เฮียชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ใน “ประชาชาติธุรกิจ” ปี 2532 ขณะนั้นอายุ 28 มาในบทบาททายาทธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้

"อาจเป็นเพราะผมเป็นคนใจเย็นมากกว่า เล่นได้เรื่อยๆ และผลก็ออกมาดีเพราะผมเป็นคนเล่นกีฬาอยู่แล้ว พอเล่นแล้วรูปร่างใหญ่ขึ้นก็ชอบ อีกอย่างเป็นการฝึกความอดทนและมีสมาธิแน่วแน่

ผมมีความสุขกับร่างกายที่ใหญ่ขึ้น ไหล่นูนสูง เดินไปไหนเหมือนมีปีกออกมา แขนก็หุบไม่ลง ไม่ใช่เบ่งอย่างนักกล้ามแต่ปีกมันค้ำออกมา" แต่ตอนนี้ก็ไม่ใหญ่มากมายอะไรนัก ดูเป็นนักกีฬามากกว่านักกล้าม

"ผมลดลงเพราะผู้หญิงไม่มอง" เขากล่าวอย่างติดตลก ความจริงชูวิทย์นอกจากจะเล่นเพาะกายแล้ว ยังเล่นทศกรีทาด้วย เช่น ทุ่มน้ำหนัก ขว้างจักร ค้ำถ่อ พุ่งแหลน กระโดดสูง วิ่ง กระโดดไกล กระโดดข้ามรั้ว ฯลฯ แต่ถ้าตัวโตเกินไปทำให้เสียเปรียบตอนค้ำถ่อเพราะยิ่งน้ำหนักตัวมากจะค้ำไม่ขึ้น ดีไม่ดีถึงกับไม้หักตกลงมาก็มี

ชูวิทย์อธิบายว่า จริงๆแล้วไม่ได้เล่นเพาะกายเป็นล่ำเป็นสันจนหน้าอกใหญ่ขาเล็กเหมือนชายงามทั้งหลาย ที่เล่นก็เพื่อเป็นการออกกำลังกายอย่างหนึ่งและเป็นการวอร์มอัพก่อนเล่นกีฬาประเภทอื่น

ปัจจุบันนี้เขาใช้อุปกรณ์สำหรับเพาะกายเพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น และสกัดกั้นไม่ให้กล้ามเนื้อตรงหน้าอกไหลมากองอยู่ที่ท้องเมื่อกีฬาฝังในหัวใจจนทำให้เป็นแกะดำในครอบครัวที่ไม่มีใครเล่นกีฬาเลยสักคน

ความรักนี้แผ่อิทธิพลถึงทุกโครงการของเขาที่ต้องการสร้างสโมสรและสนามกีฬาพร้อมกับการสร้างบ้าน ทันทีที่ครอบครัวแรกย้ายมาอยู่สโมสรก็เสร็จรอพวกเขาเข้าไปเล่น

นอกจากนี้โครงการรอยัลปาล์มวิลล่าที่สร้างสวนปาล์มเรียงรายรอบโครงการเหมือนซานดิเอโก้ที่เขาติดใจ ยังมีระบบรับประกันโครงสร้างบ้านโดยเจ้าของโครงการเป็นผู้จ่ายเบี้ยประกันให้ในระยะ 10 ปี สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า และเป็นจุดขายสำคัญของโครงการ