คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17
ในวาระสุดท้ายของชีวิต การกำหนดจิตให้ถูกต้องมีความสำคัญมาก เพราะจะเป็นปัจจัยที่กำหนดทิศทางของจิตหลังความตาย หากพิจารณาทางธรรมแล้ว ทั้งสองแนวทางที่กล่าวมามีข้อดีและเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์ ขอสาธยายเพิ่มเติมเพื่อให้เห็นแนวทางที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด
---
1) การกำหนดลมหายใจภาวนาพุทโธ (ใจสงบ)
การภาวนาพุทโธร่วมกับลมหายใจเป็นแนวทางที่เรียบง่ายและทรงพลัง เพราะช่วยให้จิตสงบ มั่นคง และไม่หวั่นไหวต่อเวทนา (ความปวด/เจ็บ) หรือความฟุ้งซ่านอื่น ๆ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เคยฝึกสติภาวนาแบบนี้มานานจนเป็นนิสัย เพราะเมื่อจิตจดจ่ออยู่กับคำว่า "พุท" เข้า – "โธ" ออก จิตจะไม่หลงไปกับอารมณ์หรือเวทนา อันนำไปสู่ความทุกข์
เมื่อจิตสงบจนถึงระดับหนึ่ง ก็สามารถปล่อยวางร่างกายและความกลัวตายได้ ในที่สุดอาจเกิด "อุปจารสมาธิ" หรือแม้แต่ "อัปปนาสมาธิ" ซึ่งเป็นภาวะจิตแน่วแน่ มีสติรู้ตัวเต็มที่ ส่งผลให้จิตในขณะใกล้ตายเป็นกุศล อันเป็นเหตุให้เกิดภพภูมิที่ดี หรือแม้กระทั่งหลุดพ้นได้
แต่หากจิตยังไม่ถึงระดับสมาธิที่แน่วแน่พอ อาจมีความฟุ้งซ่านแทรกได้บ้าง เช่น ความกังวล หรือเวทนาแทรกแซง ซึ่งในกรณีนั้น อาจต้องใช้แนวทางที่สองเป็นตัวช่วย
---
2) กำหนดลมหายใจ หยุบ-ผ่อง และกำหนดรู้กาย/ใจ
วิธีนี้เป็นแนวทางของ "มหาสติปัฏฐาน" ซึ่งเน้นการเจริญสติอย่างต่อเนื่อง โดยให้จิตกำหนดลมหายใจเป็นหลัก (หยุบ-ผ่อง คือ หายใจเข้า-ออก) แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจ เช่น
รู้ว่า กายกำลังปวด → ไม่หนี ไม่ผลักไส แค่รู้
รู้ว่า ใจฟุ้งซ่าน กังวล หรือกลัว → ไม่กดข่ม แต่เฝ้าดูอย่างเป็นกลาง
การฝึกเช่นนี้ทำให้จิตไม่เผลอไหลไปตามเวทนา หรืออารมณ์ที่ปรุงแต่งขึ้นมา แต่กลับอยู่ใน "ฐานของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน" นั่นคือ "วิปัสสนาสติปัฏฐาน" ซึ่งนำไปสู่การปล่อยวางขันธ์ 5 ได้ง่ายขึ้น
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ฝึกเจริญสติแบบนี้มานาน เพราะแม้ว่าจะเผชิญกับเวทนาแรงกล้า หรือความกลัวในวาระสุดท้าย แต่ก็สามารถวางใจเป็นกลางได้ หากจิตสามารถ เห็นไตรลักษณ์ ในขันธ์ 5 ได้จริง โอกาสที่จะ "ไม่ไปเกิดใหม่" หรือ หลุดพ้นโดยสมบูรณ์ ก็จะสูงขึ้น
---
แนวทางที่ควรเลือก
หากถามว่า "ควรเลือกวิธีใด?"
หากจิตคุ้นเคยกับสมถภาวนาและพุทโธมานาน → ให้ใช้ข้อ (1) การภาวนาพุทโธ เพื่อให้จิตสงบมั่นคง
หากจิตคุ้นเคยกับการเจริญสติปัฏฐาน เห็นไตรลักษณ์ในทุกขณะ → ให้ใช้ข้อ (2) การกำหนดรู้กาย-ใจตามความเป็นจริง เพื่อให้ปล่อยวางขันธ์ 5 ได้
แต่ทางที่ดีที่สุดคือให้ฝึกทั้งสองแนวทางในชีวิตประจำวัน เพราะเมื่อถึงวาระสุดท้ายจริง ๆ เราไม่อาจคาดเดาว่าจะอยู่ในสภาพใด หากเจ็บปวดมาก อาจต้องใช้การเฝ้ารู้เวทนา หากจิตสงบพอ อาจใช้พุทโธเพื่อรักษาภาวะจิตให้บริสุทธิ์
สุดท้ายนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ "ไม่ดิ้นรน" และ "ปล่อยวาง" เพราะยิ่งดิ้นรนมากเท่าไร จิตยิ่งยึดติดและวนเวียนในสังสารวัฏต่อไป แต่หากสามารถเห็นว่า "แม้แต่ความตายก็เป็นเพียงสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป" จิตจะเป็นอิสระ และอาจถึงซึ่งนิพพานได้ในที่สุด
---
1) การกำหนดลมหายใจภาวนาพุทโธ (ใจสงบ)
การภาวนาพุทโธร่วมกับลมหายใจเป็นแนวทางที่เรียบง่ายและทรงพลัง เพราะช่วยให้จิตสงบ มั่นคง และไม่หวั่นไหวต่อเวทนา (ความปวด/เจ็บ) หรือความฟุ้งซ่านอื่น ๆ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่เคยฝึกสติภาวนาแบบนี้มานานจนเป็นนิสัย เพราะเมื่อจิตจดจ่ออยู่กับคำว่า "พุท" เข้า – "โธ" ออก จิตจะไม่หลงไปกับอารมณ์หรือเวทนา อันนำไปสู่ความทุกข์
เมื่อจิตสงบจนถึงระดับหนึ่ง ก็สามารถปล่อยวางร่างกายและความกลัวตายได้ ในที่สุดอาจเกิด "อุปจารสมาธิ" หรือแม้แต่ "อัปปนาสมาธิ" ซึ่งเป็นภาวะจิตแน่วแน่ มีสติรู้ตัวเต็มที่ ส่งผลให้จิตในขณะใกล้ตายเป็นกุศล อันเป็นเหตุให้เกิดภพภูมิที่ดี หรือแม้กระทั่งหลุดพ้นได้
แต่หากจิตยังไม่ถึงระดับสมาธิที่แน่วแน่พอ อาจมีความฟุ้งซ่านแทรกได้บ้าง เช่น ความกังวล หรือเวทนาแทรกแซง ซึ่งในกรณีนั้น อาจต้องใช้แนวทางที่สองเป็นตัวช่วย
---
2) กำหนดลมหายใจ หยุบ-ผ่อง และกำหนดรู้กาย/ใจ
วิธีนี้เป็นแนวทางของ "มหาสติปัฏฐาน" ซึ่งเน้นการเจริญสติอย่างต่อเนื่อง โดยให้จิตกำหนดลมหายใจเป็นหลัก (หยุบ-ผ่อง คือ หายใจเข้า-ออก) แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ละเลยการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายและจิตใจ เช่น
รู้ว่า กายกำลังปวด → ไม่หนี ไม่ผลักไส แค่รู้
รู้ว่า ใจฟุ้งซ่าน กังวล หรือกลัว → ไม่กดข่ม แต่เฝ้าดูอย่างเป็นกลาง
การฝึกเช่นนี้ทำให้จิตไม่เผลอไหลไปตามเวทนา หรืออารมณ์ที่ปรุงแต่งขึ้นมา แต่กลับอยู่ใน "ฐานของผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน" นั่นคือ "วิปัสสนาสติปัฏฐาน" ซึ่งนำไปสู่การปล่อยวางขันธ์ 5 ได้ง่ายขึ้น
วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ฝึกเจริญสติแบบนี้มานาน เพราะแม้ว่าจะเผชิญกับเวทนาแรงกล้า หรือความกลัวในวาระสุดท้าย แต่ก็สามารถวางใจเป็นกลางได้ หากจิตสามารถ เห็นไตรลักษณ์ ในขันธ์ 5 ได้จริง โอกาสที่จะ "ไม่ไปเกิดใหม่" หรือ หลุดพ้นโดยสมบูรณ์ ก็จะสูงขึ้น
---
แนวทางที่ควรเลือก
หากถามว่า "ควรเลือกวิธีใด?"
หากจิตคุ้นเคยกับสมถภาวนาและพุทโธมานาน → ให้ใช้ข้อ (1) การภาวนาพุทโธ เพื่อให้จิตสงบมั่นคง
หากจิตคุ้นเคยกับการเจริญสติปัฏฐาน เห็นไตรลักษณ์ในทุกขณะ → ให้ใช้ข้อ (2) การกำหนดรู้กาย-ใจตามความเป็นจริง เพื่อให้ปล่อยวางขันธ์ 5 ได้
แต่ทางที่ดีที่สุดคือให้ฝึกทั้งสองแนวทางในชีวิตประจำวัน เพราะเมื่อถึงวาระสุดท้ายจริง ๆ เราไม่อาจคาดเดาว่าจะอยู่ในสภาพใด หากเจ็บปวดมาก อาจต้องใช้การเฝ้ารู้เวทนา หากจิตสงบพอ อาจใช้พุทโธเพื่อรักษาภาวะจิตให้บริสุทธิ์
สุดท้ายนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการ "ไม่ดิ้นรน" และ "ปล่อยวาง" เพราะยิ่งดิ้นรนมากเท่าไร จิตยิ่งยึดติดและวนเวียนในสังสารวัฏต่อไป แต่หากสามารถเห็นว่า "แม้แต่ความตายก็เป็นเพียงสภาวะธรรมที่เกิดขึ้นและดับไป" จิตจะเป็นอิสระ และอาจถึงซึ่งนิพพานได้ในที่สุด
แสดงความคิดเห็น
วาระสุท้ายชีวิต ควรกำหนดลมหายใจอย่างไร???
1) การกำหนดลมหายใจภาวนาพุทโธ(ใจสงบ)
2) กำหนดลมหายใจ หยุบ ผ่อง และกำหนดรู้กาย(ปวด/เจ็บ) /ใจ (ฟุ้ง)
ขอบคุณครับ