1. คนเกาหลีศัลยกรรมกันทุกคน
ถ้าถามคนไทย 10 คนว่า "คิดว่าคนเกาหลีทำศัลยกรรมเยอะไหม?" เชื่อเลยว่าอย่างน้อย 7 คนต้องพยักหน้าแรง ๆ เพราะภาพจำจากรายการวาไรตี้ รายการศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต หรือคลินิกศัลยกรรมที่มีเต็มย่านกังนัมทำให้เราคิดแบบนั้น แต่ความจริงตามสถิติของ Korean Society of Aesthetic Plastic Surgery ระบุว่า “ผู้ที่เคยทำการศัลยกรรมจริง ๆ (เช่น ตา จมูก โครงหน้า)” มีประมาณ 20–25% ของประชากร เท่านั้น และในกลุ่มนั้นผู้หญิงอายุ 20–30 ปีทำมากที่สุด ส่วนคนที่เราเห็นหน้าเป๊ะ ๆ อีกหลายคน จริง ๆ แล้วไม่ได้ผ่าตัด แต่เลือกทำ “หัตถการ” อย่างโบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, เมโส, HIFU หรือเลเซอร์ ซึ่งในทางการแพทย์ไม่ได้จัดว่าเป็น "ศัลยกรรม"
ดังนั้น การคิดว่าคนเกาหลีทุกคนทำศัลยกรรม จึงไม่ยุติธรรมและไม่จริงทั้งหมด
2.คนเกาหลีชอบเหยียดเชื้อชาติ
มีคำพูดที่ได้ยินบ่อย ๆ ว่า “คนเกาหลีเหยียดคนไทย" บางคนเคยเห็นคอมเมนต์ที่ไม่ดี หรือคลิปในโซเชียลมีเดียที่พูดถึงคนไทยในแง่ลบ จึงรู้สึกว่าคนเกาหลี "เหยียด" จริง
2.1 สังคมเกาหลีเป็นสังคมชาติพันธุ์เดียว (Mono-ethnic society)
เกาหลีใต้เพิ่งเปิดประเทศจริง ๆ ในช่วงไม่เกิน 30 ปีที่ผ่านมา และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชากร 95–98% เป็นชาวเกาหลีโดยกำเนิด ทำให้คนจำนวนไม่น้อย “ไม่คุ้นเคย” กับความหลากหลายของเชื้อชาติ หรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างชาติ
2.2 ความเข้าใจผิด + ภาพจำจากสื่อ
- คนไทยบางส่วนทำงานแบบผิดกฎหมายในเกาหลี ก็ทำให้เกิด “ภาพจำ” แบบเหมารวม แม้ว่าในความจริงจะมีแรงงานคุณภาพจำนวนมากจากไทย
- มีซีรีส์หรือรายการเก่าบางรายการที่เคยพูดถึงชาติ SEA ในเชิงตลกหรือต่ำต้อย ซึ่งตอนนี้ถูกวิจารณ์และไม่สามารถออกอากาศซ้ำได้แล้ว
- คนเกาหลีบางส่วน (โดยเฉพาะคนรุ่นเก่า) มองว่า SEA คือ “ประเทศกำลังพัฒนา” เพราะเคยได้ยินข่าวแรงงานต่างชาติในเกาหลี (ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม) มาทำงานก่อสร้าง เกษตร หรือแรงงาน 3D (Dirty, Dangerous, Difficult)
2.3 คนรุ่นใหม่เกาหลีเริ่มเปลี่ยนความคิดแล้ว
คนรุ่นใหม่ในเกาหลี (อายุต่ำกว่า 35 ปี) ส่วนใหญ่เปิดกว้างมาก มีเพื่อนต่างชาติ ใช้โซเชียล ดูคลิปจากไทย รู้จัก SEA มากขึ้น นักท่องเที่ยวไทยเป็นกลุ่มที่คนเกาหลียอมรับสูงมากในช่วงหลัง โดยเฉพาะจากความนิยมของซีรีส์เกาหลี และการมีมารยาทดี พูดเกาหลีได้บ้าง ยิ้มแย้ม ร้านค้าในเกาหลีจำนวนมากมีพนักงานไทยหรือเมนูภาษาไทย ไม่ได้ปฏิเสธลูกค้าคนไทย และในหลายพื้นที่เช่น มยองดง หรือฮงแด คนไทยกลายเป็น “ลูกค้าประจำ” ที่เจ้าของร้านรักมาก
2.4 เหยียด = กลุ่มน้อย ไม่ใช่คนเกาหลีทุกคน
คนที่แสดงพฤติกรรมเหยียด เช่น พูดจาดูถูก ตอบโต้หยาบคาย หรือแบ่งแยกจริง ๆ นั้นมีอยู่ แต่เป็น “ส่วนน้อย” และส่วนใหญ่มักเป็นพวกหัวเก่า ไม่มีการศึกษา คนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่ได้มีเจตนาเหยียด เพียงแต่ “ไม่เข้าใจ” หรือ “กลัวพูดผิด” จึงอาจเลือกไม่พูด หรือทำตัวเฉย ๆ
3.คนเกาหลีหยาบคาย ชอบขึ้นเสียง
หลายคนที่เคยดูคลิปใน TikTok หรือซีรีส์เกาหลีอาจรู้สึกว่าคนเกาหลีพูดเสียงดัง พูดห้วน หรือดูเหมือนไม่ค่อยให้เกียรติคนอื่น เลยเข้าใจว่าคนเกาหลี "นิสัยหยาบคาย" หรือ "โมโหง่าย"
แต่ความจริงแล้ว นั่นเป็นเรื่องของ “ลักษณะภาษา” และ “วัฒนธรรมการสื่อสาร” ของเกาหลีมากกว่า
ภาษาเกาหลีมีลักษณะเสียงหนัก–เบา ชัดเจน และมีคำลงท้ายที่หลากหลาย การพูดห้วน (반말) อาจดูหยาบในหูคนต่างชาติ แต่จริง ๆ แค่เป็นภาษาพูดแบบกันเอง คนเกาหลีใช้ “ระดับภาษา” เพื่อแสดงความสนิทหรือความเคารพ เช่น ระดับสุภาพ (존댓말) จะใช้กับผู้ใหญ่หรือคนแปลกหน้าเสมอ นอกจากนี้ คนเกาหลีมักแสดงอารมณ์ทางน้ำเสียงมากกว่าชาวตะวันตก เช่น ใช้น้ำเสียงจริงจังในที่ทำงาน หรือเสียงสูงขึ้นเวลาตกใจ ไม่ได้หมายถึงกำลังโกรธ ดังนั้น ถ้าเข้าใจบริบทและวัฒนธรรมแล้วจะพบว่าคนเกาหลีส่วนใหญ่ให้เกียรติและสุภาพมาก โดยเฉพาะกับแขกต่างชาติ
4.คนเกาหลีพูดอังกฤษไม่ได้เลย
คนไทยมักคิดว่า คนเกาหลีพูดอังกฤษไม่ได้ ฟังไม่ออก ตอบไม่ได้ และบางคนเคยเจอประสบการณ์ถามทางแล้วเขาเดินหนี ทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ช่วยเหลือ
แต่ความจริงแล้ว คนเกาหลีส่วนใหญ่เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ประถมจนถึงมหาวิทยาลัย แต่ที่พูดไม่คล่องเพราะ...
- เกาหลีเป็นประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเลย ต่างจากยุโรป ทำให้ไม่มีโอกาสฝึกใช้
- ระบบการศึกษาเกาหลีเน้น "การสอบ" มากกว่าการสื่อสารจริง ทำให้คนเกาหลีจำนวนมากเข้าใจแกรมมาร์ดี แต่ขาดความมั่นใจในการพูด
- คนเกาหลีบางคนกลัว "พูดผิดแล้วอาย" โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติ เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในโซลหรือเมืองใหญ่ สามารถพูดอังกฤษได้มากขึ้น และมักเต็มใจช่วยเหลือหากถูกถามอย่างสุภาพ
5.คนเกาหลีหยิ่ง
คนไทยบางคนที่เคยเจอพนักงานห้างไม่ยิ้ม หรือพนักงานร้านอาหารไม่สนใจ อาจรู้สึกว่า “คนเกาหลีหยิ่ง ไม่เฟรนด์ลี่” หรือ “ไม่ต้อนรับคนต่างชาติ”
แต่ในมุมของวัฒนธรรมเกาหลี นั่นอาจไม่ใช่ความหยิ่ง แต่เป็น "ลักษณะนิสัยของสังคมเมือง" และ "วิธีแสดงออกที่ต่างกัน"
- คนเกาหลีในเมืองใหญ่มักไม่สบตา ไม่พูดมาก เพราะใช้ชีวิตเร่งรีบ และให้ความสำคัญกับ “พื้นที่ส่วนตัว” มากกว่าวัฒนธรรมเอเชียอื่น
- การไม่ทัก ไม่ยิ้ม ไม่เข้าไปคุยก่อน ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ชอบเรา แต่เป็นการรักษามารยาทแบบ “ไม่ก้าวก่าย”
- ในขณะเดียวกัน คนเกาหลีในชนบทหรือเมืองรองมักจะเป็นมิตรมาก ยิ้มง่าย และต้อนรับอย่างอบอุ่น
6.เกาหลีไม่มีที่น่าเที่ยว เหมือนจีนหรือญี่ปุ่น
หลายคนคิดว่าเที่ยวเกาหลีก็มีแค่โซล เชจู ปูซาน ไปแล้วก็หมด แถมยังไม่มีแลนด์มาร์กใหญ่โตแบบจีน หรือวัฒนธรรมลึกซึ้งเหมือนญี่ปุ่น
แต่จริง ๆ แล้ว เกาหลีคือประเทศที่ถ้า “ยอมออกนอกเส้นทาง” คุณจะได้พบกับสถานที่เที่ยวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความสงบ และวิถีชีวิตท้องถิ่นที่แทบไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จัก
ตัวอย่างเมืองและจุดหมายที่ “คนเกาหลีรู้ คนไทยไม่ค่อยไป” แต่ดีมาก เช่น
- โกชาง (Gochang) เมืองชนบททางตะวันตกที่เป็นแหล่ง “โบราณสถานหินเรียงโกชางดอซอง” (UNESCO) และสวนดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิชื่อดัง รวมถึง “ป้อมปราการโกชาง” ที่ใช้ดินล้วน ๆ ก่อสร้างอายุกว่าพันปี
- ทงยอง (Tongyeong) เมืองท่าติดทะเลทางใต้ที่ได้ฉายาว่า “นาโปลีแห่งเกาหลี” มีทั้งเคเบิลคาร์ ทะเลสวย เกาะน้อยใหญ่ และชุมชนศิลปะอย่าง “หมู่บ้านดงพยอง”
- นาโจ (Naju) เมืองที่ยังรักษาบ้านฮันอกแบบดั้งเดิมเอาไว้อย่างดี มีแม่น้ำสายเล็กไหลผ่านกลางเมือง เดินชมบ้านไม้ เกาะสะพาน ชิมแพร์หวานฉ่ำชื่อดัง
- คังจิน (Gangjin) เมืองศูนย์กลางเครื่องปั้นเซรามิกเซลลาโดนยุคราชวงศ์โครยอ มีทั้งพิพิธภัณฑ์เซรามิก โฮมสเตย์ชุมชน และวิวดินแดนชนบทสบายตา
- อึลจิน (Uljin) เมืองชายฝั่งที่เงียบสงบ เป็นที่ตั้งของเส้นทางเดินป่า “Uljin Forest Trail” และวิวทะเลตะวันออกที่สะอาด บริสุทธิ์
- ยองด็อก (Yeongdeok) บ้านเกิดของ “เทศกาลปูหิมะ” และมีถนนเลียบทะเลที่เงียบสงบโรแมนติกมาก
- ยอซู (Yeosu) เมืองท่าเล็กที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวทะเล คาเฟ่ริมผา และสะพานข้ามทะเลยามค่ำคืน ได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งแสงไฟทะเล”
- อึนซอง (Eumseong) เมืองเล็กที่ซ่อนสวนดอกไม้ลับกลางหุบเขา เปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงที่ดอกไม้บานเท่านั้น คนเกาหลีจองกันล่วงหน้าเป็นเดือน
แถมยังมีเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวพิเศษ เช่น
- A-Train วิ่งจากชุนชอนสู่ชายแดนเหนือ ผ่านหมู่บ้านศิลปะ และหุบเขา
- Sea Train วิ่งเลียบทะเลตะวันออก เหมาะกับคู่รักหรือสายถ่ายรูป
ทั้งหมดนี้แค่ส่วนหนึ่ง “เกาหลีอีกด้าน” ที่ไม่ค่อยมีในทัวร์ แต่ถ้าได้ไปสักครั้ง คุณจะเห็นเลยว่าเกาหลีใต้มีดีแค่ไหน และบอกเลยว่าเกาหลีใต้นั้น “น่าเที่ยวมาก” ถ้าคุณกล้าออกจากเส้นทางเดิม ๆ
7.อาหารเกาหลีไม่หลากหลาย
หลายคนอาจรู้จักแค่อาหารอย่างต๊อกบกกี ซุปกิมจิ หรือหมูย่างเกาหลี เลยเข้าใจว่าอาหารเกาหลีมีแต่ของเผ็ด ของย่าง รสชาติคล้ายกันหมด
แต่จริง ๆ แล้ว “อาหารเกาหลีดั้งเดิม” (한식 – ฮันชิก) มีหลากหลายชนิดมาก ทั้งของคาว ของหวาน ซุป ต้ม แกง ตำรับพื้นบ้าน และตำรับราชสำนัก
เกาหลีมีอาหารที่เน้นความบาลานซ์ระหว่าง “ห้าองค์ประกอบ” ได้แก่ สี รส สัมผัส อุณหภูมิ และสุขภาพ เช่น
- นัลลูบยอ (ปลาดิบเกาหลีแบบหมัก)
- กุกบับ (ข้าวกับน้ำซุปจากกระดูกหมู)
- อันจู (อาหารกินแกล้มกับโซจูหรือมักกอลลี)
- ทงทัง (ข้าวต้มที่ขึ้นชื่อว่าหอมและดีต่อกระเพาะ)
ถ้าลองเข้า “ร้านโลคอล” หรือตลาดเกาหลีจริง ๆ จะพบเมนูแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนในซีรีส์เลย
8.ทุกคนชอบโอปป้า K-drama
ข้อนี้มาแนวขำ ๆ แต่จริงจัง! หลายคนเข้าใจว่า คนเกาหลีทุกคนชอบดูซีรีส์หวาน ๆ ที่มีโอปป้าอบอุ่น พระเอกตามง้อคนรักกลางสายฝน หรือรักสามเส้าในโรงพยาบาล
แต่สำหรับคนเกาหลีจำนวนมาก (โดยเฉพาะผู้ชาย) เขามองว่า K-drama แนวโรแมนติกเป็น "คอนเทนต์ของผู้หญิง" หรือเป็นเรื่องแต่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
บางคนดูซีรีส์แค่แนวสืบสวน เช่น “Signal”, “Stranger” หรือถ้าเป็นรุ่นป้า ๆ ลุง ๆ จะดูละครประวัติศาสตร์หรือรายการอาหาร รายการข่าวมากกว่า
9.ทุกคนเป็นติ่ง K-pop
หลายคนเชื่อว่า เกิดเป็นคนเกาหลีต้องร้อง-เต้น BTS ได้ทุกคน แต่ในความเป็นจริง K-pop เป็นเพียงหนึ่งในวัฒนธรรมป๊อปที่ได้รับความนิยม “ในต่างประเทศ” เป็นหลัก
ในเกาหลีเอง กลุ่มแฟนคลับ K-pop เข้มข้นมากจริง แต่ก็เป็นเพียง “บางกลุ่ม” เท่านั้น โดยเฉพาะวัยรุ่นหรือแฟนเพลงเฉพาะค่าย ในขณะที่คนทำงานและผู้ใหญ่จำนวนมากไม่ได้ตามเลย หรือรู้จักแค่ชื่อศิลปินดัง ๆ เช่น IU, BTS, BLACKPINK
บางคนยังบอกด้วยว่า “K-pop คือของเด็ก” หรือ “ดูไกลตัว” และนิยมฟังเพลงโฟล์ก เพลงอินดี้ หรือเพลงทร็อตแทน
10.เกาหลีมีแต่ K-pop กับซีรีส์ ไม่มีอุตสาหกรรมอื่นเด่นเลย?
หลายคนรู้จักเกาหลีใต้ผ่าน BTS, Blackpink หรือซีรีส์อย่าง “Crash Landing on You” ก็เลยเข้าใจว่าเกาหลีโตเพราะ K-pop กับ K-drama เป็นหลัก
แต่ในความเป็นจริง เกาหลีใต้คือประเทศที่มีเศรษฐกิจ Top 15 ของโลก และมีอุตสาหกรรม “ที่แข็งแกร่งระดับโลก” อีกหลายด้าน เช่น
- เทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์: Samsung, LG, SK Hynix เป็นผู้ผลิตชิปและอุปกรณ์ไอทีที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีบทบาทในการผลิตจอ OLED, memory chip และสมาร์ตโฟน
- ยานยนต์: Hyundai และ Kia เป็นแบรนด์ที่ส่งออกไปทั่วโลก และยังพัฒนาเทคโนโลยี EV, hydrogen fuel และรถไร้คนขับอย่างต่อเนื่อง
- ความงาม (K-beauty): อุตสาหกรรมเครื่องสำอางเกาหลีส่งออกทั่วเอเชียและยุโรป มูลค่าการส่งออกแตะหลักหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี
- อาวุธและเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ: ปัจจุบันเกาหลีใต้ติด 1 ใน 10 ประเทศที่ส่งออกอาวุธมากที่สุดในโลก เช่น รถถัง K2, ปืนใหญ่อัตตาจร K9 ที่ประเทศโปแลนด์และกลุ่มนาโต้สั่งซื้อ
- การแพทย์และวิจัยชีวภาพ: มีบริษัทอย่าง Celltrion, Samsung Biologics ที่ผลิตยาชีววัตถุและวัคซีน
เกาหลียังเป็นเจ้าภาพจัดงานวิจัย AI และเทคโนโลยีเขียว เช่น พลังงานสะอาด และระบบ Smart City อีกด้วย
เรียกได้ว่าเกาหลีใต้ไม่ได้มีแค่ K-pop แต่คือ “ประเทศเทคโนโลยีชั้นนำ” ที่บูรณาการวัฒนธรรมกับอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้
เกาหลี"ไม่ใช่"ประเทศแห่งการศัลยกรรมและ"ไม่"ชอบเหยียด 20 สิ่งที่คนไทยเข้าใจผิดเกี่ยวกับเกาหลีใต้!!!
ถ้าถามคนไทย 10 คนว่า "คิดว่าคนเกาหลีทำศัลยกรรมเยอะไหม?" เชื่อเลยว่าอย่างน้อย 7 คนต้องพยักหน้าแรง ๆ เพราะภาพจำจากรายการวาไรตี้ รายการศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต หรือคลินิกศัลยกรรมที่มีเต็มย่านกังนัมทำให้เราคิดแบบนั้น แต่ความจริงตามสถิติของ Korean Society of Aesthetic Plastic Surgery ระบุว่า “ผู้ที่เคยทำการศัลยกรรมจริง ๆ (เช่น ตา จมูก โครงหน้า)” มีประมาณ 20–25% ของประชากร เท่านั้น และในกลุ่มนั้นผู้หญิงอายุ 20–30 ปีทำมากที่สุด ส่วนคนที่เราเห็นหน้าเป๊ะ ๆ อีกหลายคน จริง ๆ แล้วไม่ได้ผ่าตัด แต่เลือกทำ “หัตถการ” อย่างโบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, เมโส, HIFU หรือเลเซอร์ ซึ่งในทางการแพทย์ไม่ได้จัดว่าเป็น "ศัลยกรรม"
ดังนั้น การคิดว่าคนเกาหลีทุกคนทำศัลยกรรม จึงไม่ยุติธรรมและไม่จริงทั้งหมด
2.คนเกาหลีชอบเหยียดเชื้อชาติ
มีคำพูดที่ได้ยินบ่อย ๆ ว่า “คนเกาหลีเหยียดคนไทย" บางคนเคยเห็นคอมเมนต์ที่ไม่ดี หรือคลิปในโซเชียลมีเดียที่พูดถึงคนไทยในแง่ลบ จึงรู้สึกว่าคนเกาหลี "เหยียด" จริง
2.1 สังคมเกาหลีเป็นสังคมชาติพันธุ์เดียว (Mono-ethnic society)
เกาหลีใต้เพิ่งเปิดประเทศจริง ๆ ในช่วงไม่เกิน 30 ปีที่ผ่านมา และยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ประชากร 95–98% เป็นชาวเกาหลีโดยกำเนิด ทำให้คนจำนวนไม่น้อย “ไม่คุ้นเคย” กับความหลากหลายของเชื้อชาติ หรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับวัฒนธรรมต่างชาติ
2.2 ความเข้าใจผิด + ภาพจำจากสื่อ
- คนไทยบางส่วนทำงานแบบผิดกฎหมายในเกาหลี ก็ทำให้เกิด “ภาพจำ” แบบเหมารวม แม้ว่าในความจริงจะมีแรงงานคุณภาพจำนวนมากจากไทย
- มีซีรีส์หรือรายการเก่าบางรายการที่เคยพูดถึงชาติ SEA ในเชิงตลกหรือต่ำต้อย ซึ่งตอนนี้ถูกวิจารณ์และไม่สามารถออกอากาศซ้ำได้แล้ว
- คนเกาหลีบางส่วน (โดยเฉพาะคนรุ่นเก่า) มองว่า SEA คือ “ประเทศกำลังพัฒนา” เพราะเคยได้ยินข่าวแรงงานต่างชาติในเกาหลี (ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม) มาทำงานก่อสร้าง เกษตร หรือแรงงาน 3D (Dirty, Dangerous, Difficult)
2.3 คนรุ่นใหม่เกาหลีเริ่มเปลี่ยนความคิดแล้ว
คนรุ่นใหม่ในเกาหลี (อายุต่ำกว่า 35 ปี) ส่วนใหญ่เปิดกว้างมาก มีเพื่อนต่างชาติ ใช้โซเชียล ดูคลิปจากไทย รู้จัก SEA มากขึ้น นักท่องเที่ยวไทยเป็นกลุ่มที่คนเกาหลียอมรับสูงมากในช่วงหลัง โดยเฉพาะจากความนิยมของซีรีส์เกาหลี และการมีมารยาทดี พูดเกาหลีได้บ้าง ยิ้มแย้ม ร้านค้าในเกาหลีจำนวนมากมีพนักงานไทยหรือเมนูภาษาไทย ไม่ได้ปฏิเสธลูกค้าคนไทย และในหลายพื้นที่เช่น มยองดง หรือฮงแด คนไทยกลายเป็น “ลูกค้าประจำ” ที่เจ้าของร้านรักมาก
2.4 เหยียด = กลุ่มน้อย ไม่ใช่คนเกาหลีทุกคน
คนที่แสดงพฤติกรรมเหยียด เช่น พูดจาดูถูก ตอบโต้หยาบคาย หรือแบ่งแยกจริง ๆ นั้นมีอยู่ แต่เป็น “ส่วนน้อย” และส่วนใหญ่มักเป็นพวกหัวเก่า ไม่มีการศึกษา คนเกาหลีส่วนใหญ่ไม่ได้มีเจตนาเหยียด เพียงแต่ “ไม่เข้าใจ” หรือ “กลัวพูดผิด” จึงอาจเลือกไม่พูด หรือทำตัวเฉย ๆ
3.คนเกาหลีหยาบคาย ชอบขึ้นเสียง
หลายคนที่เคยดูคลิปใน TikTok หรือซีรีส์เกาหลีอาจรู้สึกว่าคนเกาหลีพูดเสียงดัง พูดห้วน หรือดูเหมือนไม่ค่อยให้เกียรติคนอื่น เลยเข้าใจว่าคนเกาหลี "นิสัยหยาบคาย" หรือ "โมโหง่าย"
แต่ความจริงแล้ว นั่นเป็นเรื่องของ “ลักษณะภาษา” และ “วัฒนธรรมการสื่อสาร” ของเกาหลีมากกว่า
ภาษาเกาหลีมีลักษณะเสียงหนัก–เบา ชัดเจน และมีคำลงท้ายที่หลากหลาย การพูดห้วน (반말) อาจดูหยาบในหูคนต่างชาติ แต่จริง ๆ แค่เป็นภาษาพูดแบบกันเอง คนเกาหลีใช้ “ระดับภาษา” เพื่อแสดงความสนิทหรือความเคารพ เช่น ระดับสุภาพ (존댓말) จะใช้กับผู้ใหญ่หรือคนแปลกหน้าเสมอ นอกจากนี้ คนเกาหลีมักแสดงอารมณ์ทางน้ำเสียงมากกว่าชาวตะวันตก เช่น ใช้น้ำเสียงจริงจังในที่ทำงาน หรือเสียงสูงขึ้นเวลาตกใจ ไม่ได้หมายถึงกำลังโกรธ ดังนั้น ถ้าเข้าใจบริบทและวัฒนธรรมแล้วจะพบว่าคนเกาหลีส่วนใหญ่ให้เกียรติและสุภาพมาก โดยเฉพาะกับแขกต่างชาติ
4.คนเกาหลีพูดอังกฤษไม่ได้เลย
คนไทยมักคิดว่า คนเกาหลีพูดอังกฤษไม่ได้ ฟังไม่ออก ตอบไม่ได้ และบางคนเคยเจอประสบการณ์ถามทางแล้วเขาเดินหนี ทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ช่วยเหลือ
แต่ความจริงแล้ว คนเกาหลีส่วนใหญ่เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ประถมจนถึงมหาวิทยาลัย แต่ที่พูดไม่คล่องเพราะ...
- เกาหลีเป็นประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเลย ต่างจากยุโรป ทำให้ไม่มีโอกาสฝึกใช้
- ระบบการศึกษาเกาหลีเน้น "การสอบ" มากกว่าการสื่อสารจริง ทำให้คนเกาหลีจำนวนมากเข้าใจแกรมมาร์ดี แต่ขาดความมั่นใจในการพูด
- คนเกาหลีบางคนกลัว "พูดผิดแล้วอาย" โดยเฉพาะกับชาวต่างชาติ เพราะกลัวเสียภาพลักษณ์ของประเทศ
อย่างไรก็ตาม คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในโซลหรือเมืองใหญ่ สามารถพูดอังกฤษได้มากขึ้น และมักเต็มใจช่วยเหลือหากถูกถามอย่างสุภาพ
5.คนเกาหลีหยิ่ง
คนไทยบางคนที่เคยเจอพนักงานห้างไม่ยิ้ม หรือพนักงานร้านอาหารไม่สนใจ อาจรู้สึกว่า “คนเกาหลีหยิ่ง ไม่เฟรนด์ลี่” หรือ “ไม่ต้อนรับคนต่างชาติ”
แต่ในมุมของวัฒนธรรมเกาหลี นั่นอาจไม่ใช่ความหยิ่ง แต่เป็น "ลักษณะนิสัยของสังคมเมือง" และ "วิธีแสดงออกที่ต่างกัน"
- คนเกาหลีในเมืองใหญ่มักไม่สบตา ไม่พูดมาก เพราะใช้ชีวิตเร่งรีบ และให้ความสำคัญกับ “พื้นที่ส่วนตัว” มากกว่าวัฒนธรรมเอเชียอื่น
- การไม่ทัก ไม่ยิ้ม ไม่เข้าไปคุยก่อน ไม่ได้แปลว่าเขาไม่ชอบเรา แต่เป็นการรักษามารยาทแบบ “ไม่ก้าวก่าย”
- ในขณะเดียวกัน คนเกาหลีในชนบทหรือเมืองรองมักจะเป็นมิตรมาก ยิ้มง่าย และต้อนรับอย่างอบอุ่น
6.เกาหลีไม่มีที่น่าเที่ยว เหมือนจีนหรือญี่ปุ่น
หลายคนคิดว่าเที่ยวเกาหลีก็มีแค่โซล เชจู ปูซาน ไปแล้วก็หมด แถมยังไม่มีแลนด์มาร์กใหญ่โตแบบจีน หรือวัฒนธรรมลึกซึ้งเหมือนญี่ปุ่น
แต่จริง ๆ แล้ว เกาหลีคือประเทศที่ถ้า “ยอมออกนอกเส้นทาง” คุณจะได้พบกับสถานที่เที่ยวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ ความสงบ และวิถีชีวิตท้องถิ่นที่แทบไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จัก
ตัวอย่างเมืองและจุดหมายที่ “คนเกาหลีรู้ คนไทยไม่ค่อยไป” แต่ดีมาก เช่น
- โกชาง (Gochang) เมืองชนบททางตะวันตกที่เป็นแหล่ง “โบราณสถานหินเรียงโกชางดอซอง” (UNESCO) และสวนดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิชื่อดัง รวมถึง “ป้อมปราการโกชาง” ที่ใช้ดินล้วน ๆ ก่อสร้างอายุกว่าพันปี
- ทงยอง (Tongyeong) เมืองท่าติดทะเลทางใต้ที่ได้ฉายาว่า “นาโปลีแห่งเกาหลี” มีทั้งเคเบิลคาร์ ทะเลสวย เกาะน้อยใหญ่ และชุมชนศิลปะอย่าง “หมู่บ้านดงพยอง”
- นาโจ (Naju) เมืองที่ยังรักษาบ้านฮันอกแบบดั้งเดิมเอาไว้อย่างดี มีแม่น้ำสายเล็กไหลผ่านกลางเมือง เดินชมบ้านไม้ เกาะสะพาน ชิมแพร์หวานฉ่ำชื่อดัง
- คังจิน (Gangjin) เมืองศูนย์กลางเครื่องปั้นเซรามิกเซลลาโดนยุคราชวงศ์โครยอ มีทั้งพิพิธภัณฑ์เซรามิก โฮมสเตย์ชุมชน และวิวดินแดนชนบทสบายตา
- อึลจิน (Uljin) เมืองชายฝั่งที่เงียบสงบ เป็นที่ตั้งของเส้นทางเดินป่า “Uljin Forest Trail” และวิวทะเลตะวันออกที่สะอาด บริสุทธิ์
- ยองด็อก (Yeongdeok) บ้านเกิดของ “เทศกาลปูหิมะ” และมีถนนเลียบทะเลที่เงียบสงบโรแมนติกมาก
- ยอซู (Yeosu) เมืองท่าเล็กที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวทะเล คาเฟ่ริมผา และสะพานข้ามทะเลยามค่ำคืน ได้รับฉายาว่า “เมืองแห่งแสงไฟทะเล”
- อึนซอง (Eumseong) เมืองเล็กที่ซ่อนสวนดอกไม้ลับกลางหุบเขา เปิดให้เข้าชมเฉพาะช่วงที่ดอกไม้บานเท่านั้น คนเกาหลีจองกันล่วงหน้าเป็นเดือน
แถมยังมีเส้นทางรถไฟท่องเที่ยวพิเศษ เช่น
- A-Train วิ่งจากชุนชอนสู่ชายแดนเหนือ ผ่านหมู่บ้านศิลปะ และหุบเขา
- Sea Train วิ่งเลียบทะเลตะวันออก เหมาะกับคู่รักหรือสายถ่ายรูป
ทั้งหมดนี้แค่ส่วนหนึ่ง “เกาหลีอีกด้าน” ที่ไม่ค่อยมีในทัวร์ แต่ถ้าได้ไปสักครั้ง คุณจะเห็นเลยว่าเกาหลีใต้มีดีแค่ไหน และบอกเลยว่าเกาหลีใต้นั้น “น่าเที่ยวมาก” ถ้าคุณกล้าออกจากเส้นทางเดิม ๆ
7.อาหารเกาหลีไม่หลากหลาย
หลายคนอาจรู้จักแค่อาหารอย่างต๊อกบกกี ซุปกิมจิ หรือหมูย่างเกาหลี เลยเข้าใจว่าอาหารเกาหลีมีแต่ของเผ็ด ของย่าง รสชาติคล้ายกันหมด
แต่จริง ๆ แล้ว “อาหารเกาหลีดั้งเดิม” (한식 – ฮันชิก) มีหลากหลายชนิดมาก ทั้งของคาว ของหวาน ซุป ต้ม แกง ตำรับพื้นบ้าน และตำรับราชสำนัก
เกาหลีมีอาหารที่เน้นความบาลานซ์ระหว่าง “ห้าองค์ประกอบ” ได้แก่ สี รส สัมผัส อุณหภูมิ และสุขภาพ เช่น
- นัลลูบยอ (ปลาดิบเกาหลีแบบหมัก)
- กุกบับ (ข้าวกับน้ำซุปจากกระดูกหมู)
- อันจู (อาหารกินแกล้มกับโซจูหรือมักกอลลี)
- ทงทัง (ข้าวต้มที่ขึ้นชื่อว่าหอมและดีต่อกระเพาะ)
ถ้าลองเข้า “ร้านโลคอล” หรือตลาดเกาหลีจริง ๆ จะพบเมนูแปลกใหม่ที่ไม่เหมือนในซีรีส์เลย
8.ทุกคนชอบโอปป้า K-drama
ข้อนี้มาแนวขำ ๆ แต่จริงจัง! หลายคนเข้าใจว่า คนเกาหลีทุกคนชอบดูซีรีส์หวาน ๆ ที่มีโอปป้าอบอุ่น พระเอกตามง้อคนรักกลางสายฝน หรือรักสามเส้าในโรงพยาบาล
แต่สำหรับคนเกาหลีจำนวนมาก (โดยเฉพาะผู้ชาย) เขามองว่า K-drama แนวโรแมนติกเป็น "คอนเทนต์ของผู้หญิง" หรือเป็นเรื่องแต่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
บางคนดูซีรีส์แค่แนวสืบสวน เช่น “Signal”, “Stranger” หรือถ้าเป็นรุ่นป้า ๆ ลุง ๆ จะดูละครประวัติศาสตร์หรือรายการอาหาร รายการข่าวมากกว่า
9.ทุกคนเป็นติ่ง K-pop
หลายคนเชื่อว่า เกิดเป็นคนเกาหลีต้องร้อง-เต้น BTS ได้ทุกคน แต่ในความเป็นจริง K-pop เป็นเพียงหนึ่งในวัฒนธรรมป๊อปที่ได้รับความนิยม “ในต่างประเทศ” เป็นหลัก
ในเกาหลีเอง กลุ่มแฟนคลับ K-pop เข้มข้นมากจริง แต่ก็เป็นเพียง “บางกลุ่ม” เท่านั้น โดยเฉพาะวัยรุ่นหรือแฟนเพลงเฉพาะค่าย ในขณะที่คนทำงานและผู้ใหญ่จำนวนมากไม่ได้ตามเลย หรือรู้จักแค่ชื่อศิลปินดัง ๆ เช่น IU, BTS, BLACKPINK
บางคนยังบอกด้วยว่า “K-pop คือของเด็ก” หรือ “ดูไกลตัว” และนิยมฟังเพลงโฟล์ก เพลงอินดี้ หรือเพลงทร็อตแทน
10.เกาหลีมีแต่ K-pop กับซีรีส์ ไม่มีอุตสาหกรรมอื่นเด่นเลย?
หลายคนรู้จักเกาหลีใต้ผ่าน BTS, Blackpink หรือซีรีส์อย่าง “Crash Landing on You” ก็เลยเข้าใจว่าเกาหลีโตเพราะ K-pop กับ K-drama เป็นหลัก
แต่ในความเป็นจริง เกาหลีใต้คือประเทศที่มีเศรษฐกิจ Top 15 ของโลก และมีอุตสาหกรรม “ที่แข็งแกร่งระดับโลก” อีกหลายด้าน เช่น
- เทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์: Samsung, LG, SK Hynix เป็นผู้ผลิตชิปและอุปกรณ์ไอทีที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีบทบาทในการผลิตจอ OLED, memory chip และสมาร์ตโฟน
- ยานยนต์: Hyundai และ Kia เป็นแบรนด์ที่ส่งออกไปทั่วโลก และยังพัฒนาเทคโนโลยี EV, hydrogen fuel และรถไร้คนขับอย่างต่อเนื่อง
- ความงาม (K-beauty): อุตสาหกรรมเครื่องสำอางเกาหลีส่งออกทั่วเอเชียและยุโรป มูลค่าการส่งออกแตะหลักหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี
- อาวุธและเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ: ปัจจุบันเกาหลีใต้ติด 1 ใน 10 ประเทศที่ส่งออกอาวุธมากที่สุดในโลก เช่น รถถัง K2, ปืนใหญ่อัตตาจร K9 ที่ประเทศโปแลนด์และกลุ่มนาโต้สั่งซื้อ
- การแพทย์และวิจัยชีวภาพ: มีบริษัทอย่าง Celltrion, Samsung Biologics ที่ผลิตยาชีววัตถุและวัคซีน
เกาหลียังเป็นเจ้าภาพจัดงานวิจัย AI และเทคโนโลยีเขียว เช่น พลังงานสะอาด และระบบ Smart City อีกด้วย
เรียกได้ว่าเกาหลีใต้ไม่ได้มีแค่ K-pop แต่คือ “ประเทศเทคโนโลยีชั้นนำ” ที่บูรณาการวัฒนธรรมกับอุตสาหกรรมอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดประเทศหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้