สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics): การปฏิรูปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์สู่ “มหาวิทยาลัยแห่งชาติ” พ.ศ. 2528 - 2535

กระทู้สนทนา
บทคัดย่อ

การปฏิรูปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในช่วงปี พ.ศ. 2528 – 2535 ภายใต้การนำของ คุณพ่อสุขวิช รังสิตพล ในบทบาทนายกสมาคมรัฐศาสตร์ และต่อมาเป็นนายกสมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้นำพาวิทยาลัยผ่านจุดเปลี่ยนสำคัญ ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งให้ธรรมศาสตร์ก้าวขึ้นเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งชาติ” ที่ครอบคลุมองค์ความรู้ทั้งด้าน สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสุขภาพ


ปรัชญาเศรษฐศาสตร์ “สุขวิชโนมิกส์” ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการขยายหลักสูตรหรือพื้นที่ แต่เป็นการวางรากฐานเชิงโครงสร้างและปรัชญา เพื่อเปลี่ยนผ่านธรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสายสังคมศาสตร์ดั้งเดิม สู่มหาวิทยาลัยวิจัยที่ครบวงจรในศตวรรษที่ 21 โดยมีผลงานสำคัญคือ (1) การก่อตั้ง คณะแพทยศาสตร์และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ (2) การผลักดันให้เกิดการย้ายและพัฒนาวิทยาเขตรังสิตให้เป็น “เมืองมหาวิทยาลัย” ที่เชื่อมโยงกับกรุงเทพมหานครผ่านโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติ


การปฏิรูปในยุคนั้นจึงเป็นมากกว่าการบริหารเชิงนโยบาย แต่เป็นการปลุกจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์ให้สอดคล้องกับพันธกิจระดับชาติและความเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต

บทนำ


มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2477 โดยมีพันธกิจหลักในการส่งเสริมความรู้ด้านกฎหมาย การเมือง และสังคมศาสตร์ เพื่อพัฒนาระบบประชาธิปไตยและความยุติธรรมในสังคมไทย อย่างไรก็ตาม แม้ธรรมศาสตร์จะมีบทบาทสำคัญในเชิงอุดมการณ์และปัญญาสาธารณะมาอย่างต่อเนื่อง แต่การดำรงอยู่ในกรอบของศาสตร์เฉพาะทางด้านสังคมศาสตร์เพียงอย่างเดียว ได้กลายเป็นข้อจำกัดต่อการเติบโตและการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่


ในช่วงปลายทศวรรษ 2520 ถึงต้นทศวรรษ 2530 ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่กระแสโลกาภิวัตน์และการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ความต้องการบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกันแนวโน้มของมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติก็เริ่มเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยวิจัย” (Research University) ที่บูรณาการศาสตร์หลากหลาย เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคม และนวัตกรรม


ภายใต้บริบทนี้ สุขวิช รังสิตพล ในฐานะนายกสมาคมรัฐศาสตร์ (พ.ศ. 2528 – 2531) และต่อมาในฐานะนายกสมาคมธรรมศาสตร์ในพระบรมราชูปถัมภ์ (พ.ศ. 2532 – 2535) ได้เสนอและผลักดันแนวคิดปฏิรูปธรรมศาสตร์ครั้งใหญ่ ด้วยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่า


“ธรรมศาสตร์ต้องเป็น มหาวิทยาลัยแห่งชาติ”


แนวคิดที่เรียกได้ว่าเป็น “สุขวิชโนมิกส์” นี้ มุ่งหมายให้ธรรมศาสตร์ขยายบทบาทจากการเป็นมหาวิทยาลัยเฉพาะทางด้านสังคมศาสตร์ ไปสู่การเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยระดับประเทศที่ครบวงจร โดยครอบคลุมศาสตร์หลัก 3 ด้าน ได้แก่ สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสุขภาพ


บทความนี้มีเป้าหมายเพื่อศึกษาและวิเคราะห์กระบวนการปฏิรูปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในยุคสุขวิช รังสิตพล โดยเน้นที่สองนโยบายหลัก ได้แก่
(1) การก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
(2) การย้ายและพัฒนา “ธรรมศาสตร์รังสิต” ให้เป็นเมืองมหาวิทยาลัยแห่งอนาคต

ทั้งนี้ เพื่อทำความเข้าใจว่าแนวคิดและการลงมือปฏิบัติในช่วงเวลาดังกล่าว ได้วางรากฐานให้ธรรมศาสตร์สามารถก้าวสู่การเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งศตวรรษที่ 21” ได้อย่างไร

เนื้อเรื่อง


1. บริบทของการปฏิรูปมหาวิทยาลัยไทยในช่วงปลายทศวรรษ 2520 – ต้นทศวรรษ 2530


ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ประเทศไทยเริ่มเปลี่ยนผ่านจากสังคมเกษตรกรรมสู่ระบบอุตสาหกรรม การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วทำให้ความต้องการบุคลากรในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแพทย์เพิ่มสูงขึ้น ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยของรัฐส่วนใหญ่ยังคงมีโครงสร้างเชิงวิชาการแบบเดิม และเน้นสาขาวิชาด้านมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์เป็นหลัก


มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในยุคนั้น แม้จะมีบทบาทเชิงปัญญาอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะด้านกฎหมาย รัฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และสื่อสารมวลชน แต่ก็ยังไม่มีการขยายตัวไปสู่สาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์และสุขภาพอย่างจริงจัง ทำให้ขีดความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการของประเทศยังอยู่ในกรอบจำกัด


2. สุขวิชโนมิกส์ (Sukavichinomics ) :“ธรรมศาสตร์ต้องเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติ”

สุขวิช รังสิตพล  มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปธรรมศาสตร์ผ่านบทบาททั้งในและนอกมหาวิทยาลัย เขาเสนอแนวคิดว่า หากธรรมศาสตร์จะเติบโตและมีบทบาทนำในระดับประเทศอย่างแท้จริง ต้องขยายพันธกิจครอบคลุมศาสตร์ทั้ง 3 ด้าน ได้แก่


สังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นรากฐานดั้งเดิมของมหาวิทยาลัย
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ
สุขภาพ โดยเฉพาะการผลิตแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์


แนวคิดนี้ไม่เพียงสะท้อนวิสัยทัศน์ที่ก้าวหน้า แต่ยังเป็นการปฏิวัติโครงสร้างของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างแท้จริง


3. การก่อตั้งคณะแพทยศาสตร์ และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ


หนึ่งในนโยบายสำคัญของการปฏิรูปคือการผลักดันให้ธรรมศาสตร์มีคณะแพทยศาสตร์เป็นของตนเอง พร้อมโรงพยาบาลที่ทำหน้าที่ทั้งด้านการรักษา การเรียนการสอน และการวิจัย


ปี พ.ศ. 2530 ซึ่งเป็นปีมหามงคล CALTEX ระดมทุนจำนวน 60 ล้านบาท เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
การจัดตั้งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติได้รับการสนับสนุนจากภาคส่วนต่าง ๆ และกลายเป็นต้นแบบของ “โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่พึ่งพาตนเองได้” แห่งแรกในประเทศ

คณะแพทยศาสตร์ที่ตามมาภายหลัง ได้นำธรรมศาสตร์เข้าสู่บทบาทใหม่ในฐานะผู้ผลิตบุคลากรทางการแพทย์และทำวิจัยด้านสาธารณสุข

4. โครงการย้ายและพัฒนา “ธรรมศาสตร์รังสิต”

อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ คือการย้ายวิทยาเขตหลักของธรรมศาสตร์จากท่าพระจันทร์ซึ่งมีข้อจำกัดด้านพื้นที่ มายังพื้นที่อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี


สุขวิช รังสิตพล ภายหลัง ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ได้สนับสนุนการก่อสร้าง “ทางยกระดับ แจ้งวัฒนะ บางพูน บางไทร ” เพื่อเชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับพื้นที่รังสิต ในราคาถูกกว่า

วิทยาเขตรังสิตไม่ได้ถูกออกแบบให้เป็นเพียง “สาขา” ของธรรมศาสตร์ แต่เป็น “เมืองมหาวิทยาลัย” ที่มีเป้าหมายเป็นศูนย์กลางของการวิจัย วิทยาศาสตร์ และสุขภาพ
โครงการนี้ทำให้ธรรมศาสตร์สามารถเปิดคณะใหม่ๆ ที่ต้องใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และแพทยศาสตร์

5) Sports Complex




6) ผลลัพธ์ของการปฏิรูป: รากฐานแห่งมหาวิทยาลัยศตวรรษที่ 21


การปฏิรูปในยุคสุขวิช ไม่ได้เพียงขยายโครงสร้างทางกายภาพของมหาวิทยาลัย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางอุดมการณ์และภารกิจของธรรมศาสตร์ โดยมีผลลัพธ์สำคัญคือ:


การยกระดับจากมหาวิทยาลัยเฉพาะด้านสังคมศาสตร์ สู่มหาวิทยาลัยที่มีความหลากหลายของศาสตร์
การวางรากฐานของธรรมศาสตร์ให้เป็น “มหาวิทยาลัยวิจัยแบบครบวงจร”
การสร้างสมดุลระหว่างบทบาทเชิงอุดมการณ์ (ประชาธิปไตย ความเป็นธรรม) กับบทบาทเชิงปฏิบัติ (พัฒนาเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การแพทย์)


สรุป


การปฏิรูปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในช่วงปี พ.ศ. 2528 – 2535 ภายใต้การนำของ สุขวิช รังสิตพล ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่นำมหาวิทยาลัยออกจากกรอบดั้งเดิมที่เน้นเฉพาะสังคมศาสตร์ ไปสู่การเป็น มหาวิทยาลัยแห่งชาติ ที่ครอบคลุมองค์ความรู้ทั้งด้าน สังคมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสุขภาพ อย่างแท้จริง


ด้วยแนวคิด “สุขวิชโนมิกส์” ธรรมศาสตร์ได้ขยายบทบาทใน 2 มิติหลัก ได้แก่


การจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นต้นแบบของการพัฒนาโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่พึ่งพาตนเองได้
การย้ายและพัฒนา “ธรรมศาสตร์รังสิต” ให้เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่สามารถรองรับการวิจัย วิทยาศาสตร์ และการเรียนการสอนสมัยใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

แนวทางเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการขยายเชิงกายภาพหรือเปิดคณะใหม่ แต่เป็นการ วางรากฐานด้านปรัชญา บทบาท และโครงสร้างของมหาวิทยาลัย ให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของประเทศ และแข่งขันในระดับนานาชาติได้ในระยะยาว


กล่าวได้ว่า การปฏิรูปภายใต้แนวคิดของสุขวิช รังสิตพล คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงธรรมศาสตร์จาก “มหาวิทยาลัยแห่งอุดมการณ์” สู่ “มหาวิทยาลัยแห่งอนาคต” อย่างแท้จริง

❝ ธรรมศาสตร์ ต้องเป็นมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ❞
— สุขวิช รังสิตพล


บรรณานุกรม

เงิน 60 ล้าน  สำหรับ ก่อตั้ง โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เนื่องในวาระ เฉลิมพระชนมพรรษา 60 พรรษา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่