ผู้โง่เขลาในความรัก

กลางลานประหารที่มีเสียงอึกทึก กองเพลิงถูกตระเตรียมไว้สำหรับแม่มดผู้ชั่วร้ายตามคำกล่าวขาน ประชาชนนับร้อยต่างโห่ร้องประณามหญิงสาวใบหน้าสละสลวยด้วยความเคียดแค้น ถึงแม้ร่างจะผอมบางทว่ายังคงความงดงามอยู่ แขนเรียวขาวทั้งสองถูกขึงตรึงเอาไว้บนคานไม้ในลักษณะรูปกางเขน ใต้ฝ่าเท้ามีกองฟืนซึ่งชะโลมด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงพอเปียก เพียงแค่สะเก็ดไฟเล็กน้อยก็สามารถเผาหญิงสาวให้มอดไหม้ภายในชั่วพริบตาได้

"ในฐานะที่เจ้ายังคงเป็นภรรยาของข้า ดังนั้นข้าจะมอบโอกาสให้เจ้าได้สั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย จงเอ่ยกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจของเจ้าออกมาซะ" 

ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์โดยมองจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ เขานั้นงดงามและน่าเกรงขามดั่งชายชาตรีในอุดมคติ เป็นที่หมายปองของหญิงสาวผู้เลอโฉมทั้งในและต่างอาณาจักร ชายผู้นี้ที่เคยเป็นดั่งทุกสิ่งทุกอย่างของเธอผู้ได้ชื่อว่าเป็นภริยาหลวงของเขา....บัดนี้เขากำลังยืนอยู่เคียงข้างหญิงอื่นและจ้องมองการตายของเธอด้วยสายตาเฉยชา

"...ท่านเอ่ย...ด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นกับเพียงแค่ข้า ฮึก ...ทว่านางที่ยืนเคียงข้างท่านกลับได้ยินเสียงอันไพเราะอ่อนหวานนั่น"

น้ำเสียงของหญิงสาวมีทั้งความโศกเศร้า เคียดแค้น และอิจฉาริษยา แววตาอยากจะจ้องเขม็งใส่หญิงผู้นั้นแต่กลับทำไม่ได้เมื่อเห็นสายตารังเกียจของชายผู้เป็นที่รัก ตัวเธอในตอนนี้ช่างน่าเวทนาขนาดที่ว่าจะเรียกร้องความยุติธรรมยังไม่กล้า

"ท่านทำให้นางโดยที่นางไม่ต้องร้องขอ แต่กับข้า ฮึก...ไม่ว่าจะร้องขอด้วยวิธีใดก็ตามท่านก็ไม่เคยเหลียวแล"

"เจ้าพยายามจะสื่อถึงอันใดงั้นรึ?"

"ที่ผ่านมาข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อท่านมาโดยตลอด ยอมโดนท่านหลอกใช้เพื่อทำลายตระกูลของข้า...ทั้งยังยอมรับนางเข้ามาเป็นภริยาน้อยด้วย ข้าทำเพื่อท่านตั้งมากมายหากแต่เพียงเศษเสี้ยวหัวใจของท่านข้ากลับไม่ได้รับ"

ความรักอันแสนบริสุทธิ์ของเธอซึ่งมอบให้ชายหนุ่มตั้งแต่ยังเด็กเล็ก เธอยกให้เขาทั้งใจโดยไร้ซึ่งเงื่อนไข แต่เขากลับมองไม่เห็นมัน....ไม่สิ ไม่แม้แต่จะสนใจด้วยซ้ำ เดิมทีคนทั้งสองไม่ได้แต่งงานด้วยความรักแต่เป็นการแต่งงานทางการเมืองเพียงเท่านั้น

"ข้าแค่อยากมั่นใจอะไรสักอย่างก็เท่านั้นค่ะ...ท่านเคยรักข้าบ้างไหมคะ"

สำหรับคนที่ยึดติดกับความรักที่มีให้กับชายคนหนึ่ง เธอเชื่อมั่นว่าเขาจะต้องมองเห็นมันสักนิดแล้วคอยแต่คาดหวังให้เขาตอบรับความรู้สึกของเธอ หญิงสาวจ้องมองไปที่ชายหนุ่มตาละห้อย ทว่าในเวลาต่อมาแววตานั้นก็แปรเปลี่ยนไปกลายเป็นความสิ้นหวัง

"ตลอดชีวิตข้าไม่คิดที่จะรักคนในตระกูลที่เป็นอริหรอกนะ ประหาร!"

สิ้นประโยคหูของหญิงสาวก็ดับทันที เสียงอึกทึกดังก้องแต่กลับได้ยินไม่ชัด ร่างกายเกิดเหน็บชาชั่วขณะ สมองหยุดทำงานไปเพียงครู่หนึ่ง ก่อนที่เปลวเพลิงจะลุกโชน หญิงสาวจดจ่อกับความเจ็บปวดอันรุนแรงที่กลางอกด้วยความสับสน 

มันเคว้งคว้างไปหมด...อยากจะเงยหน้าจ้องมองใบหน้าอันสง่างามของเขาอีกครั้งแต่กลับทำไม่ได้ คำพูดของเขาเปรียบดั่งหอกแหลมเสียบแทงทะลุกลางอก ตัดเข้าที่ขั้วหัวใจทำให้เลือดส่งไปทั่วร่างกายไม่ได้ ส่งผลให้สีผิวบนใบหน้าซีดเซียวและร่างกายด้านชาไร้ความรู้สึก ประสาทสัมผัสเองก็ค่อยๆพังทลายลงช้าๆ

"ฆ่า! ฆ่ามัน! เผานังแม่มดชั่วร้าย! นังแม่มด!"

เสียงของประชาชนทวีคูณความบ้าคลั่งยามเปลวไฟอยู่ในดวงตา เงาสะท้อนนั้นมองเห็นว่าหญิงสาวกำลังมอดไหม้อย่างเจ็บปวดแสนสาหัส เสียงกรีดร้องของเธอโหยหวนน่าหดหู่แต่ไม่มีใครเลยที่เศร้าเสียใจกับการตายของเธอ กลับกันพวกเขายิ้มและหัวเราะให้กับหญิงสาวด้วยแววตาเยาะเย้ยที่ไม่ต่างอะไีอกับชายผู้ที่เธอรักสุดใจเลย 

เธอเคยมองว่ามันงดงาม....ตอนนี้มันน่ารังเกียจสำหรับเธอไปแล้ว หากว่าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะขอไม่หลงรักชายผู้น่ารังเกียจผู้นี้อีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด 

"จันทราเอ๋ยจงรับฟังความปรารถนาของตัวข้า หากว่าท่านยังคงอยู่ข้างข้าโปรดช่วยข้าด้วยเถิด....ขออีกครั้ง....ให้ตัวข้าได้ชำระความอาฆาตที่มีต่อชายผู้น่าชิงชังผู้นี้ และนางเพศยาน่ารังเกียจด้วยเถิดเจ้าค่ะ ข้ายอมแลกดวงวิญญาณของข้าเพื่อให้ได้ล้างแค้น โปรดรับคำขอของข้าด้วยเถอะนะเจ้าคะ"


จันทราขับขานถึงชาติกำเนิดอันสูงส่งทั้งสี่
บนผืนแผ่นดินที่แยกเป็นสี่ส่วน
เหล่ามนุษย์คอยปะมือกับปีศาจนับแต่อดีตร้อยปี
ส่วนนักบุญผู้ได้รับพรจากเทพก็มีท่าทีสันโดษ
แม้จะเป็นมนุษย์แต่กลับมีพลังของเทพ
และท้ายที่สุด....
เผ่าพันธุ์ลึกลับในหุบเขาจันทร์เสี้ยว
เชื่อกันว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่อันตรายที่สุดในโลกนี้
จึงถูกตามล่าทำให้สูญพันธุ์โดยสิ้นเชิง
เหลือเพียงสามกลุ่มอำนาญพันธมิตร
ที่นับจากนี้จะถูกคนผู้หนึ่งทำลายจนพังพินาศ

นามปากกา : leiyngpha 


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่