ยูโทเปียคืออนาคตของโลกในฝัน และไม่มีทางเป็นจริง แต่จริงๆแล้วอาจจะเป็นการเป้าหมายที่คาดหวังแม้ไม่เป็นจริงแต่ก็มีการพัฒนาขึ้น
มาวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ปัจจุบันไปอีก25ปีข้างหน้าดู
1.ปัจจุบันอัตราการเกิดต่ำมากทำให้ฐานประชากรในอนาคต25ปีข้างหน้า ลดลงเหลือ1ใน4ทำให้ภาคผลิตและบริการจะใช้เทคโลโนยีทดแทนที่ขาดแคลน
2.คุณภาพประชากรโลกมีการศึกษาเฉลี่ยดีขึ้นในระดับการเรียนรู้เนื่องจากเข้าถึงองค์ความรู้ได้กว้างในเวลาที่รวดเร็วขึ้น แต่ความสัมพันธ์ครอบครัวเดี่ยวและไม่มีความสัมพันธ์กับชุมชนจะทำให้เกิดวิถีใหม่ในสังคมปัจเจก
3.การเข้าสู่ยุคบริโภคที่ถดถอยเนื่องประชากรน้อยลง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งรัฐและเอกชนจะถูกทิ้งร้างมากขึ้น หนี้สินจากโครงสร้างเหล่านี้จะกลายเป็นNPLเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจทั่วโลก การใช้ทรัพยากรจะผ่านยุคสูงสุดไปแล้วเข้าสู่ยุคผลิตเฉพาะบุคคลมากขึ้น
4.การปฏิรูปที่ดินอาจไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไปเพราเมื่อประชากรลดลงไปมากที่ดินรกร้างว่างเปล่า รวมถึงตึกราบ้านช่องก็จะวิกฤตคนอยู่อาศัย
และมีสิ่งแวดล้อม บริบทของสังคมยุค2050เปลี่ยนแปลง และกระทบกระเทือนโลกอย่างรุนแรง แต่ท่ามกลางวิกฤตเป็นโอกาสที่รัฐทั่วโลกที่จะแก้ไขให้โลกนี้ดีขึ้นได้
1.เนื่องประชากรเหลือน้อยลงมาก รัฐถือโอกาสกระชับพื้นที่อยู่อาศัย จับวางโซนนิ่งให้เป็นสัดส่วนใหม่เหมาะสมยิ่งขึ้น เพิ่มพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่สัตว์ป่า (คล้ายนิวซีแลนด์) ผู้คนจะอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น แต่มีเทคโนโลยีสะดวกขึ้น แต่ไม่ควรเพิ่มประชาชนเพื่อหวังผลตัวเลขเศรษฐกิจระยะสั้นทำให้เกิดการผลิตและผลาญทรัพยากรอย่างบ้าคลั่งเช่นที่ผ่านมา
2.การศึกษาถูกท้าทายและเปรียบเทียบอย่างกว้างขวาง อาจกล่าวได้ว่ามนุษย์จะก้าวข้ามขีดจำกัดความกลัวได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ความเชื่อทางศาสนามีบทบาทน้อยลง
3.สงครามจะเดินเข้าสู่การวางอาวุธทั่วโลกเพราะไม่จำเป็นอีกต่อไปในการแย่งชิงทรัพยากร แย่งชิงพื้นที่ศาสนา การแย่งชิงความเป็นใหญ่ เพราะผู้คนจะหันมาติดสโลว์ไลฟ์มากยิ่งขึ้นใช้ชีวิตสบายๆ
ยุคยูโทเปียนี้อาจกลายเป็นจริงก็ได้นะ
ยูโทเปีย2025 สู่ยุค2050
มาวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ปัจจุบันไปอีก25ปีข้างหน้าดู
1.ปัจจุบันอัตราการเกิดต่ำมากทำให้ฐานประชากรในอนาคต25ปีข้างหน้า ลดลงเหลือ1ใน4ทำให้ภาคผลิตและบริการจะใช้เทคโลโนยีทดแทนที่ขาดแคลน
2.คุณภาพประชากรโลกมีการศึกษาเฉลี่ยดีขึ้นในระดับการเรียนรู้เนื่องจากเข้าถึงองค์ความรู้ได้กว้างในเวลาที่รวดเร็วขึ้น แต่ความสัมพันธ์ครอบครัวเดี่ยวและไม่มีความสัมพันธ์กับชุมชนจะทำให้เกิดวิถีใหม่ในสังคมปัจเจก
3.การเข้าสู่ยุคบริโภคที่ถดถอยเนื่องประชากรน้อยลง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งรัฐและเอกชนจะถูกทิ้งร้างมากขึ้น หนี้สินจากโครงสร้างเหล่านี้จะกลายเป็นNPLเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจทั่วโลก การใช้ทรัพยากรจะผ่านยุคสูงสุดไปแล้วเข้าสู่ยุคผลิตเฉพาะบุคคลมากขึ้น
4.การปฏิรูปที่ดินอาจไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไปเพราเมื่อประชากรลดลงไปมากที่ดินรกร้างว่างเปล่า รวมถึงตึกราบ้านช่องก็จะวิกฤตคนอยู่อาศัย
และมีสิ่งแวดล้อม บริบทของสังคมยุค2050เปลี่ยนแปลง และกระทบกระเทือนโลกอย่างรุนแรง แต่ท่ามกลางวิกฤตเป็นโอกาสที่รัฐทั่วโลกที่จะแก้ไขให้โลกนี้ดีขึ้นได้
1.เนื่องประชากรเหลือน้อยลงมาก รัฐถือโอกาสกระชับพื้นที่อยู่อาศัย จับวางโซนนิ่งให้เป็นสัดส่วนใหม่เหมาะสมยิ่งขึ้น เพิ่มพื้นที่ป่าไม้ พื้นที่สัตว์ป่า (คล้ายนิวซีแลนด์) ผู้คนจะอยู่กับธรรมชาติมากขึ้น แต่มีเทคโนโลยีสะดวกขึ้น แต่ไม่ควรเพิ่มประชาชนเพื่อหวังผลตัวเลขเศรษฐกิจระยะสั้นทำให้เกิดการผลิตและผลาญทรัพยากรอย่างบ้าคลั่งเช่นที่ผ่านมา
2.การศึกษาถูกท้าทายและเปรียบเทียบอย่างกว้างขวาง อาจกล่าวได้ว่ามนุษย์จะก้าวข้ามขีดจำกัดความกลัวได้มากยิ่งขึ้น ทำให้ความเชื่อทางศาสนามีบทบาทน้อยลง
3.สงครามจะเดินเข้าสู่การวางอาวุธทั่วโลกเพราะไม่จำเป็นอีกต่อไปในการแย่งชิงทรัพยากร แย่งชิงพื้นที่ศาสนา การแย่งชิงความเป็นใหญ่ เพราะผู้คนจะหันมาติดสโลว์ไลฟ์มากยิ่งขึ้นใช้ชีวิตสบายๆ
ยุคยูโทเปียนี้อาจกลายเป็นจริงก็ได้นะ