ความเชื่อแบบ Modalism เป็นอันตราย และ ขัดต่อความจริง ความเข้าใจเรื่องการความรอดอย่างไร?



- Modalism ถูกปฏิเสธว่าเป็น คำสอนนอกรีต (heresy) ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 3 [^1]
เพราะว่า... บิดเบือนภาพของพระเจ้าในพระคัมภีร์
ในยอห์น 17 พระเยซูอธิษฐานต่อพระบิดา ไม่ใช่แสดงบทบาทคนเดียวคุยกับตัวเอง [^2]
ทำลายความสัมพันธ์ภายในพระตรีเอกภาพ
ในพันธสัญญาเดิม พระยาเวห์ (YHWH) คือพระเจ้าองค์เดียว ผู้ทรงเป็น Trinity พระบิดา พระบุตร (พระเยซู) และ พระจิต (พระวิญญาณบริสุทธิ์)
ดังนั้น พระเยซูคือพระยาเวห์ แต่ ไม่ใช่พระบิดา [^3]
ทั้งสองทรงเป็นบุคคลที่แตกต่างกัน แต่มีพระนามเดียวกัน คือ พระยาเวห์ พระบิดาไม่ได้ทรงกลายเป็นพระบุตร หรือ พระวิญญาณ แต่ทั้งสามทรงเป็นบุคคลที่ดำรงอยู่พร้อมกันนิรันดร์ แต่ Modalism ล้มเหลวในการอธิบายการเปิดเผยของพระเจ้าในพันธกิจแห่งความรอด การไถ่บาปผ่านการสิ้นพระชนม์ของพระบุตรมีความหมาย เพราะพระบุตรไม่ใช่แค่การสวม ' บทบาท ' ของพระบิดา

หลายคนคงเข้าใจแล้วว่า Modalism คืออะไรใช่มั้ยครับ แต่จะทวนให้อีกรอบนะครับ
ชุดความเชื่อแบบ Modalism หรือ เรียกอีกอย่างว่า Sabellianism [^5]

ชุดความเชื่อนี้อธิบายพระตรีเอกภาพที่สอนว่า พระเจ้ามีเพียงองค์เดียว และทรง ' สวมบทบาท ' หรือ ' แสดงออก ' ในสามรูปแบบต่างกันตามช่วงเวลา...

สวมบท พระบิดาในช่วงพันธสัญญาเดิม
สวมบท พระบุตรเมื่อเสด็จลงมาในโลก
สวมบท พระวิญญาณเมื่อทรงสถิตกับคริสตจักร

พูดง่ายๆ ว่า พระเจ้ามีเพียง "บุคคลเดียว" (one person) แต่แสดงออกเป็น "สามบทบาท" (three modes)[^6] ซึ่งแตกต่างจากความเข้าใจคริสเตียนออร์โธดอกซ์ (ดั้งเดิม) ที่ยืนว่าพระเจ้าทรงเป็น สามบุคคล (three persons) พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดำรงอยู่พร้อมกันและมีความเป็นพระเจ้าร่วมกันโดยเท่าเทียม

- การสอนแบบ Modalism เป็นการ ปฏิเสธพระเจ้าตามที่พระองค์ทรงเปิดเผย[^7]

ถ้าพระบุตรไม่ใช่บุคคลที่แท้จริง ก็ไม่มีการทรงสำแดงของพระบุตร
ถ้าพระวิญญาณไม่ใช่บุคคล ก็ไม่มีผู้ทรงนำคริสตจักรในปัจจุบัน

ถ้าพระเจ้าทรงเพียงสวมบทบาท ไม่มีความรักในพระองค์เอง เพราะความรักต้องเกิดในความสัมพันธ์[^8]

Modalism เลยไม่ได้แค่สอนผิดธรรมดา ไม่ใช่แค่ความเข้าใจผิดเล็กน้อย แต่เป็นความเข้าใจผิดร้ายแรงที่ต้องเร่งแก้ไข และ ทำลายรากฐานของข่าวประเสริฐ และ เป็นภัยต่อความรอดดังนั้นข่าวประเสริฐ จะหมดความหมาย หากพระคริสต์ไม่ใช่บุคคลจริงในพระเจ้า...

- แล้วคำถามต่อมาคือ ยุค Early Church Fathers แรก อย่าง Origen , Tertullian , Irenaeus , Clement เขาจะข่ายสอนผิดมั้ยเพราะสอนแบบคลุมเคลือเอียงเอนไปทางนี้เหมือนกัน? -

หากใช้ มาตรฐาน Nicene Creed ค.ศ. 325 [^9] เป็นตัววัดก็บอกได้ว่า พวกเขายังไม่ถึงขั้น สมบูรณ์ ในความเข้าใจตามระบบเทววิทยาแบบ Trinitarian orthodox แต่ ไม่ใช่ Modalists แน่นอน

อย่าง... Saint Origen ออริเจน
อธิบายว่าพระบุตรทรง " เกิดนิรันดร์ " จากพระบิดา (eternally begotten)
ใช้ภาษาที่ฟังดู subordination (เช่น พระบุตรต่ำกว่าพระบิดา) แม้จะมีบางคำบางส่วนที่ฟังคล้าย แต่ Saint Origen ยังยืนยันความเป็นพระเจ้าแท้ของพระบุตร[^10] และ ถือว่าพระบุตรดำรงอยู่นิรันดร์ ไม่ได้ถูกสร้าง
( แต่บางแนวคิดของ Origen อย่าง preexistence of souls , universal restoration หรือ apokatastasis ถูกประกาศเป็น heretical นอกรีต ใน สภาครั้งที่สอง Second Council of Constantinople ค.ศ. 553 ก็ไม่ได้หมายความว่าแกถูกประณามโดยตรงแต่เพราะเป็นพวก ' Origenism ' สาวกที่ตามแก อย่าง Evagrius Ponticus เอาชุดแนวคิดนี้มาใช้... )

เรื่องพระตรีเอกภาพของแกเอง ถึงมีข้อโต้แย้ง
แต่ก็ถูกพัฒนาต่อโดย Cappadocian Fathers Gregory of Nyssa, Gregory Nazianzen, Basil the Great) ให้แม่นยำขึ้น โดยการยืนยันว่า ถึงแม้พระบุตรเกิดจากพระบิดา แต่ทั้งสองทรงมีความเป็นพระเจ้าอย่างสมบูรณ์เท่ากัน และ ไม่มีการด้อยกว่ากันในระดับพระธรรมชาติ (divine essence)

- Saint Tertullian เทอเธอร์เรี่ยน
เป็นคนแรกที่ใช้คำว่า Trinitas และ persona
ยืนยันว่าพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณเป็น distinct persons ต่อต้าน ชุดความเชื่อแบบ Modalism ในงานเขียนที่ชื่อ Adversus Praxean[^11] -

- Saint Irenaeus อายรินีเอิส
มองเห็นการกระทำของพระเจ้าเป็นแบบ " สองพระหัตถ์ " พระบุตรและพระวิญญาณ
แม้จะเน้นอธิบายแบบ “economic Trinity” แต่ก็ไม่ได้สอนว่าพระเจ้ามีบทบาทเดียว
ท่านพยายามอธิบายเรื่องพระคริสต์ในเชิงวิทยาและการไถ่จริงจัง[^12] -

- Clement of Alexandria
ใช้ถ้อยคำที่บางครั้งสื่อไปทางภาวะเดียวกัน (Monarchianism) แต่ไม่ได้ลดบุคคลของพระคริสต์ลงเป็นแค่บทบาท[^13] -

แต่คือว่า... บรรดาบิดาคริสตจักรยุคแรกเหล่านี้ ไม่ใช่พวก Modalist แต่คือคนที่วางรากฐานให้กับคำสอนเรื่องตรีเอกภาพที่สภาไนเซียจะมาสรุปอย่างชัดเจนในภายหลังครับ

- และ ทำไมความเชื่อ Modalism เนี่ยมันจึงขัดต่อความรอด?

แล้วเรื่องนี้ ถึงขั้นเสียความรอดมั้ยละ?
คือ ถ้าใครสอนแบบ Modalism โดยไม่รู้ ไม่เข้าใจ หรือยังเรียนรู้ไม่จบ อาจเรียกว่า เข้าใจผิด
แม้คนที่สอนเช่นนี้โดยไม่รู้ตัวอาจยังถือว่าเข้าใจผิดได้ แต่ผู้สอนโดยยืนยันแนวคิดนี้ถือเป็นอันตราย
แต่ทางสภาคอนสแตนตินเราก็ยังมีความหวังให้พวกเขากลับใจเรียนรู้ต่อ อย่างถูกต้อง[^14]...

หลายกลุ่มในปัจจุบันอย่าง Pentecostal ลัทธิใหม่บางสาย เช่น Oneness Pentecostalism ยึดคำสอนนี้โดยไม่รู้ตัว [^15]
ก็คือสอนว่า พระเยซูคือพระบิดา และ คือพระวิญญาณในคนเดียวกัน ซึ่งฟังดูเท่นะ แต่คือการ หั่นข่าวประเสริฐออกเป็นชิ้น ๆ และ กลับเป็นการทำลายข่าวประเสริฐโดยไม่รู้ตัว
เน้นฤทธิ์เดช เน้นนิมิต เน้นการอัศจรรย์มากไป แต่ไร้รากเทววิทยา และ สอนความเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระเจ้า

จริงๆในไทยกลุ่มหนึ่งก็มีแหลมๆอยู่เรื่อยๆ
ผ่านคำอธิบาย ที่ " ง่ายเกินจริง " ของบางกลุ่มในความเชื่อนี้ ในคำเทศนา การสอนหลายๆอย่างของเขา " พระเจ้าองค์เดียว สวมสามบทบาทเนี่ย " มันฟังดูเข้าท่า และ น่าฟังสำหรับผู้ติดตามของเขาเองอะ แต่จริงๆแล้วเป็นการอธิบายที่ ลดความลึกล้ำของพระเจ้าให้เหลือแค่หน้ากากของนักแสดง[^16]

ซึ่งขัดกับไนซีนครีดที่คณะปิตาจารย์พยายามรักษา ปกป้องความเชื่อ และ ขัดหลักพระคัมภีร์ตรงๆเลยครับ

ใน Credo Niceno (325/381) ประกาศว่า...

“ We believe in one Lord Jesus Christ, the only Son of God… begotten, not made, of one being with the Father…”[^17]
" พระบุตรเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา และ เป็น บุคคลผู้ทรงกำเนิด มิใช่ถูกสร้าง "

- นักบุญเทอร์ทัลเลียน Tertullian ต่อต้าน Modalism โดยเน้นการดำรงอยู่พร้อมกันของสามบุคคล -

- นักบุญอาธานาซิอัส Athanasius ปกป้องความเป็นพระเจ้าแท้ของพระบุตร เพื่อให้ความรอดของมนุษย์ยังมีค่า[^18]-

ในพระคัมภีร์... ยอห์น 17:1–5 พระเยซูทูลพระบิดา (ไม่ได้คุยกับตัวเอง)
มัทธิว 3:16–17 พระบุตรรับบัพติศมา พระวิญญาณเสด็จลง และพระบิดาตรัสจากฟ้า
ลูกา 22:42 อย่าให้เป็นไปตามน้ำใจของข้าพเจ้า แต่ให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์
โรม 10:9 ถ้าเธอจะสารภาพด้วยปากของเธอว่า พระเยซูคือองค์พระผู้เป็นเจ้า และ
เชื่อในใจว่า… พระเจ้าทรงให้พระองค์เป็นขึ้นจากตาย เธอจะรอด

หาก ' พระเยซู ' ที่เราสารภาพบาป ที่เราเชื่อ ไม่ใช่ พระเยซูที่แท้จริง (สามบุคคลในหนึ่งพระเจ้า) เราก็อาจไม่ได้เชื่อใน ข่าวประเสริฐที่ถูกต้อง (2 โครินธ์ 11:4)

ตราบใดที่เราปฏิเสธ บุคคลแท้ของพระบุตร และ พระวิญญาณ การปฏิเสธพระตรีเอกภาพแบบนี้ เป็นการปฏิเสธความเชื่อกลาง หรือ core confession ซึ่งถือเป็นพื้นฐานของความรอดการไถ่ ความสัมพันธ์ ความรัก และ พันธกิจที่ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของพระเจ้า ที่เป็นความสัมพันธ์ภายในพระองค์เอง

เพื่อปกป้องความเชื่อไว้ ผมจึงอยากหนุนใจว่า...

อย่าประนีประนอมเรื่องพระตรีเอกภาพเพื่อความเข้าใจง่ายๆแต่ผิดเลยครับ
เรียนรู้เทววิทยา หรือ ศาสนศาสตร์ที่ถูกต้อง แม้จะฟังยากในตอนแรก
เรียนรู้และนำเรื่อง Early Church Fathers มา ทำความเข้าใจ มาสอนตามบริบท ไม่ตัดสินแบบที่อนุรักษ์นิยมทำแบบทันที...

องค์กรคริสเตียนกระแสหลักควรมีท่าทีชัดเจนในการยืนหยัดต่อความเชื่อของคริสตจักรสากล และกล้าตัดสินใจในกรณีคำสอนที่เบี่ยงเบนจากหลักความเชื่อกลางอย่าง Trinity แบบนี้ แสดงออกบอกจุดยืน ว่าคำสอนคำสอนของกลุ่มเหล่านี้ขัดกับข้อเชื่อหลักอย่างชัดเจน ถึงกลุ่มที่สอนผิดนี้จะไม่ได้ขึ้นกับองค์กรก็ตาม เพื่อสร้างความเข้าใจให้พี่น้องคริสเตียนอย่างชัดเจน
และ ( ก็อยากหนุนใจช่วยจัดการกลุ่มที่สอนแบบนี้ในองค์กรของท่านให้ชัดเจนด้วยนะครับ...)

ให้เรายกย่องความเป็นจริงของพระเจ้าเหนือความสะดวกในการอธิบายในชุดคำสอนผิดๆ

" Trinity is not a puzzle to be solved, but a mystery to be worshiped. ”
" พระตรีเอกภาพไม่ใช่ปริศนาที่ต้องแก้ แต่เป็นความล้ำลึกที่เราต้องนมัสการ "
เราจะนมัสการพระเจ้าได้อย่างถูกต้อง ก็ต่อเมื่อเรารู้ว่าเรากำลังนมัสการพระเจ้าผู้ทรงเป็น " พระตรีเอกภาพ " ที่แท้จริงครับ

สภาคอนสแตนตินแห่งประเทศไทย

CR. : สภาคอนสแตนตินแห่งประเทศไทย
https://www.facebook.com/share/p/1Af9N3U3wQ/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่