คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ปกติเวลาผมนั่งสมาธิจะมีอาการยุบยิบ ซ่านลามบนศรีษะบ้าง ผิวหน้าบ้าง คอ ไหล่ บางทีซ่านลามเป็นแถบเหมือนไฟลาม บางทีไต่เป็นเส้นวนเวียนบนหัว...
ปกติจะเริ่มมีอาการตั้งแต่เริ่มนั่งได้2-3นาทีแรกที่เริ่มนั่งสมาธิ ในจังหวะสูดลมหายใจยาวเข้าออก
ตอบ : อาการยุบยิบ ซ่าน เป็นอาการของความรู้สึกตัว หากสามารถขยายความรู้สึกนี้ให้ได้ทั้งตัวทีเดียวและเป็นเนื้อเดียวกัน ตรงนี้จะเป็น กายสัมปชัญญะ หากรู้สึกเป็นจุดๆ เช่นผิวแขน ก็ลองขยายความรู้สึกตรงผิวแขนให้เกิดขึ้นทั้งแขน ลองดูว่าความรู้สึกนี้มันสามารถทำให้เพิ่มขึ้นได้หรือไม่? หากได้ก็ลองทำให้ความรู้สึกนี้เข้มข้นขึ้น แล้วค่อยๆ ขยายให้ได้ทั้ง 2 แขน จนสามารถขยายให้ได้ทั้งตัวทีเดียวพร้อมกัน ตรงนี้จะใช้เวลาในการฝึกพอสมควร จนกว่าจะสามารถตรึง แช่ ให้อยู่กับอาการซ่านๆ นี้ได้ทั้งตัว และสามารถเข้า-ออก ได้คล่อง ตรงนี้คือการฝึก วสี 5 หากทำได้ดีจะมีสภาวะธรรมให้ผู้ฝึกได้รู้ได้เห็นเยอะมาก
สักพักอาการนี้จะหายไป แล้วเริ่มกลับมาเป็นอีกเมื่อลมหายใจสั้นเบา แล้วก็หายไป และจะกลับมาเป็นอีกแบบชัดเจนตอนลมหายใจแผ่วเบามากๆ
แต่ที่ผมแปลกใจคือ ในวันที่ไม่ได้นั่งสมาธิก็มีอาการแบบนี้ แม้จะไม่ได้นั่งสมาธิหลายวันต่อกัน อาการนี้ก็จะเป็นเวลานั่งดูโทรศัพท์ในที่เงียบๆคนเดียว
ตอบ : จริงๆ แล้ว สามารถฝึกโดยไม่ต้องนั่งหลับตา อาจจะยาก แต่หากทำได้ เป็นการฝึกไม่มีข้อจำกัดของเวลา (การฝึกของพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก ทำเมื่อไหร่ได้เมื่อนั้น ไม่ต้องจำกัดตนตว่าฝึกได้เฉพาะช่วงนั่งสมาธิหลับตาเท่านั้น) หากคุ้นชิน อาการนี้ก็จะเกิดขึ้นมาได้เอง นั่นคือการเข้าที่ สังเกตุว่าเวลาที่เกิดอาการนี้ สติจะแจ่มชัด ความคิดปรุงแต่งไม่เกิด ความรู้สึกของอาการซ่านๆ ชาๆ จะชัด
อาการนี้จะมาพร้อมกับหูมีเสียงวี๊ดครับ
ตอบ: เสียงวี๊ดๆ นั้น ลองฟังดีๆ มันคือเสียงคลื่นความถี่สูง ได้ความรู้สึกตัว จะได้ยินเสียงคลื่นความถี่สูง เป็นปกติ ที่ได้ยินได้ไม่ใช่เพราะหูมนุษย์ แต่เกิดจากสติรับรู้
ปกติจะเริ่มมีอาการตั้งแต่เริ่มนั่งได้2-3นาทีแรกที่เริ่มนั่งสมาธิ ในจังหวะสูดลมหายใจยาวเข้าออก
ตอบ : อาการยุบยิบ ซ่าน เป็นอาการของความรู้สึกตัว หากสามารถขยายความรู้สึกนี้ให้ได้ทั้งตัวทีเดียวและเป็นเนื้อเดียวกัน ตรงนี้จะเป็น กายสัมปชัญญะ หากรู้สึกเป็นจุดๆ เช่นผิวแขน ก็ลองขยายความรู้สึกตรงผิวแขนให้เกิดขึ้นทั้งแขน ลองดูว่าความรู้สึกนี้มันสามารถทำให้เพิ่มขึ้นได้หรือไม่? หากได้ก็ลองทำให้ความรู้สึกนี้เข้มข้นขึ้น แล้วค่อยๆ ขยายให้ได้ทั้ง 2 แขน จนสามารถขยายให้ได้ทั้งตัวทีเดียวพร้อมกัน ตรงนี้จะใช้เวลาในการฝึกพอสมควร จนกว่าจะสามารถตรึง แช่ ให้อยู่กับอาการซ่านๆ นี้ได้ทั้งตัว และสามารถเข้า-ออก ได้คล่อง ตรงนี้คือการฝึก วสี 5 หากทำได้ดีจะมีสภาวะธรรมให้ผู้ฝึกได้รู้ได้เห็นเยอะมาก
สักพักอาการนี้จะหายไป แล้วเริ่มกลับมาเป็นอีกเมื่อลมหายใจสั้นเบา แล้วก็หายไป และจะกลับมาเป็นอีกแบบชัดเจนตอนลมหายใจแผ่วเบามากๆ
แต่ที่ผมแปลกใจคือ ในวันที่ไม่ได้นั่งสมาธิก็มีอาการแบบนี้ แม้จะไม่ได้นั่งสมาธิหลายวันต่อกัน อาการนี้ก็จะเป็นเวลานั่งดูโทรศัพท์ในที่เงียบๆคนเดียว
ตอบ : จริงๆ แล้ว สามารถฝึกโดยไม่ต้องนั่งหลับตา อาจจะยาก แต่หากทำได้ เป็นการฝึกไม่มีข้อจำกัดของเวลา (การฝึกของพระพุทธเจ้าเป็นอกาลิโก ทำเมื่อไหร่ได้เมื่อนั้น ไม่ต้องจำกัดตนตว่าฝึกได้เฉพาะช่วงนั่งสมาธิหลับตาเท่านั้น) หากคุ้นชิน อาการนี้ก็จะเกิดขึ้นมาได้เอง นั่นคือการเข้าที่ สังเกตุว่าเวลาที่เกิดอาการนี้ สติจะแจ่มชัด ความคิดปรุงแต่งไม่เกิด ความรู้สึกของอาการซ่านๆ ชาๆ จะชัด
อาการนี้จะมาพร้อมกับหูมีเสียงวี๊ดครับ
ตอบ: เสียงวี๊ดๆ นั้น ลองฟังดีๆ มันคือเสียงคลื่นความถี่สูง ได้ความรู้สึกตัว จะได้ยินเสียงคลื่นความถี่สูง เป็นปกติ ที่ได้ยินได้ไม่ใช่เพราะหูมนุษย์ แต่เกิดจากสติรับรู้
แสดงความคิดเห็น
อาการซ่าน ยุบยิบ ตามผิวหนัง ถือเป็นปีติใช่มั้ยครับ ทำไมเกิดขึ้นในเวลาปกติไม่ได้นั่งสมาธิ
ปกติจะเริ่มมีอาการตั้งแต่เริ่มนั่งได้2-3นาทีแรกที่เริ่มนั่งสมาธิ ในจังหวะสูดลมหายใจยาวเข้าออก
สักพักอาการนี้จะหายไป แล้วเริ่มกลับมาเป็นอีกเมื่อลมหายใจสั้นเบา แล้วก็หายไป และจะกลับมาเป็นอีกแบบชัดเจนตอนลมหายใจแผ่วเบามากๆ
แต่ที่ผมแปลกใจคือ ในวันที่ไม่ได้นั่งสมาธิก็มีอาการแบบนี้ แม้จะไม่ได้นั่งสมาธิหลายวันต่อกัน อาการนี้ก็จะเป็นเวลานั่งดูโทรศัพท์ในที่เงียบๆคนเดียว
อาการนี้จะมาพร้อมกับหูมีเสียงวี๊ดครับ