“สิ่งมีชีวิตแบบผีกระสือเป็นไปไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์” ประโยคนี้พอได้ยินปุ๊บ ของผมก็ขึ้นทันที ด้วยศักดิ์ศรีเกรียนเก่าของหว้ากอแล้ว อะไรที่บอกว่าเป็นไปไม่ได้ เราก็จะแถจนเป็นไปได้ มะ เรามาแถสดแถเปื่อยกันว่า ในทางชีววิทยา กระสือ มันจะเป็นไปได้อย่างไร
ปัญหาข้อจำกัดของการที่กระสือจะต้องสามารถแยกหัวออกจากตัวได้แล้วยังย้อนกลับมาเชื่อมต่อกันได้ เราทราบอยู่ว่า ระบบประสาทส่วนกลางของสัตว์มีกระดูกสันหลังเรานั้นไม่สามารถเติบโตซ่อมแซมตัวเองได้ การบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังจึงมักจะเกิดความพิการอัมพาตถาวร ส่วนการทดลองใช้สเตมเซลล์ในการรักษาก็ยังเป็นแค่วุ้นเราคงไม่เอามาใช้แถในที่นี้ ทว่า นั่นถ้าหากเราคิดว่ากระสือ เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงตัวเดียวละก็???
ในธรรมชาติ มันมีสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบปรสิตและปรสิตหลายประเภทมีความสามารถในการควบคุมสิ่งมีชีวิตเจ้าบ้านได้ (host) ไม่ว่าจะด้วยการใช้การควบคุมสมองอย่างพยาธิขนม้าที่บังคับให้จิ้งหรีดหรือตั๊กแตนที่มันเข้าไปอาศัยทำอัตนิวิบาตกรรมโดดลงน้ำเพื่อให้ตัวพยาธิลงไปแพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำ ต่อสาบมรกต ก็สามารถควบคุมแมลงสาบให้เดินนำลงหลุมไปเป็นอาหารตัวอ่อนของมันอย่างสะดวกดาย และในกรณีของกระสือ ถ้าหากกระสือเป็นปรสิตในรูปแบบแมลงกินลิ้น ที่ตัวมันเองสูบกินส่วนหัวของเหยื่อจนฝ่อแล้วเข้าควบคุมร่างกายแทน มันก็จะตอบโจทย์ทางชีววิทยาและตอบโจทย์ตำนานต่างๆของกระสือได้อย่างเข้าเค้าเลยทีเดียว
สำหรับสมองของมนุษย์นั้น ส่วนที่ใช้ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในส่วนใหญ่จะอยู่ที่ก้านสมอง ปรสิตไม่ต้องการสมองส่วนที่ใช้เก็บความทรงจำ ระบบตา หู จมูก และปาก มันต้องการแค่ก้านสมองเพื่อที่จะคุมระบบการทำงานอัตโนมัติของร่างกายเท่านั้น อวัยวะตรงส่วนหัวจะถูกสูบให้ฝ่อลงเหลือเพียงริมฝีปากไว้เป็นส่วนประกบคอ ปอดส่วนบนถูกสูบยุบลงไปเป็นช่องว่างให้กระสือเอาอวัยวะขับเคลื่อนด้วยระบบ Bio Ionic Thruster เรียกสั้นๆว่า BIT เข้าไปจุกอยู่ข้างใน จมูกนั้นต้องการแค่เป็นรูเปิดถึงปอด ปอดก็ขอแค่มีพังพืดแข็งๆยึดไว้ก็ยังพอจะใช้กระบังลมดึงและดันให้เกิดการหายใจได้ ปากนั้นไม่จำเป็น จำเป็นแค่หลอดอาหารที่กระสือจะเสียบส่วนปลายหูรูดเพื่อขับถ่ายของเสียออกไปให้ร่างมนุษย์ได้ใช้กิน กระสืออาจมีระบบขับถ่ายที่ด้อยประสิทธิภาพและสารอาหารในขี้กระสือก็ยังเพียงพอต่อการทำงานของร่างกายคน ส่วนก้านสมองเองยังมีปลายประสาทที่สามารถส่งสัญญาณลงไปควบคุมได้ ซึ่งตรงนี้ กระสืออาจจะสร้างหน้า contact สำหรับเชื่อมต่อระบบประสาทไว้เพื่อที่จะสามารถถอดส่วนหัวและอวัยวะขับเคลื่อน ทำให้มันสามารถแยกตัวออกมาจากร่างและกลับเข้าร่างแล้วยังควบคุมร่างได้ ส่วนหน้า Contact จะเป็นระบบ USB หรือระบบ 40 pin อันนั้นให้วิศวะคอมเขามาแถเอา นี่วิศวะเคมีแถขนาดนี้ก็แสบสีข้างเกินพอแล้ว

รูป แสดงภาพอนาโตมี โครงสร้างการลดรูปอวัยวะเพื่อสิ่งมีชีวิตปรสิตกระสือรวมร่างกับมนุษย์หลังจากสูบกินจนหัวลดรูปไปแล้ว กลไกการถอดหัว และกางปีกที่เปลี่ยนมาเป็นอวัยวะสร้าง ionic wind thruster สำหรับการขับเคลื่อนบนฟ้า
กระสือนั้นสืบพันธุ์ด้วยการถ่มน้ำลายลงในปากของทายาทก่อนตาย พฤติกรรมการสืบพันธุ์นี้สัมพันธ์กับลักษณะการสืบพันธุ์ของแมงกินลิ้น การถ่มน้ำลายนั้นจริงๆคือการวางไข่ ซึ่งไข่กระสือก็จะฟักตัวสูบกินสมองและความทรงจำและเมื่อการฟักตัวเสร็จสิ้น ความจำวัยเด็กของร่างกายก็จะกลายมาเป็นความจำของกระสือไปด้วย เนื่องจากกระสือ เป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการขึ้นมาควบคู่ไปกับมนุษย์ ส่วนตัว หรือหัวของมันจะคล้ายมนุษย์ก็จริง แต่มันจะไม่เหมาะกับตัวคนๆอื่น กระสือจะเลือกอยู่เป็นคู่กับกรรมพันธุ์มนุษย์ในสายตระกูลที่จำกัด เมื่อกระสือตัวเมียจะสืบพันธุ์กับกระสือตัวผู้มันจะแต่งงานกันก่อน ซั่มกันทั้งด้านบนและด้านล่าง ได้ลูกชายก็วางไข่กระหัง ได้ลูกสาวก็จะวางไข่กระสือ ลูกกระสือก็จะได้กรรมพันธุ์หน้าตาร่วมกันของกระสือและกระหัง เช่นเดียวกับร่างเด็กที่ได้กรรมพันธุ์ของพ่อและแม่ ดังนั้น ความเข้ากันได้ของหน้าตาและรูปร่างจึงมีความสอดคล้องกัน โดยปรกติ ทั้งกระสือและกระหังอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นกระสือและกระหังจนกว่าจะถึงวัยที่ต้องแยกส่วนออกไปหาคู่ และเมื่อหาคู่ได้ จึงกลับเข้าประกอบกับตัวแล้วหาทางพบเจอเพื่อคบหากัน แต่ด้วยข้อจำกัดทางสภาพสังคมปัจจุบันที่คนมีลูกน้อย สาวกระสือออฟฟิตก็บอกตัวเองว่าไม่อยากมีลูก แทคติกทางชีววิทยาที่เหลือของกระสือก็คือไปซ่ำเฉพาะส่วนหัวแล้วไปบ้วนไข่ใส่ลูกสาวคนอื่นเกิดเป็นสก๊อยที่หน้ากับตัวยังกับใช้รองพื้นคนละเบอร์กัน

ถ้าหน้ารองพื้นผิดเบอร์นี่สงสัยไว้ก่อนได้เลย ว่า กระสือ
เนื่องจากกระสือวิวัฒนาการมาจากแมงกินลิ้นซึ่งเป็นไอโซพอดกลุ่มกุ้งจากทะเล มันก็มีความเสี่ยงที่กระสือธรรมชาติจะหลุดเข้ามาในสังคมมนุษย์ กระสือใหม่นั้นปรกติหน้าตาจะเหมือนปลา ผสมออกมาก็จะได้คนหัวปลาน่าอเนจอนาถ ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ด้วยการบริโภคอาหารทะเลที่สุกและ/หรือได้มาตรฐาน HACCP
นี่จึงแสดงให้เห็นได้ว่า กระสือนั้น มีความเป็นไปได้ตามหลัก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ วิวัฒนาการ โฮ๊ย เหนื่อยโฮก ตูเขียนอะไรของตูฟะเนี่ย แล้วตูจะเขียนต่อเรื่องการคำนวณระบบ Thruster ของกระสือว่าบินได้ยังไงไหวไหมหว่า คงไม่ไหวละ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ หมอเรียกไปกินยาแล้ว สวัสดีเน้อ
วิดกระยาสาร์ทของ กระสือ!
ปัญหาข้อจำกัดของการที่กระสือจะต้องสามารถแยกหัวออกจากตัวได้แล้วยังย้อนกลับมาเชื่อมต่อกันได้ เราทราบอยู่ว่า ระบบประสาทส่วนกลางของสัตว์มีกระดูกสันหลังเรานั้นไม่สามารถเติบโตซ่อมแซมตัวเองได้ การบาดเจ็บที่กระดูกสันหลังจึงมักจะเกิดความพิการอัมพาตถาวร ส่วนการทดลองใช้สเตมเซลล์ในการรักษาก็ยังเป็นแค่วุ้นเราคงไม่เอามาใช้แถในที่นี้ ทว่า นั่นถ้าหากเราคิดว่ากระสือ เป็นสิ่งมีชีวิตเพียงตัวเดียวละก็???
ในธรรมชาติ มันมีสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกันแบบปรสิตและปรสิตหลายประเภทมีความสามารถในการควบคุมสิ่งมีชีวิตเจ้าบ้านได้ (host) ไม่ว่าจะด้วยการใช้การควบคุมสมองอย่างพยาธิขนม้าที่บังคับให้จิ้งหรีดหรือตั๊กแตนที่มันเข้าไปอาศัยทำอัตนิวิบาตกรรมโดดลงน้ำเพื่อให้ตัวพยาธิลงไปแพร่พันธุ์ในแหล่งน้ำ ต่อสาบมรกต ก็สามารถควบคุมแมลงสาบให้เดินนำลงหลุมไปเป็นอาหารตัวอ่อนของมันอย่างสะดวกดาย และในกรณีของกระสือ ถ้าหากกระสือเป็นปรสิตในรูปแบบแมลงกินลิ้น ที่ตัวมันเองสูบกินส่วนหัวของเหยื่อจนฝ่อแล้วเข้าควบคุมร่างกายแทน มันก็จะตอบโจทย์ทางชีววิทยาและตอบโจทย์ตำนานต่างๆของกระสือได้อย่างเข้าเค้าเลยทีเดียว
สำหรับสมองของมนุษย์นั้น ส่วนที่ใช้ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในส่วนใหญ่จะอยู่ที่ก้านสมอง ปรสิตไม่ต้องการสมองส่วนที่ใช้เก็บความทรงจำ ระบบตา หู จมูก และปาก มันต้องการแค่ก้านสมองเพื่อที่จะคุมระบบการทำงานอัตโนมัติของร่างกายเท่านั้น อวัยวะตรงส่วนหัวจะถูกสูบให้ฝ่อลงเหลือเพียงริมฝีปากไว้เป็นส่วนประกบคอ ปอดส่วนบนถูกสูบยุบลงไปเป็นช่องว่างให้กระสือเอาอวัยวะขับเคลื่อนด้วยระบบ Bio Ionic Thruster เรียกสั้นๆว่า BIT เข้าไปจุกอยู่ข้างใน จมูกนั้นต้องการแค่เป็นรูเปิดถึงปอด ปอดก็ขอแค่มีพังพืดแข็งๆยึดไว้ก็ยังพอจะใช้กระบังลมดึงและดันให้เกิดการหายใจได้ ปากนั้นไม่จำเป็น จำเป็นแค่หลอดอาหารที่กระสือจะเสียบส่วนปลายหูรูดเพื่อขับถ่ายของเสียออกไปให้ร่างมนุษย์ได้ใช้กิน กระสืออาจมีระบบขับถ่ายที่ด้อยประสิทธิภาพและสารอาหารในขี้กระสือก็ยังเพียงพอต่อการทำงานของร่างกายคน ส่วนก้านสมองเองยังมีปลายประสาทที่สามารถส่งสัญญาณลงไปควบคุมได้ ซึ่งตรงนี้ กระสืออาจจะสร้างหน้า contact สำหรับเชื่อมต่อระบบประสาทไว้เพื่อที่จะสามารถถอดส่วนหัวและอวัยวะขับเคลื่อน ทำให้มันสามารถแยกตัวออกมาจากร่างและกลับเข้าร่างแล้วยังควบคุมร่างได้ ส่วนหน้า Contact จะเป็นระบบ USB หรือระบบ 40 pin อันนั้นให้วิศวะคอมเขามาแถเอา นี่วิศวะเคมีแถขนาดนี้ก็แสบสีข้างเกินพอแล้ว
กระสือนั้นสืบพันธุ์ด้วยการถ่มน้ำลายลงในปากของทายาทก่อนตาย พฤติกรรมการสืบพันธุ์นี้สัมพันธ์กับลักษณะการสืบพันธุ์ของแมงกินลิ้น การถ่มน้ำลายนั้นจริงๆคือการวางไข่ ซึ่งไข่กระสือก็จะฟักตัวสูบกินสมองและความทรงจำและเมื่อการฟักตัวเสร็จสิ้น ความจำวัยเด็กของร่างกายก็จะกลายมาเป็นความจำของกระสือไปด้วย เนื่องจากกระสือ เป็นสิ่งมีชีวิตที่วิวัฒนาการขึ้นมาควบคู่ไปกับมนุษย์ ส่วนตัว หรือหัวของมันจะคล้ายมนุษย์ก็จริง แต่มันจะไม่เหมาะกับตัวคนๆอื่น กระสือจะเลือกอยู่เป็นคู่กับกรรมพันธุ์มนุษย์ในสายตระกูลที่จำกัด เมื่อกระสือตัวเมียจะสืบพันธุ์กับกระสือตัวผู้มันจะแต่งงานกันก่อน ซั่มกันทั้งด้านบนและด้านล่าง ได้ลูกชายก็วางไข่กระหัง ได้ลูกสาวก็จะวางไข่กระสือ ลูกกระสือก็จะได้กรรมพันธุ์หน้าตาร่วมกันของกระสือและกระหัง เช่นเดียวกับร่างเด็กที่ได้กรรมพันธุ์ของพ่อและแม่ ดังนั้น ความเข้ากันได้ของหน้าตาและรูปร่างจึงมีความสอดคล้องกัน โดยปรกติ ทั้งกระสือและกระหังอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นกระสือและกระหังจนกว่าจะถึงวัยที่ต้องแยกส่วนออกไปหาคู่ และเมื่อหาคู่ได้ จึงกลับเข้าประกอบกับตัวแล้วหาทางพบเจอเพื่อคบหากัน แต่ด้วยข้อจำกัดทางสภาพสังคมปัจจุบันที่คนมีลูกน้อย สาวกระสือออฟฟิตก็บอกตัวเองว่าไม่อยากมีลูก แทคติกทางชีววิทยาที่เหลือของกระสือก็คือไปซ่ำเฉพาะส่วนหัวแล้วไปบ้วนไข่ใส่ลูกสาวคนอื่นเกิดเป็นสก๊อยที่หน้ากับตัวยังกับใช้รองพื้นคนละเบอร์กัน
เนื่องจากกระสือวิวัฒนาการมาจากแมงกินลิ้นซึ่งเป็นไอโซพอดกลุ่มกุ้งจากทะเล มันก็มีความเสี่ยงที่กระสือธรรมชาติจะหลุดเข้ามาในสังคมมนุษย์ กระสือใหม่นั้นปรกติหน้าตาจะเหมือนปลา ผสมออกมาก็จะได้คนหัวปลาน่าอเนจอนาถ ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ด้วยการบริโภคอาหารทะเลที่สุกและ/หรือได้มาตรฐาน HACCP
นี่จึงแสดงให้เห็นได้ว่า กระสือนั้น มีความเป็นไปได้ตามหลัก ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ วิวัฒนาการ โฮ๊ย เหนื่อยโฮก ตูเขียนอะไรของตูฟะเนี่ย แล้วตูจะเขียนต่อเรื่องการคำนวณระบบ Thruster ของกระสือว่าบินได้ยังไงไหวไหมหว่า คงไม่ไหวละ ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้ หมอเรียกไปกินยาแล้ว สวัสดีเน้อ