคนพึ่งหมอดู เขาทักให้ไปขี่ชี้แมลงวันออก เลี่ยมฟันทองเสริมดวงก็ทำตาม บางคนถูกเจ้านายด่าบ่อย ไปหาสิงโตมาวางไว้บนโต๊ะทำงาน ปรากฏว่าเจ้านายเห็นสิงโตยิ่งด่าหนักกว่าเดิม"
ผู้เขียนเคยเจอคุณโยมท่านหนึ่ง เป็นนักธุรกิจใหญ่ที่เพิ่งย้ายไปอยู่เชียงใหม่ หลังจากฟังเทศน์เสร็จก็เดินมากราบผู้เขียน
"พระอาจารย์เจ้าคะ หนูอยากมาเปลี่ยนชื่อ"
ผู้เขียนถามว่า "คิดอย่างไรจะเปลี่ยนชื่อ"
"หนูเปลี่ยนชื่อมา 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 มีโอกาสมาเจอท่านจึงอยากกราบขอปรารมีท่านให้ช่วย"
ผู้เขียนจึงถามว่า "ทำไมต้องเปลี่ยนอีก มีปัญหาอะไร"
เธอบอกว่า "หนูเปลี่ยนชื่อมาแล้ว 3 ครั้ง ธุรกิจยังไม่ดีขึ้น ยิ่งเปลี่ยนยิ่งโดนโกง ที่สำคัญ ตอนนี้หนูรู้สึกผิดเวลาทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แม่ เพราะตอนที่แม่เสียชีวิตนั้นหนูยังใช้ชื่อจันทร์เพ็ญ ซึ่งแม่เป็นคนตั้งให้ เวลาการอุทิศจึงกลายเป็นปัญหา"
ผู้เขียนก็ถามว่า "ปัญหาอะไร"
ตอนที่แม่เสียชีวิต แม่รู้จักหนูในชื่อ นางเพ็ญ หรือ จันทร์เพ็ญ พอเปลี่ยนชื่อใหม่ เวลากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แม่ ก็จะนึกในใจว่า 'แม่ พรรณฟิโลก็อุทิศเพ็ญคนเดียวกันนะ' และหนูก็ต้องวงเล็บแทรกเข้าไปทุกครั้ง พอทำบ่อยๆ หนูเริ่มรู้สึกผิดว่า ทำไมต้องมีปัญหาเรื่องชื่อด้วยนะ และทำไมต้องกลัวแม่ไม่รู้จัก จึงอยากถามท่านว่า หากหนูกลับไปใช้ชื่อเดิมจะถูกโฉลกไหมคะท่าน"
ผู้เขียนจึงบอกไปว่า
"โยมคิดถูกแล้ว ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้นั้นประเสริฐที่สุดแล้ว"
หลังจากเปลี่ยนชื่อแล้ว การค้าขายก็ดีขึ้น โยมท่านนั้นก็ก้มงามทำบุญอีกครั้ง "พระอาจารย์ล้างมาเลยค่ะ หลังจากเปลี่ยนชื่อไป ธุรกิจเดือนที่แล้วมีทำไร้ร้อยล้านเลย"
แท้ที่จริงแล้ว นี่เป็นเพียงปรากฏการณ์หนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนชื่อเลย แต่ด้วยทัศนคติที่ดีต่อตัวเองที่ดีขึ้น ทำให้โยมท่านนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่โดยนิสัยคนไทยส่วนใหญ่มักจะเชื่อเรื่องดวงมากกว่าเชื่อตัวเอง บางคนทำงานเหนื่อยและหนักมาทั้งปี เจ้านายเห็นในความสามารถและความขยัน ให้เงินก้อนหนึ่งมาเป็นรางวัล แต่กลับไปยกความดีให้ดวง 'เอ่อ...วันนี้ดวงดี นายให้เงินเรา สงสัยใส่เสื้อสีนี้จะถูกโฉลก'"
คนที่เจอทุกข์ซับซ้อน ถ้าไม่แก้ไขให้ถูกวิธี บางทีมันกลายเป็นการสร้างทุกข์ชนิดใหม่มาทับตัวเอง ถ้าเราเรียนรู้ที่จะแก้ปัญหาซับซ้อนด้วยการมองปัญหาให้เป็น มนุษย์จำนวนมากที่เจอปัญหาซับซ้อนแล้วเดินเข้าหาเหล้า บุหรี่ และยาเสพติด จะยิ่งสร้างปัญหาขึ้นมาทับถมตัวเอง
เพราะฉะนั้น ลองถามตัวเองว่า จะสร้างปัญหาขึ้นมาทับถม หรือจะฝ่าออกไปจากปัญหา
ปัญหาที่แสนซับซ้อนอยู่ที่ใด ปัญญาที่แสนคมคายก็อยู่ที่นั่น