คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
... คำว่า "คนผิวสี" เข้าใจว่าคงแปลมาจาก " Person of Color " / " People of Color " หรือแบบย่อคือ POC ซึ่งเป็นคำที่ปรากฏในดินแดนอเมริกาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 18 โดยหมายถึง "ลูกผสมระหว่างชาวยุโรปกับชาวแอฟริกาผิวดำที่มีผิวสีอ่อน" ส่วนทาสชาวแอฟริกาผิวดำถูกเรียกว่า " Black " หรือ " Negro " แต่สำหรับชาวอเมริกันในแถบ Deep South เป็นคำที่ใช้เรียก "เสรีชนที่เป็นลูกผสม ( โดยเฉพาะมูแลตโต(Mulatto) )" จนกระทั่งหลังสงครามกลางเมืองอเมริกา(American Civil War)ตั้งแต่ ค.ศ. 1865 " Colored " กลายเป็นคำเรียกโดยเน้นไปที่ชาวแอฟริกาผิวดำแทน แต่พอถึงประมาณกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 คำดังกล่าวก็เสื่อมความนิยมไป
ต่อมาเมื่อราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 คำว่า " Person of Color " ถูกนำมาใช้เรียก "ผู้ที่ไม่ใช่คนผิวขาว" (Non-white) ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา หมายความว่า "ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา" (African-American), ชาวเอเชีย, ชนพื้นเมือง ฯลฯ ล้วนเป็น "คนผิวสี" อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 หลังการเกิดขึ้นของ Black power movement และขบวนการอื่นๆของคนดำอันต่อเนื่องมาจากขบวนการเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง(Civil Rights Movemen)เมื่อทศวรรษก่อนหน้า มีการสนับสนุนให้หันมาเรียกชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาว่า " Black " หรือ "คนดำ" แทน ตามมาด้วยการเสนอคำว่า " African-American " มาใช้เพื่อเบี่ยงความสนใจของผู้คนออกจากเรื่องสีผิว
ในปัจจุบัน " Coloured " สำหรับประเทศแอฟริกาใต้เป็นคำเรียกทั่วไปของ "คนที่มีหลายเชื้อชาติ" (Multiracial people) แต่ " Colored / Coloured " และ " Person/People of Color " สำหรับคนผิวดำถือว่าล้าสมัยและเป็นคำเหยียดเชื้อชาติ(Racial Slur) เนื่องจากคำเหล่านี้ใช้เรียกคนทุกสีผิวยกเว้นคนขาว ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นคนผิวสีใดสีหนึ่ง ดังที่อธิบายไว้ข้างต้น เพราะฉะนั้นการถูกเรียกว่า "คนผิวสี" ในสังคมอเมริกาจึงถูกพิจารณาว่าเป็นการดูแคลนเพราะกำลังมองข้ามอัตลักษณ์ทางเชื้อชาติที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นชาวแอฟริกาผิวดำ, ชนพื้นเมือง, ชาวเอเชียตะวันออก, ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ชาวเอเชียใต้, ชาวตะวันออกกลาง ฯลฯ โดยมีมุมมองของคนขาวหรือคนเชื้อสายยุโรปเป็นศูนย์กลาง
ส่วนในบริบทของสังคมไทย เหตุผลที่คำว่า "คนดำ" มักมีความหมายในแง่ลบ เพราะผิวขาวคือมาตรฐานความงาม(Beauty standard)ของคนไทย อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็น "ชนชั้นนำ" (Elite) ผู้ซึ่งถูกมองว่าเป็นปัญญาชน(Intellectual)และมีความเหนือกว่าทางศีลธรรม(Moral superiority) แตกต่างจาก ผิวคล้ำที่กว่า หรือ ผิวดำ ที่ตรงข้ามกับความงาม และเป็นสัญลักษณ์ของ "ชนชั้นกรรมาชีพ" (Proletariat) ผู้ซึ่งมักถูกมองว่าไม่มีความเป็นปัญญาชน และมีอากัปกิริยาหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตามนิยามของรัฐ, บรรทัดฐานทางสังคม, หรือหลักคำสอนทางศาสนา ตลอดจนสัญลักษณ์ของความเป็นคนเถื่อนล้าหลัง ประกอบกับการบริโภควรรณกรรมหรือเรื่องเล่าที่ปลูกฝังแนวคิดแบบ " Black-and-white dualism " ธรรมะ คือ สีขาว อธรรม คือ สีดำ อันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมอื่นๆทั่วโลกที่ประกอบด้วยคนผิวขาวกว่าและคนผิวเข้มกว่า ดังนั้นคำว่า "ดำ" ในสังคมไทยจึงมักถูกใช้อย่างมีนัยของการดูแคลนเมื่อกล่าวถึงเรื่องสีผิว เช่น การตั้งชื่อเล่นให้ผู้อื่นโดยเชื่อมโยงกับการมีผิวดำ เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้คำว่า "ผิวสี" ฟังดูเป็นคำที่สุภาพกว่าสำหรับคนไทย และถูกหยิบมาใช้แทนเพื่อเป็นการเลี่ยงคำว่า "ดำ" ครับ ...
ต่อมาเมื่อราวปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20 คำว่า " Person of Color " ถูกนำมาใช้เรียก "ผู้ที่ไม่ใช่คนผิวขาว" (Non-white) ทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา หมายความว่า "ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา" (African-American), ชาวเอเชีย, ชนพื้นเมือง ฯลฯ ล้วนเป็น "คนผิวสี" อย่างไรก็ตามเมื่อช่วงคริสต์ทศวรรษ 1960 หลังการเกิดขึ้นของ Black power movement และขบวนการอื่นๆของคนดำอันต่อเนื่องมาจากขบวนการเคลื่อนไหวสิทธิพลเมือง(Civil Rights Movemen)เมื่อทศวรรษก่อนหน้า มีการสนับสนุนให้หันมาเรียกชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาว่า " Black " หรือ "คนดำ" แทน ตามมาด้วยการเสนอคำว่า " African-American " มาใช้เพื่อเบี่ยงความสนใจของผู้คนออกจากเรื่องสีผิว
ในปัจจุบัน " Coloured " สำหรับประเทศแอฟริกาใต้เป็นคำเรียกทั่วไปของ "คนที่มีหลายเชื้อชาติ" (Multiracial people) แต่ " Colored / Coloured " และ " Person/People of Color " สำหรับคนผิวดำถือว่าล้าสมัยและเป็นคำเหยียดเชื้อชาติ(Racial Slur) เนื่องจากคำเหล่านี้ใช้เรียกคนทุกสีผิวยกเว้นคนขาว ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นคนผิวสีใดสีหนึ่ง ดังที่อธิบายไว้ข้างต้น เพราะฉะนั้นการถูกเรียกว่า "คนผิวสี" ในสังคมอเมริกาจึงถูกพิจารณาว่าเป็นการดูแคลนเพราะกำลังมองข้ามอัตลักษณ์ทางเชื้อชาติที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นชาวแอฟริกาผิวดำ, ชนพื้นเมือง, ชาวเอเชียตะวันออก, ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้, ชาวเอเชียใต้, ชาวตะวันออกกลาง ฯลฯ โดยมีมุมมองของคนขาวหรือคนเชื้อสายยุโรปเป็นศูนย์กลาง
ส่วนในบริบทของสังคมไทย เหตุผลที่คำว่า "คนดำ" มักมีความหมายในแง่ลบ เพราะผิวขาวคือมาตรฐานความงาม(Beauty standard)ของคนไทย อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็น "ชนชั้นนำ" (Elite) ผู้ซึ่งถูกมองว่าเป็นปัญญาชน(Intellectual)และมีความเหนือกว่าทางศีลธรรม(Moral superiority) แตกต่างจาก ผิวคล้ำที่กว่า หรือ ผิวดำ ที่ตรงข้ามกับความงาม และเป็นสัญลักษณ์ของ "ชนชั้นกรรมาชีพ" (Proletariat) ผู้ซึ่งมักถูกมองว่าไม่มีความเป็นปัญญาชน และมีอากัปกิริยาหรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตามนิยามของรัฐ, บรรทัดฐานทางสังคม, หรือหลักคำสอนทางศาสนา ตลอดจนสัญลักษณ์ของความเป็นคนเถื่อนล้าหลัง ประกอบกับการบริโภควรรณกรรมหรือเรื่องเล่าที่ปลูกฝังแนวคิดแบบ " Black-and-white dualism " ธรรมะ คือ สีขาว อธรรม คือ สีดำ อันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับสังคมอื่นๆทั่วโลกที่ประกอบด้วยคนผิวขาวกว่าและคนผิวเข้มกว่า ดังนั้นคำว่า "ดำ" ในสังคมไทยจึงมักถูกใช้อย่างมีนัยของการดูแคลนเมื่อกล่าวถึงเรื่องสีผิว เช่น การตั้งชื่อเล่นให้ผู้อื่นโดยเชื่อมโยงกับการมีผิวดำ เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้คำว่า "ผิวสี" ฟังดูเป็นคำที่สุภาพกว่าสำหรับคนไทย และถูกหยิบมาใช้แทนเพื่อเป็นการเลี่ยงคำว่า "ดำ" ครับ ...
แสดงความคิดเห็น
ทำไมคำว่า colored people ถึงเป็นคำเหยียด แต่ Black people สุภาพ ในขณะที่ในไทย คนผิวสี เป็นคำสุภาพ คนดำ เป็นคำเหยียดครับ