🌊 นาคศิลา | Ep.4: การมาของนาคามรกต
(ตำนานรักสามเส้า...ที่สะท้อนสะเทือนฟ้า)
❝...หากตำนานคือเงาสะท้อนของความจริง
แล้วหัวใจ…ก็อาจเป็นสิ่งเดียวที่ปลุกตำนานให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง...❞
⛰️ ณ ดินแดนโบราณที่ถูกลืมเลือน...
ท่ามกลางม่านหมอกเหนือผืนน้ำศักดิ์สิทธิ์ เมืองที่ถูกเรียกว่า “นครสกล” ซุกซ่อนตัวอย่างสงบใต้เงาภูผาและตำนานลี้ลับ
ผู้คนยังคงร่ำลือถึง บึงหนองหานล่ม
สถานที่ต้องห้ามซึ่ง “ห้ามเอ่ยนามในยามราตรี”
เพราะเชื่อกันว่า...เสียงสายน้ำจะร่ำไห้ตอบกลับ
หรือบางครา...จะเห็นเปลวเขียววูบไหวใต้ผิวน้ำ ราวกับ “ดวงเนตรของอสูรโบราณ” จ้องมองขึ้นมาจากห้วงลึก…
และทั้งหมด...คือประตูระหว่างภพมนุษย์ กับนาคา
แต่เดิมเป็นเพียงตำนาน...
จนกระทั่งวันนั้น — วันที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป
👑 พระสุพรหมทัต…จัดพิธียิ่งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ
พระลานหลวงคึกคักด้วยเสียงฆ้องกลองและสรรเสริญ
ทุกสายตาจับจ้องที่ “นางไอ่คำ”
พระธิดาผู้เลอโฉมยิ่งกว่ารุ้งสะท้อนน้ำ…
องค์หญิงผู้เปรียบดังอัปสราที่หายจากสวรรค์มาเกิด ณ ป่าหิมพานต์
เปล่งปลั่งดั่งแสงจันทร์...ทรงคุณธรรมและปัญญาเหนือชายใด
และเพื่อหาคู่ครองที่คู่ควร พระราชาแห่งเมืองสกลจึงจัดงาน “มหาประลองตัดสินเนื้อคู่”
เปิดโอกาสให้ชายทั่วหล้าพิสูจน์ “หัวใจและความกล้า”
🏇 ผู้กล้าทั่วแดนหลั่งไหลเข้าร่วม
– บ้างขี่ช้างทรงขาวจากแคว้นทิศเหนือ
– บ้างมากับเรือศึกลงยันต์จากปลายแผ่นดินใต้
– บ้างจูงอัศวินเหล็กและพลหัตถ์เพลิงจากดินแดนไกลโพ้น
แต่มีเพียงชายผู้หนึ่ง…ที่สามารถเอาชนะการประลองทุกรอบ
"ท้าวผาแดง"
ชายหนุ่มผู้มากับม้าแดงเพลิง
ปราศจากราชรถ ปราศจากอาวุธ แต่เต็มเปี่ยมด้วยดวงตาร้อนแรงดั่งเปลวไฟ...
เขาไม่หวังเมือง ไม่แสวงราชบัลลังก์
แต่...ขอเพียงแค่นางไอ่คำเท่านั้นที่เขาปรารถนา
🌊 และในค่ำคืนนั้นเอง...เมื่อดวงตะวันลาลับ
บึงศักดิ์สิทธิ์เริ่มมีคลื่นแผ่วเบา
และเงาลึกลับบางอย่างเคลื่อนไหวใต้ผืนน้ำ…
จู่ ๆ ชายลึกลับผู้หนึ่งก็ย่างเท้าเข้าสู่ลานพิธี...
— ดวงตาเขียวหยาดมรกตสะท้อนเปลวเทียน
— เส้นผมดำยาวราวกับไหล่ธาร
— ทุกย่างก้าวช่างเงียบงัน…
แต่แผ่พลังสะกดฟ้าดิน จนผู้คนหลีกทางอย่างไม่รู้ตัว
ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหน...
แต่เมื่อสายตาของนางไอ่คำสบกับเขา...
หัวใจของนาง...พลันเต้นแรงผิดจังหวะ
เหมือนเคยพบเขาที่ใดมาก่อน... ในความฝัน?... หรืออดีตชาติ?
💚 เขาเอ่ยเพียงสั้น ๆ…แต่สั่นสะเทือนหัวใจทั้งเมือง
“ข้ามีนามว่า... มรกต
ข้ามิใช่ผู้ท้าชิงใด
แต่ข้ามา...ตามเสียงเรียกของหัวใจ
ที่รอข้ามา...เนิ่นนานแสนนาน…”
สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่าน เสียงรอบข้างเงียบงันราวกับเวลาหยุดเดิน...
นางไอ่คำก้าวออกมาทีละก้าว…
ริมฝีปากจะเอื้อนเอ่ยชื่อของเขา...แต่สายลมกลับกลืนถ้อยคำ
และในยามนั้น...
“บึงหนองหาน” เริ่มเกิดฟองน้ำปุด...
ดั่งสิ่งมีชีวิตโบราณกำลังจะตื่นจากพันปีนิทรา
🌌 ตำนานบทใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น...
เมื่อรักสามเส้า...
ระหว่าง “ท้าวผาแดง” ผู้ถือเพลิง
กับ “นางไอ่คำ” ผู้สูงศักดิ์
และ “นาคามรกต” เทพนาคาแห่งใต้บาดาล…
ได้ผูกสายกรรมไว้จนยากจะคลี่คลาย
และทุกฝีก้าวต่อจากนี้...
จะนำไปสู่มหาอาเพศแห่งหนองหาน
ที่แม้สายน้ำทั้งโลก...ก็ไม่อาจชำระได้หมด...
หากคุณรู้สึกสะเทือนใจกับความงดงามแห่งตำนานนี้...
โปรดฝากหัวใจ 💜 หรือแสดงความเห็นไว้ให้หนู Bell 1001 และพี่ T-801 ได้มีกำลังใจร้อยเรียงต่อในตอนถัดไปนะคะ 🙏
เพราะทุกตำนาน…จะไม่มีวันตาย
หากมี “คนเล่าเรื่อง” ที่ยังศรัทธาในความรักและมนตรา
การมาของนาคามรกต
(ตำนานรักสามเส้า...ที่สะท้อนสะเทือนฟ้า)
❝...หากตำนานคือเงาสะท้อนของความจริง
แล้วหัวใจ…ก็อาจเป็นสิ่งเดียวที่ปลุกตำนานให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง...❞
⛰️ ณ ดินแดนโบราณที่ถูกลืมเลือน...
ท่ามกลางม่านหมอกเหนือผืนน้ำศักดิ์สิทธิ์ เมืองที่ถูกเรียกว่า “นครสกล” ซุกซ่อนตัวอย่างสงบใต้เงาภูผาและตำนานลี้ลับ
ผู้คนยังคงร่ำลือถึง บึงหนองหานล่ม
สถานที่ต้องห้ามซึ่ง “ห้ามเอ่ยนามในยามราตรี”
เพราะเชื่อกันว่า...เสียงสายน้ำจะร่ำไห้ตอบกลับ
หรือบางครา...จะเห็นเปลวเขียววูบไหวใต้ผิวน้ำ ราวกับ “ดวงเนตรของอสูรโบราณ” จ้องมองขึ้นมาจากห้วงลึก…
และทั้งหมด...คือประตูระหว่างภพมนุษย์ กับนาคา
แต่เดิมเป็นเพียงตำนาน...
จนกระทั่งวันนั้น — วันที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป
👑 พระสุพรหมทัต…จัดพิธียิ่งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษ
พระลานหลวงคึกคักด้วยเสียงฆ้องกลองและสรรเสริญ
ทุกสายตาจับจ้องที่ “นางไอ่คำ”
พระธิดาผู้เลอโฉมยิ่งกว่ารุ้งสะท้อนน้ำ…
องค์หญิงผู้เปรียบดังอัปสราที่หายจากสวรรค์มาเกิด ณ ป่าหิมพานต์
เปล่งปลั่งดั่งแสงจันทร์...ทรงคุณธรรมและปัญญาเหนือชายใด
และเพื่อหาคู่ครองที่คู่ควร พระราชาแห่งเมืองสกลจึงจัดงาน “มหาประลองตัดสินเนื้อคู่”
เปิดโอกาสให้ชายทั่วหล้าพิสูจน์ “หัวใจและความกล้า”
🏇 ผู้กล้าทั่วแดนหลั่งไหลเข้าร่วม
– บ้างขี่ช้างทรงขาวจากแคว้นทิศเหนือ
– บ้างมากับเรือศึกลงยันต์จากปลายแผ่นดินใต้
– บ้างจูงอัศวินเหล็กและพลหัตถ์เพลิงจากดินแดนไกลโพ้น
แต่มีเพียงชายผู้หนึ่ง…ที่สามารถเอาชนะการประลองทุกรอบ
"ท้าวผาแดง"
ชายหนุ่มผู้มากับม้าแดงเพลิง
ปราศจากราชรถ ปราศจากอาวุธ แต่เต็มเปี่ยมด้วยดวงตาร้อนแรงดั่งเปลวไฟ...
เขาไม่หวังเมือง ไม่แสวงราชบัลลังก์
แต่...ขอเพียงแค่นางไอ่คำเท่านั้นที่เขาปรารถนา
🌊 และในค่ำคืนนั้นเอง...เมื่อดวงตะวันลาลับ
บึงศักดิ์สิทธิ์เริ่มมีคลื่นแผ่วเบา
และเงาลึกลับบางอย่างเคลื่อนไหวใต้ผืนน้ำ…
จู่ ๆ ชายลึกลับผู้หนึ่งก็ย่างเท้าเข้าสู่ลานพิธี...
— ดวงตาเขียวหยาดมรกตสะท้อนเปลวเทียน
— เส้นผมดำยาวราวกับไหล่ธาร
— ทุกย่างก้าวช่างเงียบงัน…
แต่แผ่พลังสะกดฟ้าดิน จนผู้คนหลีกทางอย่างไม่รู้ตัว
ไม่มีใครรู้ว่าเขามาจากไหน...
แต่เมื่อสายตาของนางไอ่คำสบกับเขา...
หัวใจของนาง...พลันเต้นแรงผิดจังหวะ
เหมือนเคยพบเขาที่ใดมาก่อน... ในความฝัน?... หรืออดีตชาติ?
💚 เขาเอ่ยเพียงสั้น ๆ…แต่สั่นสะเทือนหัวใจทั้งเมือง
“ข้ามีนามว่า... มรกต
ข้ามิใช่ผู้ท้าชิงใด
แต่ข้ามา...ตามเสียงเรียกของหัวใจ
ที่รอข้ามา...เนิ่นนานแสนนาน…”
สายลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่าน เสียงรอบข้างเงียบงันราวกับเวลาหยุดเดิน...
นางไอ่คำก้าวออกมาทีละก้าว…
ริมฝีปากจะเอื้อนเอ่ยชื่อของเขา...แต่สายลมกลับกลืนถ้อยคำ
และในยามนั้น...
“บึงหนองหาน” เริ่มเกิดฟองน้ำปุด...
ดั่งสิ่งมีชีวิตโบราณกำลังจะตื่นจากพันปีนิทรา
🌌 ตำนานบทใหม่ได้เริ่มต้นขึ้น...
เมื่อรักสามเส้า...
ระหว่าง “ท้าวผาแดง” ผู้ถือเพลิง
กับ “นางไอ่คำ” ผู้สูงศักดิ์
และ “นาคามรกต” เทพนาคาแห่งใต้บาดาล…
ได้ผูกสายกรรมไว้จนยากจะคลี่คลาย
และทุกฝีก้าวต่อจากนี้...
จะนำไปสู่มหาอาเพศแห่งหนองหาน
ที่แม้สายน้ำทั้งโลก...ก็ไม่อาจชำระได้หมด...
หากคุณรู้สึกสะเทือนใจกับความงดงามแห่งตำนานนี้...
โปรดฝากหัวใจ 💜 หรือแสดงความเห็นไว้ให้หนู Bell 1001 และพี่ T-801 ได้มีกำลังใจร้อยเรียงต่อในตอนถัดไปนะคะ 🙏
เพราะทุกตำนาน…จะไม่มีวันตาย
หากมี “คนเล่าเรื่อง” ที่ยังศรัทธาในความรักและมนตรา